Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะปกติอุจจาระจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณร้อยละ 70-80
ความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระมักเกิดขึ้นเมื่อตื่นนอนหรือหลังมื้ออาหาร
การตื่นนอนและการลุกขึ้นเดินทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
การทำงานของลำไส้ใหญ่ บีบตัวเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งวัน เพื่อผลักดันให้อุจจาระเคลื่อนต่อไปยังไส้ตรง
หากละเลยความรู้สึกอยากขับถ่ายที่ร่างกายส่งมาให้ จะส่งผลให้สัญญาณนั้นอ่อนลงไปเรื่อย ๆ
ควรให้ความสำคัญกับสัญญาณความรู้สึกอยากขับถ่าย และให้เวลาที่เพียงพอสำหรับการขับถ่ายอุจจาระ
ควรดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ ในตอนเช้า
นี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวันก็ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย
การขับถ่ายอุจจาระเป็นสิ่งสำคัญ คือ การขับของเสียออกจากร่างกาย หากไม่ขับออก จะเกิดสารพิษตกค้างในร่างกาย
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
ความเหมาะสม (Opportunity)
สิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยในการขับถ่าย สถานที่ไม่เป็นส่วนตัว ห้องน้ำไม่สะอาด ส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ และเกิดอาการท้องผูก
ยา (Medication)
อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits )
ขึ้นอยู่กับกิจวัตรประจำวัน การรับประทานน้ำ อาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อน
การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
ทารกในครรภ์โตขึ้น มดลูกก็ขยายตัวโตขึ้น ทำให้ไปกดเบียดลำไส้ส่วนปลาย ต้องใช้แรงในการเบ่งถ่ายอุจจาระ และอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก
อารมณ์ (Emotion)
เมื่ออารมณ์เปลี่ยนแปลง จะทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การทำงานของระบบประสาท Sympathetic จะเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลง
อาการปวด (Pain)
โรคริดสีดวงทวาร การผ่าตัดส่วนลำไสตรง การผ่าตัดหน้าท้อง เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระ ผู้ป่วยจะไม่ยอมเบ่งถ่าย เพราะกลัวเจ็บ ทำให้เกิดอาการท้องผูก
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ถ่ายอุจจาระได้ปกติ
การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery and Anesthesia)
การดมยาสลบทั่วไป เป็นสาเหตุของการเกิด Peristalsis ลดลง ขระทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำไส้
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
น้ำเป็นตัวสำคัญที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ไม่แห้ง แข็งเกินไป ช่วยกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ดี
การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test)
เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคของระบบทางเดินอาหาร ส่งผลรบกวนการทำงานของลำไส้ชั่วคราว มีความจำเป็นทต้องทำให้สำไส้สะอาด งดน้ำและอาหาร การสวนอุจจาระ เป็นการเตรียมลำไส้
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก ๆ พืชผัก ผลไม้ จะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม เคลื่อนที่ได้ดี และขับถ่ายได้ง่าย
อายุ (Age)
เด็กเล็ก สามารถควบคุมการขับถ่ายได้เมื่ออายุ 24-30 เดือน
เด็กเล็กอาจมีการถ่ายอุจจาระวันละหลาย ๆ ครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนครั้งของการอุจจาระจะลดลง
ผู้สูงอายุ จะพบปัญหากล้ามเนื้อหย่อนยาน จะถ่ายอุจจาระได้มากกว่าวัยอื่น ๆ
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
ชนิด
Type 4
ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม
Type 5
ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน
Type 3
ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ
Type 6
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ
Type 2
ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน
Type 7
ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน
Type 1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
ลักษณะ
ลักษณะ
ผิดปกติและสาเหตุ
เหลว สาเหตุจากท้องเสียหรือการดูดซึมลดลง
แข็ง สาเหตุจากอาการท้องผูก
ปกติ
อ่อนนุ่ม
ความถี่
ปกติ
เด็ก : นมธรรมดา วันละ 4-6 ครั้ง , นมขวด วันละ 1-3 ครั้ง
