Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สถานการณ์ที่ 2 ระยะตั้งครรภ์, น.ส.อรยา ลาชัย 61120267 Section 2 กลุ่ม 4 -…
สถานการณ์ที่ 2 ระยะตั้งครรภ์
ข้อ 1 จากข้อมูลจงวาดกราฟการคลอด (Partograph) และวิเคราะห์กราฟการคลอดเป็นปกติหรือไม่พร้อมให้เหตุผลประกอบ
ปกติ
เพราะว่าการเคลื่อนตัวของ (intersity แรงหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกเป็นไปตามระดับของการหดรัดตัวการเปิดขยายของปากมดลูกมีการเปิดขยายเป็นระดับตามช่วงเวลาความหนาบางของปากมดลูกดีและ station เป็นไปตามระดับ
ข้อ2. การกดรัดตัวของมดลูก (Interval duration intensity) การ Dilataion และ Effacement ของมดลูกในระยะที่ 1 มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
ตอบ เหมาะสมเพราะในระยะ latent - duration ใช้เวลา 20-30 นาที - Interval อยู่ที่ 5-30 นาที - Intensity อยู่ในระดับ mild 1 + - Cervix dilatation 0-3 cm. - ความหนาของคอมดลูก 0.5 cm. Effacement 75-80% ในระยะ active - duration จะมีระยะเวลาที่นานขึ้นเรื่อยๆจนถึง 60 วินาที แต่ไม่ควรเกิน 90 วินาที ( เพราะจะทำให้ขาดออกซิเจน ) - Interval อยู่ที่ 3-5 นาที - Intensity อยู่ที่ระดับ moderate 2 + ( แต่ช่วงเวลาปลายระยะที่ 1 จะอยู่ระดับ 3 + strong ) - Cervix dilatation 4-10 cm. - ความหนาของคอมดลูก 0.2-0.3 cm.effacment 100%
ข้อ 3.หากผู้คลอดรายนี้ตั้งครรภ์ครั้งที่ 3 ปากมดลูกจะเปิดมดช่วงเวลาใด
โดยเฉลี่ยแล้วครรภ์หลังจะใช้เวลา 6 ชั่วโมงในระยะที่ 1 ของการคลอดหากมารดารายนี้เจ็บครรภ์คลอดตั้งเเต่เวลา 01:00 น. ปากมดลูกจะเปิดหมดในเวลา 09:30 น.
ข้อ 4.อธิบายหลักการหายใจอย่างมีแบบแผนเพื่อบรรเทาปวดในระยะ Latent ระยะ Active และระยะ Transitional
แบบแผนการหายใจ มีดังนี้
การหายใจช้าโดยใช้ทรวงอก ( Slowchestbreathing )
ใช้ในระยะ latent ตั้งแต่ปากมดลูกเปิดจนถึง 3 เซนติเมตรสามารถปฏิบัติได้ดังนี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่งต่อนาทีการผ่อนคลายเต็มที่
ขณะมดลูกเริ่มหดรัดตัวหายใจเข้าและออกยาว ๆ (cleansing breath) 1 ครั้ง
นั่งหรือนอนในท่าที่สบายร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายเต็มที่ลืมตาเพ่งความสนใจ
หายใจเข้าทางจมูกช้าๆและผ่อนลมออกทางปากข้า ๆ หายใจประมาณ 6-9 ครั้ง
มตลูกคลายตัวหายใจเข้าและออกยาว ๆ (cleansing breath) 1 ครั้งขณะที่มดลูกหดรัดตัวการหายใจจะต้องข้าจังหวะสม่าเสมอเงียบและเบามี
การหายใจตื้นโดยใช้ทรวงอก (Shallow chest breathing)
ใช้เมื่อมดลูกมีการหดรัดตัวแรงขึ้นนานขึ้นและมีขึ้นตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 3 เซนติเมตรขึ้นไปจนถึง 8 เซนติเมตรสามารถปฏิบัติใต้ดังนี้ไปที่จุดใดจุดหนึ่ง
หายใจเข้าทางจมูกช้าๆและผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ (แบบที่ 1) จนกระทั่งมดลูกหดรัดตัวเต็มที่จึงเปลี่ยนเป็นการหายใจเข้าและออกผ่านทางปากและจมูกตื้น ๆ เร็ว ๆ ขณะหายใจเข้าให้นึกถึงคาว่า “อา" หายใจออกให้นึกถึงคำว่า “คี” ลักษณะการหายใจจะเป็น อา-คี-อา-คี-อา-คี…
การหายใจแบบตื้น ๆ และเป่าออก (Pant-blow breathing)
