Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 3 การพยาบาลมารดาทารกหลังคลอดปกติ - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 3
การพยาบาลมารดาทารกหลังคลอดปกติ
จากข้อมูลแรกรับที่ตึกหลังคลอด
สัญญาณซีพของมารดารายนี้เป็นอย่างไร
ความดันโลหิต 120/88 mmHg แปลผลปกติเนื่องจากภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด
ค่าความดัน systolic และ diastolic อาจสูงขึ้นหรือลดลงได้เล็กน้อย
ชีพจร 100 ครั้ง / นาทีค่าปกติ 50-60 ครั้ง / นาที แปลผลผิดปกติเนื่องจากมีภาวะ
สูญเสียเลือดEstimate blood loss 300 ml
การหายใจ 18 ครั้ง / นาทีแปลผลปกติในมารดาหลังคลอดอาจมีการหายใจที่ข้าลงเล็กน้อย
จากการลดขนาดของมดลูกมีผลทำให้กระบังลมเคลื่อนต่ำลง
อุณหภูมิร่างกาย 38 องศาเซลเซียสแปลผลปกติเนื่องจากภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
อุณหภูมิอาจสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียสเนื่องจากการสูญเสียน้ำซึ่งมีผล
จากการคสอดเรียกภาวะนี้ว่า reactionary fever
การพยาบาล
1.จัดเครื่องดื่มให้มารดาเช่นน้ำหวานโอวัลตินภายหลัง
ชั่วโมงหลังคลอดเพื่อป้องกันและลดการเกิดอาการเวียนศีรษะหน้ามืดหรือเป็นลม
2.จัดให้มารดาหลังคลอดได้นอนพักโดยรบกวนมารดาเท่าที่จำเป็นควรทำกิจกรรมพยาบาลในคราวเดียวกันในช่วงกลางวันที่ทารกหลับมารดาก็ควรพักหลับไปด้วยกันเมื่อมารดาพักผ่อนเต็มที่แล้วควรกระตุ้นให้ลุกจากเตียงให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยระบบไหลเวียนเลือดดี
3.ป้องกันการตกเลือดโดยดูแลให้รับสารน้ำท CH Oxytosin เพื่อช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวได้ดีถ้ามดลูกหดรัดตัวไม่ดีหรือมีเลือดคั่งอยู่ให้ไล่เลือดที่ค้างในโพรงมดลูก (blood clot) ออกโดยคลึงมดลูกให้แข็งก่อนและโกยมดลูกมาอยู่ตรงกลางแล้วกดยอดมดลูกเข้าหา promontory of การพยาบาล sacrum
มารดาปวดแผลฝีเย็บ
Pain Score = 1 คะแนน
การพยาบาล
1.ประคบด้วยความเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อลดปวดและบวมบริเวณแผลฝีเย็บ
2.ประคบด้วยความร้อนขึ้นหลังจาก 24 ชั่วโมงแรกแล้วอาจใช้ความร้อนในการ
ลดปวดเช่นการแซ่กัน (Sitz bath) ด้วยน้ำอุ่นประมาณ 10-20 นาทีวันละ 2-4 ครั้ง
หรือใช้ความร้อนแห้งโดยการอบแผลด้วยตวงไฟที่มีรังสีต่ำกว่าแสงสีแดงวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น
3.แนะนำให้มารดานอนตะแคงซ้ายตรงข้ามกับด้ในที่มีแผลฝีเย็บและควรหลีกเลี่ยงการนั่งขัดสมาธิ
เพื่อช่วยลดการกดทับบริเวณแผลฝีเย็บและช่วยให้อาการปวดลดลง
4.ถ้ามารดาปวดมากจนนั่งไม่สะดวกให้ใช้ห่วงยางเล็ก ๆ รองนั่งเพื่อไม่ให้บริเวณแผลฝีเย็บถูกกดทับ
และท่าให้การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ
มารดามีแผลฝีเย็บบวมเล็กน้อย
REEDA Scale = 2 คะแนนปกติหรือไม่