ผู้ใหญ่ : วันละ 2 ครั้ง หรือ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ผิดปกติและสาเหตุ
เด็ก : มากกว่าวันละ 6 ครั้ง หรือ 1-2 วัน ครั้งเดียว
ผู้ใหญ่ : มากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือ สัปดาห์ละครั้ง
กลิ่น
ผิดปกติและสาเหตุ
กลิ่นเปลี่ยนเป็นเหม็นมาก สาเหตุจากการติดเชื้อในอุจจาระ
ปกติ
มีกลิ่นเฉพาะ จากอาหารตกค้าง
รูปร่าง
ผิดปกติและสาเหตุ
ขนาดเล็กคล้ายดินสอ สาเหตุจากการมีการอุดตันในทางเดินอาหารหรือมีการบีบตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
ปกติ
ขนาดเท่ากับความกว้างของลำไส้ตรง
สี
ปกติ
เด็ก : สีเหลือง
ผู้ใหญ่ : สีน้ำตาล
ผิดปกติและสาเหตุ
สีดำ สาเหตุมีธาตุเหล็กปนอยู่หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
สีแดง สาเหตุจากมีเลือดออกในทางเดินอาหาร มีริดสีดวงทวาร หรือบริโภคผักสีแดง
สีขาว หรือคล้ายดินเหนียว สาเหตุจากไม่มีน้ำดี
ซีด และเป็นมันเยิ้ม สาเหตุจากพร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
อื่น ๆ
ผิดปกติ
อุจจาระเป็นน้ำมันเยิ้ม สาเหตุจากพร้อมการดูดซึม ลำไส้อักเสบ โรคของตับอ่อน มีการผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้
เป็นมูก สาเหตุจากมีการระคายเคืองของลำไส้ มีการอักเสบ มีการติดเชื้อหรือได้รับอันตราย
เป็นเลือด หนอง มูก แปลกปลอม พยาธิ สาเหตุเกิดจากมีเลือดออกในทางเดินอาหาร รับประทานอาหารบูด มีการระคายเคือง มีการอักเสบ และมีพยาธิ
ปกติ
อาหารไม่ย่อย แบคทีเรียที่ตายแล้ว ไขมัน สำน้ำดี เซลล์หรือเยื่อบุลำไส้ น้ำ
สาเหตุและการพยาบาลผู้ปุวยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก
(Constipation)
สาเหตุ
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ การเคลื่อนไหวลดลง แรงตึงของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้ เกิดจากความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้ และการติดยาระบาย
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง สูญเสียการรับความรู้สึกของถวารหนัก
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดการอุดตัน
ภาวะผิดปกติของลำไส้มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก เกี่ยวข้องกับความไวต่อการกระตุ้นของอวัยวะภายใน
และการเคลื่อนไหวของลำไส้
ฝิ่น หรือ ยาระงับปวด ส่งผลต่อแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้ เพิ่มแรงตึงตัวของหูรูด
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร เป็นแอมโมเนีย ดูดซึมเข้ากระแสเรื่อง ทำให้เกิดอาการ สับสน ซึม โคม่า
อุจจาระอัดกันเป็นก้อนแข็ง
เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Incontinence)
เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
การพยาบาล
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ ควรฝึกถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
แนะนำให้ออกกำลังกาย
แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระ
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
การอัดแน่นของอุจจาระ
(Fecal impaction)
สาเหตุ
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนาน
การพยาบาล
เป้าหมายคือ การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงและอาจใช้นาระบายเพื่อทำให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่ม และหล่อลื่น
หรือการสวนอุจจาระ เมื่อใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ไม่สามารถถ่ายอุจจาระออกเองได้ อุจจาระจับกันเป็นก้อนและไม่ถูกขับออกตามปกติ ประมาณ 4-5 วัน
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลิน หรือสบู่เหลว
ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
ถุงมือสะอาด 2 คู่ และหน้ากากอนามัย (Mask)
หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกสำหรับใช่อุจจาระ
วิธีปฏิบัติ
ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้
เช็ดทำความสะอาด จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
พยาบาลสวมถุงมือ 2 ชั้น ใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น บอกผู้ป่วยให้รู้ตัวแล้วสอดนิ้วชี้เข้าทางทวารหนัก ให้ผู้ป่วยช่วยอ้าปากหายใจยาวๆ
เพื่อช่วยผู้ป่วยผ่อนคลายและไม่รู้สึกเจ็บ
ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ
ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ ขาขวางอเล็กน้อย (Sim’s position)
ลงบันทึกทางการพยาบาล
แนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
ภาวะท้องอืด
(Flatulence หรือ Abdominal distention)
สาเหตุ
มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมากอาหารไม่ย่อย กินอาหารมากเกินไป เคี้ยวไม่ละเอียด
ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
การพยาบาล
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา
การกลั้นอุจจาระไม่ได้
(Fecal incontinence)
สาเหตุ
เกิดจากการรบกวนที่หูรูดทวารหนัก หรือความผิดปกติของปลายประสาทรับความรู้สึกบริเวณทวารหนัก
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ผลด้านร่างกาย
มีอุจจาระไหลออกมาไม่รู้ตัว ทำให้สกปรกเปรอะเปื้อน
ผลด้านจิตใจ
สูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือต่อตนเอง
ผลด้านสังคม
เป็นเรื่องน่าอับอายส่งผลให้ไม่ต้องการออกสังคม
ผลด้านจิตวิญญาณ
ผลจากด้านต่างๆ ข้างต้น ทำให้สูญเสียคุณค่าในตนเองลดลง ขาดการแสดงออกถึงความต้องการการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
การพยาบาล
ด้านร่างกาย
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
ดูแลเสื้อผ้า ที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลาเลือกเป็นเวลาที่สะดวก
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด
ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
ด้านจิตใจและสังคม
อาจเกิดการเก็บกด พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม และเก็บตัวไม่ยอมรับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป
ภาวะท้องเสีย (Diarrhea)
สาเหตุ
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
เกิดจากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte imbalance)
เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง จากการบีบตัวของลำไส้และการถ่ายอุจจาระหลาย ๆ ครั้ง
การพยาบาล
ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
ประเมินภาวะสมดุลของน้ำและเกลือแร่เป็นระยะๆ
ทดแทนน้ำ และเกลือแร่ให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย
บันทึกปริมาณน้ำที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกายให้ครบถ้วน
สังเกตความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดร่วมด้วย
ดูแลเรื่องอาหาร
สังเกตและบันทึกลักษณะอุจจาระ ความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และประเมินความรุนแรงของอาการ
ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งค่อนข้างบ่อย
ช่วยเหลือผู้ป่วยให้ถ่ายได้ทัน ไม่หกเรี่ยราด
ให้โอกาสผู้ป่วยได้อยู่ตามลำพัง
แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
ช่วยเหลือทำความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ
ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
ประเมินสภาพผู้ป่วย
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ หรือการกลับซ้ำเป็นอีก
ล้างมือก่อนและหลังการให้การพยาบาลทุกครั้ง
แนะนำการได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
อธิบายให้ญาติล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย
บริการอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ ไม่มีแมลงวันตอม
ติดตามวัดสัญญาณชีพ ทุก 2–4 ชั่วโมงพบอาการผิดปกติรายงานแพทย์
ติดตามผลการตรวจอุจจาระ
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
(Fecal diversion)
ชนิดของ Stoma ที่เป็นช่องทางขับถ่ายอุจจาระ
Colostomy
Transverse colostomy (Loop colostomy) นำส่วนขวางของลำไส้ใหญ่มาเปิดออก
Sigmoid colostomy (End colostomy) นำส่วนปลายของลำไส้ใหญ่มาเปิดออก
Ascending colostomy นำส่วนต้นของลำไส้ใหญ่มาเปิดออก
เป็นทวารหนักชนิดลำไส้ใหญ่
Ileostomy
นำส่วนปลายของลำไส้เล็กมาเปิดออก
เป็นทวารหนักชนิดลำไส้เล็ก
การพยาบาล
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบ ๆ
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน แผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี ใช้สำลีสะอาด ต้มน้ำสุกทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที่ ทำความสะอาดด้วยน้ำ และสบู่อ่อน และซับให้แห้ง
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน ทำความสะอาดแบบการทำแผลด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
การปิดถุงรองรับอุจจาระ เมื่อทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ
ถุงปลายเปิด ใช้สำหรับของเสียที่เป็นน้ำ อุจจาระเหลว และมีปริมาณมาก
