Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกลุ่มทวีปเอเซีย ประเทศจีน -…
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกลุ่มทวีปเอเซีย ประเทศจีน
ข้อมูลทั่วไป
ตั้งอยู่ด้านตะวันออกทวีปเอเชีย มีพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย
พรมแดนติดต่อประเทศต่างๆ โดยรอบ 15 ประเทศ มีชนชาติต่างๆอยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดยเป็นชาวฮั่น ร้อยละ 93.3 ที่เหลือเป็นชนชั้นกลุ่มน้อยอื่นๆที่สำคัญ ได้แก่ ชนเผ่าจ้วง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตปกครองตนเองกวางสี และมณฑลยูนนาน
ประเพณี
เป็นเทศกาลที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อ อันเป็นจุดกำเนิดของชาวจีน
เทศกาลกินเจ
จุดประสงค์ของการกินเจ แบ่งเป็น 3 ประเภท
กินเพื่อสุขภาพ
กินด้วยจิตเมตตากินเพื่อเว้นกรรม
เทศกาลเช็งเม้ง
เป็นการไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ฮวงซุ้ยเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
อาหาร
นิยมรับประทานอาหารจานผักและธัญพืชเป็นหลัก
ในราชสำนักที่มีอาหารประเภทเนื้อเป็นหลัก อุปกรณ์การกินหลัก คือ ตะเกียบ
มีอาหารจีน 2 ตะกูลใหญ่ คือ อาหารเมืองเหนือ และเมืองใต้ มีการแบ่งอาหารเป็น 8 ตระกูลใหญ่
อาหารซันตง
อาหารกวางตุ้ง
อาหารอันฮุย
อาหารหูหนัน
อาหารเจียงซู
อาหารเสฉวน
อาหารฮกเกี้ยน
อาหารเจ้อเจียง
อาหารบ่งชี้ชนชั้น
อาหารเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและสถานะทางสังคม แสดงถึงตัวตนของผู้กิน
การแพทย์แผนโบราณของจีน
เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติซึ่งประกอบขึ้นจากธาตุหยินและหยาง การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเกิดจากหยิน-หยางถูกทำลาย
วิธีการรักษา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ การรักษาภายในด้วยการรับประทานยาและการรักษาภายนอกด้วยยาทา
การฝังเข็ม
คือ ทฤษฎีเส้นทางการไหลเวียนของเลือดลมในร่างกาย การฝังเข็มจะฝังที่ตรงจุลมปราณที่เหมาะสมกับโรค เพื่อไปกระตุ้นภูมิต้านทานโรคภายในร่างกายของผู้ป่วย หรือช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย
วัฒนธรรมอาหารจีน
ทฤษฎีธาตุห้า
ชาวจีนเชื่อว่าอาหารที่ดี ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ให้ท้องอิ่มหรือรสชาติดีเป็นสำคัญ แต่ ต้องทำหน้าที่เป็นยา การปรุงอาหารจึงต้องรู้หลักความสมดุลหยิน-หยาง และให้ความสำคัญกับธาตุทั้ง 5 จากความเชื่อที่ว่า ‘ฟ้า ดิน และมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน’ คือธาตุที่ประกอบด้วยไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ อันหมายถึงลมปราณทั้ง 5 ที่ต้องสอดประสานไปกับธรรมชาติ
การกินจึงต้องคำนึงถึงฤดูกาล สภาพแวดล้อม อากาศ และอาหารที่ให้ฤทธิ์ร้อน-เย็น รวมทั้งรสชาติที่ส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายและอาหารทำหน้าที่เป็นยาป้องกันและรักษา อันมาจากความเชี่อที่ว่านอกเหนือจากเชื้อโรคและปัจจัยภายนอก ความเจ็บป่วยจึงเป็นเรื่องของสมดุลธาตุในร่างกายเป็นหลัก
คนจีนมีความเชื่อที่ว่า ‘ดินน้ำถิ่นใด ก็เพื่อเลี้ยงผู้คนถิ่นนั้น
ทฤษฏีหยิน – หยาง
ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องดำรงหยิน-หยางให้คงไว้ในสภาวะสมดุล
