ประเทศอิรัก
ข้อมูลทั่วไป
ประเทศอิรักหรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิรักเป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีอาณาเขตทางทิศ
อาณาเขตทางทิศเหนือจรดประเทศตุรกี
ทางทิศตะวันออกจรดประเทศอิหร่าน
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จรดประเทศคูเวต
ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศจอร์แดน
ทางทิศตะวันตกจรดประเทศซีเรีย
กรุงแบกแดด ซึ่งเป็นเมืองหลวง ตั้งอยู่ในกลางประเทศ ราว 97% ของประชากรอิรัก 36 ล้านคนเป็นชาวมุสลิม ส่วนใหญ่มีเชื้อสายซุนนีย์ ชีอะฮ์และเคิร์ด
ภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายและที่ราบกว้างใหญ่ตลอดแนวพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน
พื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศเป็นที่ราบลุ่มหนอง บึง มีเทือกเขากั้นพรมแดนกับอิหร่านและตุรกี
แม่น้ำสายหลัก 2 สายไหลผ่านกลางประเทศ
แม่น้ำไทกริส ความยาว 1,840 กม
แม่น้ำยูเฟรติส ความยาว 2,780 กม.
ภูมิอากาศ
ฤดูร้อน ช่วง เม.ย.-ต.ค. อากาศร้อนและแห้งแล้งแบบทะเลทราย เฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ และตะวันออกของประเทศ โดย ส.ค.เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด
ฤดูหนาว ช่วง พ.ย.-ก.พ. เฉพาะอย่างยิ่งช่วง ม.ค. บริเวณเทือกเขาทางเหนือของประเทศ มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิ 3-10 องศาเซลเซียส (เคยมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง) และมีหิมะตกหนักเป็นครั้งคราว
ฤดูใบไม้ผลิ บางครั้งทำให้เกิดอุทกภัยต่อเนื่องถึงบริเวณตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ ขณะที่ ช่วง ธ.ค. เป็นช่วงที่มีฝนตกชุก ภัยธรรมชาติอื่น ๆ
เชื้อชาติ
มุสลิมชีอะห์(ร้อยละ 65) และ มุสลิมสุหนี่ (ร้อยละ 20) นอกจากนี้ยังมีชาวเคิร์ด อยู่ในบริเวณเคอร์ดิสถาน ชาวเคริ์ดในอิรักมีอยู่ประมาณ 3,700,000 คน นับว่าเป็นคนส่วนน้อยในอิรัก
สุหนี่และชีอะห์ และ ยังปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวคิร์ดกับรัฐบาลกลางของอิรัก เพื่อเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมอีกด้วย
ศาสนา
ศาสนาอิสลาม 96%
ชีอะห์ 31.5%
ซุนนีย์ 64.5%
Yazdânism 2.0%
ศาสนาคริสต์ 1.2%
ศาสนาอื่นๆ 0.8%
โครงสร้างหรือรูปแบบการให้คําแนะนําผู้ป่วยเบาหวาน
การให้คําแนะนําเกี่ยวกับอาหารและการวางแผนมื้ออาหาร
ในระหว่างเดือนรอมฎอนผู้ป่วย ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล ควรรับประทานอาหารที่ปลดปล่อยพลังงานค่อนข้างช้า
อาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง เนื่องจากการย่อยและการดูดซึมอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อนจะค่อนข้างช้า
การออกกําลังกาย
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถออกกําลังกายเบา ๆ จนถึงระดับปานกลาง ได้อย่างปลอดภัย แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกําลังกายที่จริงจังหรือรุนแรง
ควรสนับสนุนให้ผู้ป่วยปฏิบัติกิจกรรมประจําวันตามปกติ นอกจากนี้การละหมาดในยาม ค่ำคืน (Tanawaih prayer) ในเดือนรอมฎอนก็เป็นการปฏิบัติกิจกรรมทางกายอย่างหนึ่ง
การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนที่ถือศีลอดควรมีการเตรียมการ เกี่ยวกับการตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือ รู้สึกไม่สบาย
การถือศีลอด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดในเวลาต่าง ๆ ก็จะมีประโยชน์สําหรับผู้ป่วยที่มี ความต้องการปรับการรักษาหรือขนาดยา
การเฝ้าระวังและการจัดการภาวะแทรกซ้อน
หากผู้ป่วยมีอาการเตือน (warming Symptoms) ของภาวะแทรกซ้อน สูง ควรแนะนําให้ ผู้ป่วยยุติการถือศีลอด
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานระหว่างเดือนรอมฎอน
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว
ผู้ป่วยสามารถถือ ศีลอดได้โดยมีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยไม่มีการควบคุมปริมาณอาหารในเวลาเช้ามืดและ เวลาเย็น
จึงควรมีการปรับปรุงโปรแกรมการออกกําลังกายให้เหมาะสมด้วยเพื่อ ป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยควรออกกําลังกายในเวลาหลังอาหารเย็นประมาณ 2 ชั่วโมง
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลด้วยยารับประทาน
Metformin ผู้ป่วยที่รับประทานยา metformin เพียงอย่างเดียวสามารถถือศีลอดได้อย่างปลอดภัย
Acarbose เป็นยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหาร และถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยมาก
Sulfonylureas ยากลุ่มนี้มีโอกาสทําให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้มาก โดยเฉพาะที่ออก ฤทธิ์นาน
Thiazolidinediones ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยทําให้เซลล์เป้าหมายมีการตอบสนองต่ออินซูลิน ได้ดีขึ้น แต่ไม่เพิ่มระดับอินซูลินในเลือด
repaglinide ออกฤทธิ์ โดยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น
Dipeptidyl peptidase-4 inhibitors เป็นยาเบาหวานกลุ่มใหม่ อาจใช้เป็นยาทางเลือกใน การรักษา
แนวทางในการนำทฤษฎีsunrise model ไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานหลังเดือนรอมฎอน
หลังจากสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ผู้ป่วยเบาหวานควรได้รับการตรวจร่างกาย เพื่อติดตามเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด
ค่า ทางชีวเคมีอื่นๆ ตามปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย และประการสําคัญแพทย์จะต้องมีการพิจารณาปรับเปลี่ยน ขนาดและวิธีการใช้ยาของผู้ป่วยให้กลับสู่สภาวะปกติ
การประเมิน ข้อมูลจากการประเมินภาวะสุขภาพ 11 แบบแผน
ข้อมูลทั่วไป: นับถือศาสนาอิสลาม
ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย: เป็นโรคเบาหวานและรักษาตนเองด้วยการกินอินทผาลัมและน้ำในช่วงฝนช่วงถือศีลอด
การรับรู้และการดูแลสุขภาพ: เป็นโรคเบาหวานต้องรับประทานยาสม่ำเสมอแต่ในช่วงเดือนรอมฎอนต้องมีการเปลี่ยนแปลงการรับประทานยาให้เหลือวันละ 2 ครั้ง
อาหารและการเผาผลาญสารอาหาร: ปกติรับประทานอาหารอิสลามวันละ 3 มื้อแต่ในช่วงเวลาของเดือนรอมฎอนจะรับประทานวันละ 2 มื้อโดยในระหว่างที่มีการอดอาหารเป็นเวลานาน
การกำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล
คุณค่าและความเชื่อ: เชื่อในพระอัลเลาะห์ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนอย่างเคร่งครัด ละหมาดวันละ 5 ครั้ง
โอกาสเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากแบบแผนการดำเนินชีวิตตามความเชื่อของตนเองโดยไม่สอดคล้องกับแผนการรักษา
มีโอกาสได้รับภาวะแทรกซ้อนจากการรับประทานอาหารเย็นที่มากขึ้นและรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ(Hypoglycemia)
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)
ภาวะคีโตซิส (Diabetic Ketoacidosis)
ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
การวางแผนการพยาบาลและการปฏิบัติการพยาบาล
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าผู้ป่วยสามารถนำอาหารมารับประทานเองได้และสามารถรับประทานอาหารตามเวลาของผู้ป่วยได้
แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและไม่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงมาก
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารของผู้ป่วยในเดือนรอมฎอนเพื่อปรับเวลาในการให้ยาและขนาดยาให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย
ติดตามประเมินน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยหลังปรับการให้ยาตามแผนการรักษา
จัดห้องให้ผู้ป่วยสำหรับการละหมาดโดยใช้ห้องพักพยาบาลสำหรับการละหมาดและแจ้งพยาบาลทราบเวลาที่ผู้ป่วยจะใช้ห้องพักพยาบาลสำหรับการละหมาดเพื่อให้ผู้ป่วยได้ปฏิบัติศาสนกิจตามความเชื่อ
แนะนำในเรื่องของการออกกำลังกายควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอครั้งละ 20-30 นาทีโดยจะออกกำลังกายแบบเบาๆจนถึงปานกลางหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่จริงจังและรุนแรง
ควรให้การสนับสนุนผู้ป่วยปฏิบัติกิจกรรมประจำวันตามปกติ เช่น การละหมาดให้ตรงเวลา
การประเมินผลทางการพยาบาล
ผู้ป่วยสามารถบอกเกี่ยวกับอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตได้และบอกให้ผู้ป่วยเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นนข้าวกล้อง
เปลี่ยนจากแอปเปิลแดงเป็นแอปเปิลเขียวแทน