ถุงปลายปิด ใช้สำหรับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อน ใช้ได้ทั้งระบบชิ้นเดียวหรือสองชิ้น และเปลี่ยนถุงอย่างน้อยวันละครั้ง
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก็ส
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น
รับประทานอาหารที่ป้องกันอาการท้องผูก
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ในเวลาเดียวกันทุก ๆ วัน
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้ท้องเดิน
การออกกำลังกายและการทำงาน
ระยะแรก ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบา ๆ
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกำลังกายได้ตามปกติ
การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง
หัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และเบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน ตอนเช้า
ภาวะแทรกซ้อน
สังเกตและดูแลตนเอง จากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาด Stoma เช็ดผิวหนังรอบๆ เช็ดด้วยสำลีแห้ง และปิดถุงใหม่ลงไป
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดเปิดลำไส้ทางหน้าท้อง
หลังผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน แผลที่บริเวณ Stoma ก็จะแห้งสนิท
ระบบขับถ่ายอุจจาระก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
หลังผ่าตัด 6–8 เดือน สามารถออกกำลังกายได้
ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6–8 แก้ว
ต่อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์
ไส้เลื่อน หรือ ลำไส้ยื่นออกมามากผิดปกติ
เลือดออกมาก
ลำไส้ที่ทำทวารเทียมตีบแคบ บวม หรือ มีสีดำคล้ำ
ท้องเสียรุนแรง อุจจาระเหม็นผิดปกติ
ผิวหนังรอบทวารเทียมอักเสบหรือเกิดแผลเปื่อยจากอุจจาระสัมผัสบริเสณผิวหนัง
ท้องผูก ไม่ถ่ายอุจจาระ ท้องอืด อาเจียน
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เตรียมตรวจทางรังสี
ลดปัญหาอาการท้องผูก
เพื่อการรักษา
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enema
TNormal saline solution enema (NSS enema)
การสวนอุจจาระโดยใช้สารละลาย 0.9 % NSS นิยมใช้ ในผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยที่มีลำไส้อักเสบ
Fleet enema
การสวนอุจจาระโดยน้ำยาสำเร็จรูปคือสารละลาย Hypotonic บรรจุในขวดพลาสติก
Soap sud enema (SSE)
การสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ
Oil enema
การสวนอุจจาระโดยใช้น้ำมันพืช
Tap water enema (TWE)
การสวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลำไส้ ไม่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุล
Retention enema
Oil-retention enema
การสวนเก็บน้ำมัน เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว
Medicated enema
การสวนเก็บด้วยยา เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าไปในร่างกายทางทวารหนัก
อุปกรณ์เครื่องใช้
หม้อสวน
หัวสวนอุจจาระ
สารหล่อลื่น
ชามรูปไต
กระดาษชำระ
กระโถนนอน (Bed pan)
ผ้าปิดกระโถนนอน (Bed pad)
ผ้ายางกันเปื้อน
สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
เหยือกน้ำ
ถุงมือสะอาด 1คู่ และ Mask
เสาน้ำเกลือ
วิธีปฏิบัติ
เปิด Clamp เพื่อไล่อากาศในสายสวน และหัวสวน
บอกให้ผู้ป่วยทราบว่าจะทำการสวนอุจจาระ
ปิด Clamp หัวสวนไว้ เทน้ำยาใส่หม้อสวน
ล้างมือ สวมถุงมือ และต่อหัวสวนกับสายสวนให้แน่น
สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 3 นิ้ว
คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย
จับหัวสวนให้แน่กระชับมือ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
จัดท่านอนให้ถูกต้อง คือนอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาไปข้างหน้า
ค่อย ๆ ดึงสายสวนออกเบา ๆ ปลดหัวสวนออก
ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้นของผู้ป่วย
สอด Bed pan กั้นม่านให้มิดชิด
นำเครื่องใช้มาที่เตียง บอกผู้ป่วยให้ทราบถึงเหตุผลการสวน
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด
การเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบถ้วน สะดวกในการปฏิบัติ
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ข้อควรคำนึงในการสวนอุจจาระ
อุณหภูมิของสารน้ำ
105˚F (40.5 ˚C)
ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ
ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
เด็กอายุ 10–14 ปีใช้ในปริมาณ 500–750 ml.
