Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การเข้าถึงผู้เรียน - Coggle Diagram
บทที่ 3
การเข้าถึงผู้เรียน
ความสำคัญของการสร้างไมตรีจิตระหว่างศิษย์และครู
การสร้างไมตรีจิตระหว่างศิษย์และครูเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินได้ตลอดรอดฝั่งจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าผู้เรียนรู้สึกสนุกกับการเรียนการสอนของครูผู้นั้น
ผลดีสำหรับครู
ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการสอนผู้เรียน
สามารถบริหารจัดการผู้เรียนได้ง่ายกว่าเนื่องจากได้รับความช่วยเหลือ
สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากผู้เรียน
กระตุ้นให้ครูมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงขึ้น เนื่องจากการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
ผลดีต่อผู้เรียน
รู้สึกสนุกกับการเรียน
ผู้เรียนให้ความร่วมมือมากขึ้นและยินดีที่จะเรียนรู้
มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาผลการเรียน
ผู้เรียนมีใจจดจ่ออยาดศึกษาเล่าเรียน
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในชั้นเรียน
ชั้นเรียนต้องมีความอบอุ่นต้อนรับและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนต้องการมาเข้าเรียนทุกวัน ลักษณะของสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนที่เชิญชวนให้อยากเรียนได้แก่
มีทรัพยากรการเรียนการสอนหลากหลาย
สะอาดและเป็นระเบียบ
เชิญชวนให้ผู้เรียนได้ขยายขอบเขตการเรียนรู้ของตนเอง
ต้อนรับผู้เรียน
กระตุ้นส่งเสริมให้เรียนรู้
สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียน
การมีเจตคติด้านความเข้าใจและเอาใจใส่ต่อผู้เรียน
เพื่อแสดงให้เห็นว่าครูเอาใจใส่ ครูควรรับฟังและพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้เรียนบอกกล่าว โดยสามารถปฏบัติได้ดังนี้
หากเป็นครูคนแรก ครูต้องกำหนดแบบฟอร์มที่มีข้อมูลพื้นฐาน หลังจากนั้นครูอาจจะขอพบและคุยกับผู้เรียนเป็นการส่วนตัวได้ เพื่อซักถามและบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม
ครูอาจขอพบผู้เรียนบ่อย ๆ เพื่อติดตามความเป็นไปในชีวิต
ครูตรวจดูประวัติผู้เรียนจากแบบฟอร์มจากที่ครูเคยสอน ไม่ว่าจะเป็นผลการศึกษา จุดเด่น จุดด้อย ประเด็นที่ต้องการเอาใจใส่เป็นพิเศษ พื้นเพครอบครัว
ครูอาจให้ผู้เรียนเขียนบันทึกประจำวันส่ง
ครูอาจเลือกวิธีการส่งบันทึกประจำวัน 2 สัปดาห์ผ่านทางอีเมลล์ แต่ต้องกำชับว่าเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเท่านั้น เพื่อป้องกันอีเมลล์ที่ไม่จำเป็น
เมื่อครูพูดคุยกับผู้เรียน อย่าด่วนสรุป ครูต้องรับฟังปัญหาเสียก่อน แทนการบอกว่าผู้เรียนควรทำเช่นไร
ครูอาจกำหนดอีเมลล์เฉพาะสำหรับอีดมลล์ของผู้เรียน กรณีที่อีเมลล์มีจำนวนมาก อาจเขียนจดหมายก็ได้ ครูควรกำชับว่าเป็นเรื่องใดก็ได้ทั้งการเรียนหรือด้านอื่น ๆ
สรุป
การสร้างไมตรีจิตระหว่างครูและศิษย์เป็นสิ่งสำคัญยิ่งของการเป็นครู เนื่องจากจะเป็นปัจจัยชี้นำให้ครูทราบว่าผู้เรียนในชั้นเรียนนั้นประสบความสำเร็จหรือมีประสิทธิภาพด้านการเรียนอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ครูต้องสื่อสารกับผู้เรียนด้วยการเริ่มปฏิบัติก่อน และผูเรียนจะเรียนรู้และตอบสนองในทำนองเดียวกัน
กลยุทธ์ในการสร้างไมตรีจิต
การสร้างไมตรีจิตส่วนตัว
ครูต้องรู้จักและเรียกชื่อผู้เรียนทุกคนในชั้นเรียนของครูได้ เกร็ดวิธีการสร้างไมตรีจิตส่วนตัวกับผู้เรียน ได้แก่