ร่างกายประกอบด้วยเนื้อเยื่อ โครงกระดูก เส้นผม เล็บ ซึ่งเป็นหยิน ส่วนหยางคือพลังงานของชีวิต ภายใต้สภาพปกติหยินหยางจะมีสภาวะสมดุลในลักษณะที่ตรงกันข้าม ก่อให้เกิดการไหลเวียนของพลังในร่างกายไปทั่วทุกจุดแล้ว
โรคหยินและหยาง
โรคหยาง เป็นโรคชนิดเฉียบพลัน
มีลักษณะเดินหน้าและเพิ่มขึ้น มักปรากฏเป็นอาการไข้สูง จิตใจกระสับกระส่าย กระหายน้ำ ชอบกินของเย็น ท้องผูก ขัดเบา เป็นต้น
โรคหยิน เป็นโรคชนิดเรื้อรัง
มีลักษณะถอยหลังและลดลง มักปรากฏเป็นอาการเย็นง่าย หนาวง่าย เซื่องซึม ไม่มีเรี่ยวแรง กินอาหารน้อยลง ท้องเดิน อุจจาระเหลว มือเท้าเย็น เป็นต้น
รสทั้งห้าของอาหาร
รสเผ็ด เป็นอาหารจำพวกหยาง
ช่วยระบาย ช่วยให้พลังเดิน ทำให้โลหิตไหลเวียน แก้ไข้ปวดกระเพาะ ปวดรอบเดือน
รสหวาน (รวมรสจืด) เป็นอาหารจำพวกหยาง
ช่วยปรับโจงชี่ให้สมดุล มักใช้บำบัดม้าม และกระเพาะอ่อนแอ อาหารไม่ย่อย สตรีร่างกายอ่อนแอหลังคลอด ปวดตามกระดูกและเอว
รสเปรี้ยว (รวมรสฝาด) เป็นอาหารจำพวกหยิน
ช่วยหยุดการหลั่งของเหลวและเพิ่มน้ำในร่างกาย มักใช้บำบัดอาการเหงื่อออกผิดปกติขณะหลับ ปัสสาวะบ่อย ม้ามพร่อง สตรีตกขาว ร้อนใน
รสขม เป็นอาหารจำพวกหยิน
ช่วยขับร้อน สลายชื้นปรับสภาวะพลังย้อนกลับ มักใช้บำบัดอาการหวัดแดด เป็นไข้ ตามัว ดีซ่าน
รสเค็ม เป็นอาหารจำพวกหยิน
ช่วยระบาย และขับของเหลวในร่างกาย บำรุงไต และเลือด มักใช้บำบัดอาการท้องผูก ฝี ตัวบวม ไตพร่อง ขาดเลือด
การกินตามหยิน–หยาง
คนจีนเน้นเรื่องความสมดุลหยิน – หยาง
กล่าวคือ ปกติคนเราต้องมีหยินและหยางเท่ากันหากอย่างใดอย่างหนึ่งหากมากหรือน้อยไปจะเกิดโรค ในการกินอาหารจึงต้องสังเกตว่าสภาพร่างกายของตัวเองร้อนหรือเย็น เช่นถ้าตัวร้อนจะกินของเย็น คืออาหารที่เป็นหยิน แต่ถ้าร่างกายเย็นให้กินของร้อน คืออาหารที่เป็นหยาง เพื่อปรับสมดุล
อาการที่พบบ่อยเมื่อหยิน– หยางไม่สมดุล
หยินพร่อง
คือสารที่เป็นน้ำในร่างกายน้อยทำให้มีอาการคล้ายคนขาดน้ำ คือ ร้อนใน ปากแห้ง คอแห้งโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ขี้หงุดหงิด ผิวแห้งเหี่ยว ฝ่ามือและฝ่าเท้าร้อน อาการคล้ายคนวัยทอง
การกินเยียวยาอาการหยินพร่อง
แนะนำให้กินผักและผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น สาลี่ แครอท หัวไช้เท้า กินผักมากๆ งดของเผ็ด เพราะรสเผ็ดทำให้มีการขับน้ำออกจากร่างกายมากขึ้นทำให้ภายในร่างกายแห้ง
หยางพร่อง
เกิดจากความอบอุ่นหรือไฟในร่างกายน้อยลง ข้างในจึงเย็น มีอาการฝ่ามือ – ฝ่าเท้าเย็นหนาวง่าย ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน หน้าตาซีดเซียว
การกินเยียวยาอาการหยางพร่อง
แนะนำให้กินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานประเภทเนื้อสัตว์ รังนก ซุปต่างๆ แต่ถ้ากินแล้วรู้สึกร้อนให้หยุดกิน และถ้าจะกินผลไม้ให้กินในช่วงมื้อกลางวันมากกว่า เนื่องจากเวลากลางคืนหยางจะลดลงตามธรรมชาติ หากกินของเย็นในช่วงเย็นจึงเป็นการเข้าไปดึงหยางให้ลดลงไปอีก
หยางเกิน
เกิดจากหยางพุ่งขึ้นข้างบน ทำให้เลือดพุ่งขึ้นข้างบนทำให้มีอาการหน้าแดง ตาแดง โมโหง่าย ความดันโลหิตสูง
การกินเยียวยาอาการหยางเกิน
ควรงดแอลกอฮอล์ กาแฟ รวมทั้งยาบำรุงบางชนิดที่ให้ความร้อน เพราะจะยิ่งทำให้เลือดสูบฉีดและควรกินอาหารที่เป็นหยินซึ่งมีฤทธิ์เย็นเพิ่มขึ้น
อาหารประจำธาตุ
อาหารประจำธาตุดิน
ได้แก่ อาหารที่มีสีเหลือง เช่นถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง ลูกเดือย เม็ดบัว ฟักทอง ข้าวโพด แครอทเต้าหู้ ตลอดจนอาหารรสหวาน ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารลดอาการท้องอืด ถ่ายเป็นก้อนดีขึ้น รักษาพลังงานดีขึ้นด้วยเหมาะกับคนธาตุดินที่มีลักษณะกล้ามเนื้อใหญ่และแน่น แต่ระบบย่อยอาหารรวนง่าย เช่น มักมีอาการปวดท้องทันทีเมื่อกินผิดเวลา
อาหารประจำธาตุไฟ
ได้แก่ อาหารที่มีสีแดง เช่น ทับทิมเรดเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ เห็ดหลินจือแดง ตลอดจนอาหารรสขม เช่น สะเดา มะระ ตามหลักวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่า ธาตุเหล็กทำให้อาหารเป็นสีแดงตามธรรมชาติ อาหารเหล่านี้ช่วยปรับธาตุไฟในร่างกาย ช่วยบำรุงเลือด รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแรงแก่หลอดเลือดอย่างตรงจุด
อาหารประจำธาตุน้ำ
ได้แก่ อาหารที่มีสีดำ เช่น งาดำถั่วดำ เห็ดหลินจือ เห็ดหอม แบล็กเบอร์รี่ ตลอดจนอาหารรสเค็ม เช่น เกลือ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงไต (ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนถือว่าไตเป็นรากฐานของชีวิต) ช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำในร่างกาย ช่วยให้ไตขับน้ำมากขึ้น และช่วยให้คนธาตุน้ำที่ตัวบวมน้ำมีอาการดีขึ้น
อาหารประจำธาตุไม้
ได้แก่ อาหารที่มีสีเขียวเหลือง ตามสีของน้ำดีจากตับ ตลอดจนอาหารรสเปรี้ยว อาหารกลุ่มนี้ช่วยบำรุงตับ เส้นเอ็น และดวงตา เหมาะกับคนธาตุไม้ที่มักมีอาการเส้นเอ็นอักเสบบ่อยๆ และอักเสบเรื้อรัง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
อาหารประจำธาตุโลหะ
ได้แก่ อาหารที่มีสีขาว เช่น หัวไชเท้า ผักกาดขาว ตลอดจนอาหารรสเผ็ด ควรกินอาหารกลุ่มนี้ในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากช่วยบำรุงปอด ช่วยให้ปอดทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ และช่วยป้องกันหวัด
ความสัมพันธ์ของธาตุทั้ง 5
ธาตุทั้งห้าจะมีความสัมพันธ์ต่อกันใน 2 ลักษณะ
การสร้าง
หมายถึงการหนุนเนื่องให้มีการเกิดและการพัฒนา ธาตุที่เป็นตัวสร้างถือเป็น ธาตุ”แม่” ส่วนธาตุที่ถูกสร้างถือว่าเป็นธาตุ “ลูก” ตัวอย่างเช่น น้ำ สร้างไม้ น้ำจึงเป็นแม่ของไม้ และไม้เป็นลูกของน้ำ แต่ไม้สร้างไฟ ไม้ จึงเป็นแม่ของไฟและไฟเป็นลูกของไม้
การข่ม
หมายถึงการคุม หรือกดกันไว้
ดังนั้นการสร้างและการข่มจะดำเนินควบคู่สัมพันธ์กันในลักษณะสมดุลเพื่อทำให้สิ่ง ทั้งหลายเกิดขึ้นเจริญเติบโต ทรงตัวอยู่ได้ และตายไป หากสมดุลถูก ทำลาย ความผิดปกติจะเกิดขึ้น
ทฤษฎีปัญจธาตุนี้นำมาประยุกต์อธิบายในการจำแนกโรคและใช้เป็นแนวทางการรักษา
เช่น โรคตับ (ธาตุไม้) อาจถ่ายทอดไปยังหัวใจได้ (ธาตุไฟ) เพราะธาตุไม้ สร้างธาตุไฟ หรือแม่ป่วยแล้วลูกป่วยตาม โดนอาจจะย้อนกลับไปหาธาตุน้ำได้ คือป่วยเป็น โรคไตได้อีก เพราะธาตุน้ำสร้างธาตุไม้ ดังนั้นการรักษาต้องติดตามไปถึง อวัยวะที่เป็นแม่ และอวัยวะที่เป็นลูกของอวัยวะที่เป็นโรคด้วยเสมอ
สิ่งที่ได้และข้อเสนอแนะ
เพื่อนๆนำเสนอได้ดีและเข้าใจง่าย คลิปน่ารักและน่าสนใจ แต่เนื้อหานำเสนอเยอะไปนิด สิ่งที่ได้คือได้รู้วัฒนธรรมการกินอาหารของคนจีน ซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน