Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะครรภ์แฝดน้ำ (polyhydramnios หรือ hydramnios) - Coggle Diagram
ภาวะครรภ์แฝดน้ำ
(polyhydramnios หรือ hydramnios)
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีปริมาณ น้ำคร่ำมากกว่าเปอร์เซนไตล์ที่ 95 ของแต่ละอายุครรภ์นั้น ๆ หรือมากกว่า 1.5-2 ลิตร ในไตรมาส สุดท้าย การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) พบมีค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำ(anmniotic fluid index [AF) มากกว่า 24-25 เซนติเมตร หรือค่าที่วัดแอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำ (single deepest pocket [SDP]) มากกว่าหรือเท่ากับ 8 เซนติเมตร อุบัติการณ์ของครรภ์แฝดน้ำพบประมาณร้อยละ 1
ชนิดของความรุนแรง ครรภ์แฝดน้ำสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้เป็น 3 ระดับ
1.ระดับน้อย (mild hydramnios) พบมีค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่า 24 หรือค่าที่วัด
แอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ามากกว่า 8
2.ระดับปานกลาง (moderate hydramnios) พบมีค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่า 32 หรือ ที่วัดแอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำมากกว่า 11
3.ระดับรุนแรง (severe hydrainios) พบมีค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่า 44 หรือค่าที่วัด แอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำมากกว่า 15
พยาธิสรีรภาพ
1.ความสมดุลของปริมาณน้ำคร่ำสัมพันธ์กับปริมาณของเหลวที่เข้าและออกจากถุงน้ำคร่ำ แตกต่างกันตามช่วงอายุครรภ์
3.ความผิดปกติของปริมาณน้ำคร่ำจะสัมพันธ์กับความผิดปกติของสมดุลจะมากหรือน้อย ขึ้นกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับทารกในครรภ์
2.ในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์จะสัมพันธ์กับปริมาณปัสสาวะ - ทารก การสร้างของเหลวจากปอด การกลืน และการดูดซึมผ่านทางเนื้อเยื่อของทารก
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
.
ด้านทารกในครรภ์
1 ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ทารกไม่มีกะโหลกศีรษะ (anencephaly) spina bifida
2 ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารได้แก่ ปากแหว่งเพดานโหว่ (cleft lip / palate) การตีบตันของหลอดอาหาร (esophageal atresia)
ดูโอดีนั่มตีบตัน (duodenal atresia)
ภาวะ ไส้เลื่อนกระบังลม (diaphragmatic hemia)
3 ความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อ คือ โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (myotonic dystrophy)
4 ความผิดปกติอื่น ๆ ได้แก่ trsonny 18 และทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
ด้านมารดา
มารดาเป็นเบาหวานโดยเฉพาะในรายที่ควบคุมได้ไม่ cernia และครรภ์แฝดที่มีภาวะแทรกซ้อนคือ twin-to- twin transfusion
สาเหตุที่เกี่ยวกับรกและเยื่อหุ้มทารก
เนื้องอกของรก (chonrioangioma) และการติดเชื้อซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis)
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของสตรีและทารก
ผลต่อสตรีตั้งครรภ์
ระยะตั้งครรภ์ การหายใจลำบาก ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
การเจ็บครรภ์คลอดก่อน กำหนด สายสะดือพลัดต่ำ (prolapsed cord)
รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะความดันโลหิตสูงขณะ ตั้งครรภ์ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะคลอด มดลูกหดรัดตัวไม่ดี การคลอดล่าช้า เพิ่มอัตราการผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้อง และการทำหัตถการทางสูติศาสตร์อื่น ๆ
ระยะหลังคลอด การตกเลือดหลังคลอด (postpartum hemorrhage)ผลต่อทารกทารกมีส่วนนำผิดปกติหรืออยู่ในท่าผิดปกติ สายสะดือพันคอ (nuchal Cord) ได้รับภาวะ แทรกซ้อนจากการคลอดก่อนกำหนด
อาการและอาการแสดง
ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำคร่ำที่เพิ่มขึ้น อาการและอาการแสดง ได้แก่ มีความไม่ แน่นอึดอัด หายใจลำบาก บางรายอาการรุนแรงจนไม่สามารถนอนราบได้ หน้าท้องตึง ท้องโตเร็ว มดลูกมีขนาดโตกว่าอายุครรภ์ คลำส่วนของทารกในครรภ์ได้ไม่ชัดเจน ฟังเสียงหัวใจทารกได้ยาก
แนวทางการรักษา
การรักษาสาเหตุโดยตรง ภาวะครรภ์แฝดน้ำที่สามารถรักษาได้โดยตรง
การควบคุมโรคเบาหวาน สำหรับ กรณีที่ทารกไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้ควรทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุด ได้แก่ Barts hydrops fetalis, anencephaly และ trisomy
ได้แก่ การทำ intra vascular transfusion ในรายที่มีภาวะ Rh-incompatibility ซิฟิลิส
2.การรักษาแบบประคับประคอง
การติดตามสุขภาพทารกและปริมาณน้ำคร่ำโดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงทุก 2-3 สัปดาห์
รักษาโดยการให้ยา Indomethacin ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม Prostaglandin Synthetase inhibitors ส่งผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้ไตลดการขับปัสสาวะลง ร่วมกับการลดการไหลเวียนเลือด ไปยังไตทำให้ปัสสาวะสร้างน้อยลง ยากลุ่มนี้ยังมีผลลดการสร้างและเพิ่มการดูดซึมกลับของสารนี้ ในปอดมากขึ้นทำให้ปริมาณน้ำคร่ำลดลง แนะนำให้ครั้งแรกในขนาด 25 mg. ทุก 6 ชั่วโมง แต่ค่อย ๆ ลดลงจนเหลือ 25 mg เช้า-เย็น ไม่ควรให้ยาหลังอายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์ ยาต่อมารดา ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน esophageal reflux, gastritis ถ้าใช้ระยะเวลานานอาจทำให้เกิด platelet dysfunction ได้ ผลข้างเคียงของยาต่อทารกที่สำคัญคือ ทำให้ ductus arteriosus ปิดก่อนกำหนด และอาจเกิด pulmonary hypertension โดยเฉพาะถ้าได้รับหลังอายุครรภ์ 32 สัปดาห์
การเจาะน้ำคร่ำออกทางหน้าท้อง (amnioreduction) ในรายที่มีปริมาณน้ำคร่ำมากจน รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ หรืออาจทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ถือเป็น ข้อบ่งชี้ในการรับเข้ารักษาในโรงพยาบาลและทำการเจาะน้ำคร่ำออกทางหน้าท้อ
การประเมินและวินิจฉัย
1.ซักประวัติ
ครรภ์แฝดน้ำแบบฉับพลัน(acute hydramnios) อาการจะรุนแรง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะ 4-5 เดือนแรกของ และเป็นสาเหตุหนึ่งของการคลอดก่อนกำหนด
ครรภ์แฝดน้ำแบบเรื้อรัง (hydramnios) ปริมาณน้ำคร่ำจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ความดันภายในโพรงมดลูกไม่สูงมากจึงไม่ค่อยมีอาการ
2.การตรวจร่างกายทารก
การตรวจร่างกายทั่วไป พบอาการหายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ การเคลื่อนไหวไม่ อก บวมบริเวณขาและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
การตรวจครรภ์ พบขนาดของมดลูกโตกว่าอายุครรภ์ ผนังหน้าท้องตึง คลำส่วนของทารกในครรภ์ได้ไม่ชัดเจน ฟังเสียงหัวใจทารกได้ยาก ทารกมีส่วนนำผิดปกติหรืออยู่ในท่าผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เป็นการตรวจช่วยวินิจฉัยโรคต่างๆ เช่น ตรวจคัดกรองเบาหวาน ในช่วงตั้งครรภ์
การตรวจพิเศษ
เป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อดูปริมาณน้ำคร่ำ ค่าที่วัดจาก แอ่งลึกที่สุดของน้ำคร่ำ ค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำ ความผิดปกติของทารกในครรภ์ ครรภ์แฝด รวมทั้งการ ตรวจน้ำคร่ำหรือเลือดจากสายสะดือทารกเพื่อประเมินความผิดปกติของโครโมโซม
ผลการตรวจ
Contraction stress test (CST) ทำในรายที่เป็น nonreactive NST โดยวิธีการทำต้องมีการหดรัดตัวของมดลูกร่วมด้วย ถ้าไม่มีต้องชักนำให้เกิด วิธีการชักนำอยู่ 2 วิธี คือ การกระตุ้นด้วย oxytocin หรือ nipple stimulation
เครื่องตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์อิเล็กทรอนิค (Electronic Fetal Monitoring; หรือ เครื่องEFM) หมายถึงเครื่องการตรวจประเมินการทำงานของ หัวใจทารกในครรภ์ และประเมินการหดรัดตัวของมดลูกแสดงผลและมีการบันทึกไว้อย่างต่อเนื่อง