ครูอาจจัดทำแผนผังที่นั่งของผู้เรียนไว้ที่โต๊ะครู เพื่อช่วยในการขานชื่อผู้เรียนได้ถูกต้องและช่วยในการกำหนดการจัดที่นั่งในวิชาอื่น ๆ ด้วย
ครูอาจให้ผู้เรียนออกแบบกระดาษเขียนชื่อตนเองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแสดงบุคลิกลักษณะของตนออกมา และครูต้องไม่ลืมที่ชื่นชมผลงานเหล่านั้น
ศึกษาหมายเลขและชื่อผู้เรียนในชั้นเรียน เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการอ่านออกเสียงชื่อผู้เรียน
หากครูท่านอื่นไม่ทราบ ครูควรขอให้ผู้เรียนอ่านออกเสียงชื่อของตน การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดหรือเสียงหน้าต่อเหล่าผู้เรียนในชั้น
สร้างการทำงานร่วมกันในชั้นเรียน
ครูอาจเริ่มปีการศึกษาด้วยกิจกรรมละลายพฤติกรรม เกร็ดวิธีช่วยสร้างการทำงานร่วมกันในชั้นเรียน ได้แก่
ครูอาจแบ่งกลุ่มผู้เรียนโดยกำหนดให้ผู้เรียนผู้หนึ่งจดจำประโยคหรือวลีและบอกต่อไปยังเพื่อนในกลุ่มของตน และต้องเขียนถ้อยคำที่ถูกต้องบนกระดาน
ครูอาจแบ่งกลุ่มผู้เรียนโดยกำหนดให้ต่อภาพ โดยมีกติกาว่าต้องสลับชิ้นส่วนภาะเหล่านั้น และผู้เรียนจะต้องหาชิ้นส่วนที่ต้องการจากกลุ่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะด้วยการสอบถาม การแลกเปลี่ยนหรือเจรจาต่อรอง
ครอาจให้ผู้เรียนเล่นเกมสอบถามข้อมูลของเพื่อนร่วมชั้นที่ต้องการทำความรู้จักด้วย เช่น ความสนใจ ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด งานอดิเรก เป็นต้น
ปัจจัยที่มีอิทธอพลต่อจิตไมตรี
เจตคติของครูในการใช้ถ้อยคำเชิงบวก
หากต้องการให้ผู้เรียนมีทัศนะคติเชิงบวกต่อการเรียนการสอน ครูต้องเป็นผู้เริ่มก่อนโดยการเลือกใช้ถ้อยคำที่แสดงออกถึงทัศนคติเชิงบวกนั้นต่อผู้เรียน
ถ้อยคำที่สามารถกระตุ้นผู้เรียน ได้แก่ นักเรียนสามารถทำได้ พยายามได้ดีแล้ว ทำดีมาก ขอบใจ เป็นต้น
เจตคติของครูในการเป็นแม่แบบความประพฤติ
นอกจากการเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมแล้ว การแสดงออกเชิงบวกก็เป็นสื่อที่ดีต่อผู้เรียนเช่นกัน โดยครูสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
รับฟัง
แสดงความจริงในการพัฒนาของผู้เรียน
ยิ้มให้ผู้เรียน
แสดงความห่วงกังวลหากผู้เรียนทำได้ไม่ไดี
แสดงความสนใจ
รู้จักที่จะเรียนรู้อารมณ์และจำแนกได้ว่าเมื่อไหร่ที่ผู้เรียนมีปัญหา
รูปร่างลักษณะภายนอกและภาษากายของครู
ครูจะต้องปรับรูปร่างลักษณะภายนอกให้มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อให้เกิดความประทับใจเมื่อแรกพบ
หากพบว่าครูมีความเป็นมืออาชีพจริงจัง จริงใจและพอใจในงานหรืออาชีพ ครูนั้นก็จะได้รับความเคารพจากผู้เรียนเหล่านั้น
นอกจากรูปร่างลักษณะภายนอกแล้ว ภาษากายของครูที่สื่อออกมาก็จะแสดงให้เห็นถึงทัศนคติต่อผู้เรียนด้วย ภาษากายเป็นสิ่งรับรู้และตอบสนองได้ ดังนั้นหากครูต้องการให้ผู้เรียนเป็นเช่นไร ครูจงปฏบัติตนเช่นนั้น
เจตคติของครูในการปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง
ครูควรเป็นฝ่ายเริ่มปฏบัติตนเป็นตัวอย่างหากต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติตามเช่นนั้น ตัวอย่างการปฏิบัติได้แก่
กล่าว 'ขอบคุณ' เมื่อผู้เรียนได้ปฏิบัติตามที่ขอร้อง
ใช้คำว่า 'กรุณา' หากต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทักทายผู้เรียน
ขอร้องให้ผู้เรียนปฏิบัติตาม มิใช่ออกคำสั่ง
เรียกชื่อผู้เรียน
ครูเป็นบุคคลสำคัญที่จะหล่อหลอมผู้เรียน พฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงออกมาจะสะท้อนถึงทัศนะและพฤติกรรมของครูผูนั้นต่อเหล่าผู้เรียนนั่นเอง