Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาหารชีวจิต
5DCCEA70-5A5D-4935-A15B-D87B556BBA54, สาทิส อินทรคำแหง./…
อาหารชีวจิต
มารู้จัก
คำว่า “ชีวจิต” ก่อนนะคะ
ชีวจิต เป็นแนวความคิดเรื่องสุขภาพแบบองค์รวม คือ ผนวกรวมเอา "ชีว" ที่หมายถึง "กาย" รวมเข้ากับ "จิต" ที่หมายถึง "ใจ" ซึ่งทั้งสองส่วนย่อมมีผลต่อกันโดยตรง และไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หรืออธิบายได้ว่า คนเราจะมีความสุข ความแข็งแรงได้ ก็ต่อเมื่อกาย และใจ ทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้ชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติให้มากที่สุด
เมื่อนำแนวทางการปฏิบัติแบบชีวจิตมาใช้ร่วมกับการรับประทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ เพื่อให้ได้สุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ จึงเกิดเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบใหม่ เป็นที่นิยม และแพร่หลายอย่างมาก นั่นก็คือ "อาหารชีวจิต"
-
-
อาหารชีวจิต
เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่ศึกษา และปรับปรุงจากหลักการของแมคโครไบโอติกส์ ให้เหมาะสมกับสภาพวิถีชีวิตของคนไทย กล่าวโดยรวมๆ อาหารชีวจิต คือ อาหารชั้นเดียว หมายถึง อาหารที่คงสภาพตามธรรมชาติเดิมไว้มากที่สุด ไม่ต้องผ่านการปรุงแต่งมากมาย และคงรสชาติเดิมของอาหารไว้มากที่สุด เป็นการนำความรู้ทางโภชนาการขั้นสูงมาพิจารณาอาหารต่างๆ แล้วเลือกสรรเฉพาะอาหารที่ให้คุณค่าแก่ร่างกาย และจิตใจมากที่สุด ที่สำคัญคือ เป็นอาหารที่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในร่างกายน้อยที่สุด
-
อาหารที่ควรงด
ตามแนวทางชีวจิต
เนื้อสัตว์ย่อยยาก ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่
แป้งขัดขาว และผลิตภัณฑ์จากแป้งขัดขาวทุกชนิด
น้ำตาลฟอกขาว และผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลฟอกขาวทุกชนิด
ไขมันเลว คือ ไขมันอิ่มตัว ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์ม และกะทิ
-
ประโยชน์ที่ได้จากการ
รับประทานอาหารชีวจิต
ช่วยขจัดสารเคมีหรือสารพิษอันตรายต่างๆ ออกจากร่างกายได้ดี
ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายแข็งแรง
ช่วยให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น และเลือดมีการถูกฟอกให้สะอาด
ช่วยให้มีอายุยืนขึ้น เพราะเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายเสื่อมช้าลง
ช่วยให้ไม่แก่ไว เพราะเกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนภายในผิวหนัง ทำให้เซลล์ไม่เสื่อมสภาพเร็ว
ช่วยให้ผิวพรรณดีสดใส ด้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก
ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ทำให้ของเสียต่างๆ ภายในร่างกายหลุดออกมา
ช่วยให้ลำไส้และกระเพาะทำงานได้ดีขึ้น ไม่ต้องทำงานหนัก เนื่องจากเป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่หนักท้อง
ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, โรคเกาต์ เป็นต้น
อาหารต้องห้าม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำให้เซลล์ตับเสื่อมลง ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือฟรีเรดิคัลในร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผลคือทำให้แก่เร็ว และพลังงานที่เราได้จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ตัวอย่างเช่น การดื่มเบียร์ที่นอกจากทำให้แก่ยังทำให้อ้วนด้วย อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ปกติค่ะ
ยิ่งกว่านั้น ในชั้นไขมันของผู้ชายจะมีเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนโทสโทสโทอโรน (Testosterone)ให้เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)เช่นเดียวกับในผู้หญิง ถ้าดื่มเบียร์มากๆ ผู้ชายจะมีหน้าอกใหญ่ขึ้น เส้นขนตามร่างกายน้อยลง และดูอ้วนฉุๆ ที่สำคัญคือ ดูแก่กว่าอายุค่ะ
-
-
ผักหรือผลไม้ดอง
จากข้อมูลของกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอาหารหมกดองที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานมีจะนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเกลือปริมาณสูง ซึ่งจะทำให้ไตทำงานหนัก อีกทั้งยังมีสีผสมที่อาจไม่ได้มาจากธรรมชาติ หลายครั้งตรวจพบโลหะหนักเจือปน และมีขัณฑสกร (ดีน้ำตาล) จำนวนมากเพื่อเพิ่มความหวาน
สารประกอบที่กล่าวมาเหล่านี้จะทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานผิดปกติ ถ้าภูมิต้านทานเดิมไม่ดีอยู่แล้ว โอกาสที่จะเจ็บป่วยหลังการกินผัก-ผลไม้ดองจะมีสูงมาก นอกจากนี้อาหารหมักดองยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เนื่องจากทำให้ผิวแห้งแตก เพราะร่างกายขาดน้ำอ่างรุนแรง เป็นผลมาจากเกลือและขันฑสกรที่ผสมอยู่ นำไปสู่การอักเสบในระดับเซลล์ของผิว และตามมาด้วยความแก่ร่วงโรยนั่นเอง
-
-
อาหารหวานจัด
การที่โมเลกุลของน้ำตาลเข้าไปเกาะที่ดีเอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรม จะทำให้ “แก่ระดับเซลล์” เรียกว่า ปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation)ซึ่งทำให้เกิดการข้ามสายพันธุ์โมเลกุล (Cross-linking) ส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งและเปราะ เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
ข้อเสียที่ตามมา คือ คอลลาเจนใต้ผิวถูกทำลาย ส่งผลให้หน้าไม่เด้ง เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวหนัง ทำให้ดูหน้าแก่ อีกทั้งข้อต่อแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ร่างกายจึงดูแก่ตามมา นอกจากนี้การเผาผลาญน้ำตาลในปริมาณมากยังทำให้เกิดการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งสัมพันธุ์กับโรคเกี่ยวกับการอักเสบ เช่น โรคปวดข้อรูมาทอยด์ เป็นต้น
-
อาหารที่มันเยิ้ม
การกินอาหารมันเยิ้มยังทำให้คอเลสเตอรอล ซึมผ่านไปในผนังหลอดเลือดแดง ก่อนแตกตัวและปล่อยฟรีเรดิคัล หรืออนุมูลอิสระออกมาทำร้ายเซลล์ ทำให้เซลล์เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เกิดการอุดตันและปริแตกของผนังหลอดเลือด น้ำไปสู่การอักเสบเรื้อรังในทุกส่วนรวมถึงผิวในที่สุด
-
-
-
-
-
-
-