การหายใจวิธีนี้ใช้ในระยะ transition คือปากมดลูกเปิด 8-10 เซนติเมตรซึ่งระยะนี้มดลูกหดรัดตัวแรงนานและถี่มากขึ้นผู้คลอดบางรายอาจรู้สึกอยากเบ่ง
หายใจแบบตื้น ๆ เร็ว ๆ 4 ครั้งแล้วเป่าลมออกทางปาก 1 ครั้งลักษณะการหายใจจะเป็น อา-คี-อา-ค-อา-ค-อา-คี-ฟู
ข้อ 5.ผู้คลอด ปากมดลูกเปิด 1 ซม. บาง 75 % ส่วนน าอยู่ระดับ -2 ผู้คลอดบอกว่าตนเองรู้สึกกลัวการเจ็บและกังวลเรื่องการคลอด นักศึกษาจะวางแผนการพยาบาลอย่างไร
ระยะปากมดลูกปิดซ้ำ (1-3 เซนติเมตร) ประเนการหดรัดตัวของมคลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารก ทุก 24 ชั่วโมง ผู้คลอดสามารถนอนหลับพักผ่อน ลุกเดินเข้าห้องน้ำและรับประทานอาหารได้ตามปกติ พยาบาลผดุงครรภ์ตรวจภายในเมื่อมีถุงน้ำคร่ำแดก หรือคาคว่าเข้าสู่ระยะปากมดลูกเปิดเร็ว
ข้อ 6.จากการตรวจภายในท่านจะทราบได้อย่างไรว่ามีกลไก Flexion และ กลไก Internal rotation of head เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
กลไก Flexion
กลไก Internal rotation
ข้อ 7.ทารกท่า LOA มีกระบวนการ Internal rotation of head แตกต่างกับทารกท่า ROP อย่างไร
ท่า LOA คือ Occiput หมุนแบบ anterior rotation โดยหมุนเอาส่วนนูนของศีรษะด้านหน้าไปอยู่ที่ส่วนเว้าของ sacrum เอา Occiput อยู่ใต้ symphysis pubis ดังนั้นรอยต่อแสกกลางจะค่อยๆ เปลี่ยนจากแนวขวางมาเป็นแนวเฉียงทีละน้อยจนกระทั่งอยู่ในแนวเฉียงเต็มที่ในช่องกลางพอดี ขณะที่ส่วนนำเลื่อนต่ำลงก็จะมีการหมุนไปด้านหน้าเรื่อยๆ จะพบรอยต่อแสกกลางเฉียงขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งมาอยู่ในแนวหน้า – หลังของช่องทางออกเชิงกราน
ท่า ROP ทารกในครรภ์ท่าท้ายทอยอยู่ด้านหลัง หมายถึงการที่ทารกในครรภ์มียอดศีรษะเป็นส่วนนำและหลังของทารกอยู่ทางด้านหลังของเชิงกรานมารดา (El-Mowafi,2016) ทารกท่า OP เป็นได้ทั้งท่า ROP และ LOP (ภาพที่ 1) ซึ่งทั้ง 2 ท่านี้ระหว่างที่มีการหมุนภายในช่องเชิงกราน(internal rotation) ศีรษะทารกต้องหมุนประมาณ 135องศา (ตัวอย่างเช่น ทารกท่า ROP จะหมุนเป็นท่า ROTหมุนเป็นท่า ROA และหมุนเป็นท่า OA ตามลำดับ) ส่วนใหญ่ทารกในครรภ์จะหมุนได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามมีทารกบางรายอาจหมุนไม่สำเร็จและคลอดออกมาในท่า OP
ข้อ 8.ขณะคลอดศีรษะทารกในกลไกการ Extension ทารกที่ก้มเต็มที่จะเอาเส้นผ่านศูนย์กลางใดออกมาทางช่องคลอดตามลำดับ
1 Sub occipito – bragematic diameter ( SOB )
2 Sub occipito – frontal diameter ( SOF )
3 occipito – frontal diameter ( OF )
4 occipito – mentum diameter ( OM )
5 Sub mento - bregmatic diameter ( SMB )
ข้อ 9.หลังคลอดทารก 20 นาที ผู้คลอดบอกว่าปวดท้อง มีเลือดเป็น Blood clot สีแดงคล้ำ ออกทางช่องคลอด 50 ซีซี และสังเกตเห็นก้อนกลมบริเวณเหนือสะดือเยื้องไปด้านขวาเล็กน้อย นักศึกษาคิดว่า
9.1ปกติหรือไม่อย่างไร
ปกติ
เพราะเลือดที่ออกมาตลอดการคลอด ปกติจะมีเลือดออกไม่ควรเกิน 500 ml. หรือในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอด ใน 1 ชั่วโมงแรกปกติแล้วไม่เกิน 60 ml. และในชั่วโมงที่สองไม่ควรเกิน 30 ml. หรือหลังคลอด 2 ชั่วโมงไม่ควรเกิน 100 ml.
9.2) รกน่าจะลอกตัวแบบ Schultze’s Method หรือ Matthews Duncan Method เพราะอะไร
Matthews duncan's method การลอกตัวของรกจะเกิดขึ้นโดยเริ่มที่บริเวณริมรกก่อนส่วนอื่นและเลือดที่เกิดจากการฉีกขาดของผนังมดลูกจะไหลซึมออกมาภายนอก (vulva sign) ในระหว่างที่การลอกตัวยังไม่สมบูรณ์ การลอกตัวชนิดนี้ไม่มีเลือดฝังอยู่ที่หลังรกที่จะช่วยในการลอกตัวของรกดังนั้นจึงทำให้รกลอกตัวได้สมบูรณ์ช้ากว่าชนิดแรก พบประมาณ 30% ของการลอกตัวทั้งหมด
9.3) อาการรกลอกตัวมีครบหรือไม่อย่างไร
ลอกตัวครบ จากการประเมินการลอกตัวของรก
Uterine sign
Cord sign
Vulvar sign
ข้อ10.จงอธิบายหลังการทำคลอดทารกและการทำคลอดรกที่ถูกต้อง
การทำคลอดทารก เริ่มตั้งแต่
การทำคลอดศีรษะ
การทำคลอดไหล่
การทำคลอดลำตัว
วิธีปฏิบัติในการทำคลอดรกมี ดังนี้
การป้องกันการตกเลือด โดยห้ามคลึงมดลูกก่อนที่จะมีการลอกตัวของรกสมบูรณ์เพราะจะทำให้เกิดการหดรัดตัวผิดปกติทำให้เกิดการลอกตัวของรกล่าช้าหรือลอกตัวไม่ได้เลย
ตรวจดูกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะเต็มจะขัดขวางการลอกตัวของรก
ตรวจสภาพร่างกายโดยทั่วไป สัญญาณชีพ โดยเฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
ตรวจสอบการลอกตัวของรก ถ้ารกมีการลอกตัวสมบูรณ์ให้พิจารณาทำคลอดรก
การประเมินตรวจสอบลอกตัวของรก มีข้อบ่งชี้ ดังนี้
มดลูก → เปลี่ยนรูปจากแบนเป็นกลม หดรัดตัว แข็ง ลอยสูงขึ้นเหนือระดับสะดือ (Uterine sign) เอียงไปทางด้านขวาของมารดา ซึ่งในเคสกรณีศึกษา มีการสังเกตเห็นก้อนกลม บริเวณเหนือสะดือเยื้องไปทางด้านขวาเล็กน้อย
สายสะดือ → ด้านมารดามีการเคลื่อนออกมายาวขึ้น (Cord sign) เมื่อทำ Cord test โดยใช้มือกดบริเวณเหนือกระดูกหัวเหน่าและโกยมดลุกขึ้นไปข้างบน และสายสะดือจะไม่เคลื่อนตามเข้าไปในช่องคลอดอีก แสดงได้ว่ารกมีการลอกตัวลงมาอยู่ที่ส่วนล่างของมดลูกแล้ว
มีเลือดออกจากช่องคลอด → ประมาณ 30-60 ml.
ข้อ 11.จงอธิบายหลักการป้องกันการตกเลือดหลังคลอดในระยะที่ 3 ของการคลอด
1) ให้ oxytocin 10 unit ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ deltoid ช้าๆ เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
Controlled cord traction เพื่อลดระยะเวลาในระยะที่ 3 ของการคลอด
4) Uterine massage เป็นการนวดคลึงมดลูกภายกลังทำคลอดรก โดยทำซ้ำ 15นาที ใน 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
ข้อ 12.จงอธิบายหลักการพยาบาลในระยะที่ 4 ของการคลอด
1) ตรวจสอบการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะ โดยตรวจประเมินทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกและทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่สอง เพื่อให้มดลูกแข็งตัว
2) ตรวจสอบกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง เนื่องจากหากกระเพาะปัสสาวะเต็ม อาจจะไปขัดขวางการแข็งตัวของมดลูก
3) ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรกและทุก 30 นาทีนั่วโมงที่ 2 เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ
4) ตรวจประเมินปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด เพื่อประเมินการสูญเสียเลือดหลังคลอด
ข้อ 13.จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจในระยะที่ 1 และ 2 ของการคลอดเหมาะสมหรือไม่
เหมาะสม
เนื่องจาก ผู้คลอดมีการกลัวความเจ็บและกังวลเรื่องการคลอดซึ่งเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองด้านจิตสังคมในระยะคลอดปกติ โดยการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม มีการแสดงออกมาแบบก้าวร้าว ว่าโทษตนเองหรือผู้อื่น มีการปฏิเสธ ซึมเศร้า แยกตัวเอง มีพฤติกรรมที่แสดงออกมาไม่เหมาะสม เช่น เพ้อฝัน ซึ่งผู้คลอดไม่ได้มีพฤติกรรมเหล่านี้
น.ส.อรยา ลาชัย 61120267 Section 2 กลุ่ม 4