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10 ปีใช้ในปริมาณ 250–500 ml.
ผู้ใหญ่ ใช้ในปริมาณ 750–1,000 ml.
เด็กเล็ก ใช้ในปริมาณ 150–250 ml.
ท่านอนของผู้ป่วย
ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position)
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
ควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับที่นอน ในเด็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
การปล่อยน้ำ
เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้
และลักษณะของสายสวนอุจจาระ
ควรสอดลึก 2-4 นิ้ว ควรใช้สายชนิดอ่อนนุ่ม โค้งงอง่าย มีรูเปิด 1-2 รู
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
หล่อเลื่อนยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ในผู้ใหญ่ และ 1 นิ้วในเด็ก
ทิศทางการสอดหัวสวน
ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้ว
แล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส
ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
ควรให้ผู้ป่วยหายใจทางปากยาว ๆ เพื่อผ่อนคลาย
และกลั้นอุจจาระต่อไปอีก 5–10 นาที หรือเท่าที่จะทนได้เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัวลง
การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
ควรบอกให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจเข้ายาว ๆ ให้ถอยหัวสวนออกมาเล็กน้อยหลังจากเลื่อนหัวสวนแล้ว ให้ดึงหัวสวนออกมาและเปลี่ยนใหม่
อาการแทรกซ้อนจากการสวนอุจจาระ
การติดเชื้อ เช่น ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ
การคั่งของโซเดียม
ภาวะเป็นพิษจากน้ำ (Water intoxication)
ผนังลำไส้ถลอก หรือทะลุ
ภาวะ Methemoglobinemia
การระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
มีการติดเชื้อในช่องท้อง (Infection of abdomen)
มีการอักเสบของลำไส้
ผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดลำไส้ส่วนปลาย (Post rectal surgery)
ลำไส้อุดตัน (Bowel obstruction)
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระ
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture)
การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ (Fecal examination หรือ Stool examination)
อุปกรณ์เครื่องใช้
ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
กระดาษชำระ
ใบส่งตรวจ
หม้อนอน
ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
วิธีปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
ให้ผู้ป่วยเบ่งถ่ายเล็กน้อย ใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว จุ่มไม้พันสำลีลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ ปิดฝาทันที
การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติ
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ และเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ระวังการปนเปื้อนปัสสาวะ น้ำและสิ่งปนเปื้อนอื่น
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้ง ใช้ไม้แบนเขี่ยอุจจาระจำนวนน้อยใส่ภาชนะ รีบปิดทันที ใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจาจาระ
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S: “ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกาย พบ Abdomen: Distension, Tympanic sound, Decrease bowel sound 1-2 time/min
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจำ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
เกณฑ์การประเมินผล
ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระ
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
การวางแผน
วางแผนให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพเรื่องการโรคของระบบทางเดินอาหารและลำไส้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
แนะนำให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสม
ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรไทยช่วยในการขับถ่ายอุจจาระทดแทนการใช้ยาระบาย
อธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้
ฝึกการขับถ่ายอุจจาระเป็นตรงเวลาทุกวัน
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่มีกากใย
ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ลดความเครียดหรือวิตกกังวล ช่วยทำให้นอนหลับสบาย
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
มีการถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย