Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สถานการณ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน - Coggle Diagram
สถานการณ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
สถานการณ์พลังงานโลก
ในยุคแรก ๆ มนุษย์ใช้พลังงานส่วนใหญ่เพียงเพื่อการดํารงชีพ
ศตวรรษที่ 18-19 ยุคของการเปลี่ยนแปลงจากระบบสังคมและเศรษฐกิจฐานการเกษตรเป็นเศรษฐกิจฐานอุตสาหกรรม
ได้นําเอาเชื้อเพลิงถ่านหินน้ํามัน และก๊าซธรรมชาติมาใช้
พัฒนาอุตสาหกรรมอย่างมากมาย
ปัจจุบันความต้องการพลังงานของโลกยังคงสูงขึ้นทุกวัน
จากจํานวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ปริมาณความต้องการใช้
ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสถานการณ์พลังงานโลก
การเพิ่มจํานวนประชากรโลก
ความต้องการพลังงานของโลกจะเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีค.ศ. 2010
คาดว่าระหว่างปีปัจจุบันจนถึงปี2050 จะมีจํานวนของประชากรเพิ่มขึ้นประมาณ 2.3 พันล้านคน
ปริมาณการใช้พลังงานในปัจจุบันและความต้องการใช้พลังงานในอนาคต
ประเทศกําลังพัฒนามีการใช้พลังงานมากที่สุด คาดว่าความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 65%
ความต้องการพลังงานทั้งโลกในปีค.ศ. 2030 มาจากการใช้พลังงานในการขนส่ง 20% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของปิโตรเลียม
น้ํามัน ก๊าซ และถ่านหิน ยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก อย่างน้อยสําหรับในอนาคตอีก 12 ปีข้างหน้า
ปริมาณสํารองของแหล่งพลังงานที่มีเหลืออยู่
ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่อยู่ในแถบตะวันออกกลางมีปริมาณ 40% รองลงมาคือยุโรปรวมกับยูโรเชีย 34% บริเวณที่มีเหลือน้อยที่สุดคืออเมริกาใต้รวมกับอเมริกากลางมี4%
จากการประเมินสถานการณ์พลังงานจนถึงปี ค.ศ. 2030 ของ WETO
ในระหว่างปีค.ศ. 2000–2030 การผลิตน้ํามันของโลกจะเพิ่มขึ้น 65% โดยที่ 3 ใน 4 ของการผลิตที่ผลิตเพิ่มขึ้นจะมาจากกลุ่มประเทศโอเปค
โดยสรุปทั่วโลกจะยังคงมีแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลเหลือเพียงพอต่อความต้องการ จะมีการค้นพบแหล่งน้ํามันจากแหล่งน้ํามันใหม่ๆ เข้ามาเสริมแหล่งน้ํามันที่มีอยู่เดิม
พลังงานสํารอง อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือวิกฤติด้านพลังงาน จึงมีความจําเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะเพิ่มมิติที่เกี่ยวกับนโยบายการเมืองการต่างประเทศและความมั่นคงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการกําหนดยุทธศาสตร์พลังงานของชาติ
สถานการณ์การใช้พลังงานในประเทศไทย
การใช้พลังงานของประเทศไทยเป็นไปในลักษณะเดียวกับการใช้
พลังงานของประเทศต่าง ๆ ในโลก พลังงานเชิงพาณิชย์ มีการใช้มากที่สุด
รายงานสถานการณ์ปัญหาการใช้พลังงานของประเทศไทย
ชัยพร เซียนพาณิชย์ (2011) รายงานว่า ประเทศไทยจําเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลทั้งน้ํามันและก๊าซธรรมชาติ
โชติชัย สุวรรณาภรณ์(2555) กล่าวว่าแนวโน้มการใช้พลังงานในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม
ทวารัฐ สูตะบุตร (2558) รายงานว่า ความต้องการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้นในช่วง 8 เดือนแรกของปี2558 คาดว่าอยู่ที่ระดับ 2,603 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ํามันดิบต่อวัน
สถานการณ์พลังงานของแต่ละภูมิภาค
สหภาพยุโรป
จะมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 0.4% เชื้อเพลิงที่ต้องการมากที่สุดเป็นน้ํามัน (39%)
ถ่านหินและลิกไนต์จะตกลงไปเป็น 16% ในปี 2030
ปี 2030 ยุโรปต้องจําเป็นต้องนําเข้าถ่านหิน 66% ของถ่านหินที่ใช้ทั้งหมด
อเมริกาเหนือ
มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 0.7%
0.7% โดยที่ถ่านหินจะเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสําคัญและมีการใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคิดเป็นส่วนแบ่งของตลาด 28% ในปีค.ศ. 2030
เอเชีย
มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 3.7%
มีความต้องการน้ํามันและก๊าซสูงขึ้นมาก
กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา
มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 2.4%
การใช้น้ํามันจะลดน้อยลง และจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงมีอยู่เป็นจํานวนมากในภูมิภาคนี้
ผลกระทบของพลังงานกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น ซัลเฟอร์ไนโตรเจนออกไซด์คาร์บอนมอนอกไซด์ไฮโดรคาร์บอนรวมทั้งสารโลหะหนักต่างๆ
เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก (greenhouse effect)
ในขณะที่กลุ่มยุโรปตะวันออก มีปริมาณการปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์ลดลงได้ถึงร้อยละ 40 ในช่วงปีค .ศ .1990-2001
สภาวะอากาศของโลกเปลี่ยนไป