แปลผลปกติโดย The REEDA Scale จะมีคะแนนเต็มที่ 15 คะแนน
ถ้าคะแนนรวมมากกว่า 2 คะแนนมารดาจะมีโอกาสติดเชื้อสูง
การพยาบาล
ดูแลมารดาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชถื้อโดยประเมินแผลฝีเย็บด้วยวิธี REEDA วันละ 1 ครั้งการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (skin and soft infection)
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์และแผลฝีเย็บให้มารดาหลังคลอดพร้อมทั้งสอนการความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ที่ถูกวิธีหลังขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ
สังเกตและแนะนำให้มารดาหลังคลอดสังเกตลักษณะสีกลิ่นของน้ำคาวปลาโดย 1-3 วันแรกจะมีสีแดงเหมือนเลือดสดกลิ่นคาวเลือดวันที่ 4-9 หลังคลอดจะมีสีแดงจางหรือสีน้ำตาลปริมาณน้อยลงมีกลิ่นคาวเลือดและวันที่ 10 หลังคลอดมีสีขาวนวลปริมาณน้อยมากมีกลิ่นคาวเลือดวิธีสังเกตคือให้มารดาหลังคลอดใส่ผ้าอนามัยหากภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดมีน้ำคาวปลาออกเยอะให้เปลี่ยนทุก 3-4 ชั่วโมง
วัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อประเมินการติดเชี้อหากมารดามีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียสนานเกิน 24 ชั่วโมงแสดงว่าอาจมีการติดเชื้อเกิดขึ้นเช่นติดเชื้อที่แผลฝีเย็บหรืออาจมีภาวะเยื่อบุมดลูกอักเสบ
จากข้อมูลที่ตึกหลังคลอดพยาบาล
คลำพบลอนนิ่มบริเวณระดับสะดือ
หลังคลอดมารดายังไม่ถ่ายปัสสาวะ
ถือเป็นภาวะปกติหรือไม่อย่างไร
คลำพบลอนนิ่มเป็นภาวะที่ผิดปกติเนื่องจากมดลูกสามารถคลำได้ทางหน้าท้องที่ระดับสะดือหรือต่ำกว่าสะดือเล็กน้อยและต้องมีลักษณะเป็นก้อนแข็งขนาดของก้อนจะเล็กลงเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยประมาณวันละ 5 นิ้วเรียกว่ามดลูกเข้าอู่ (Involution) และภายหลังคลอดมารดายังไม่ถ่ายปัสสาวะเป็นภาวะปกติเนื่องจากภายหลังทารกคลอดออกมาแล้วมดลูกหดรัดตัวเล็กลงและจากที่ส่วนนำของทารกมากดระหว่างการคลอดคือผนังกระเพาะปัสสาวะด้านในจะบวมมีเลือดคั่งมีเลือดออกใต้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะและยังไม่ไวต่อการกระตุ้นจากแรงดันจากปัสสาวะจึงทำให้มารดาหลังคลอดไม่รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะทั้งที่กระเพาะปัสสาวะยืดขยายมากแล้ว
จงอธิบายหลักการประเมินแผล
ฝีเย็ด้วย REEDA Scale
R = Redness อาการแดง
E = Edema อาการบวม
E = Ecchymosis อาการช้ำเลือด
D = Discharge ภาวะมีหนอง
A = Approximation ขอบแผลแยก
การแปลผล
คะแนนรวม <2 ปกติ คะแนนรวม> 2 ผิดปกติ มีโอกาสติดเชื้อสูง
มารดาบอกว่า“ เมื่อทารกดูดนมข้างซ้าย
จะมีนานมไหลจากเต้านมข้างขวาด้วย
และมีอาการปวดมดลูกขณะทารกดูดนม”
ควรให้คำแนะนำและการพยาบาลอย่างไร
ลดความวิตกกังวลของมารดาโดยอธิบายให้ทราบว่าอาการเต้านมคัดจะเกิดขึ้นได้ และหายไปในเวลา
1-2 วันและห้ามบีบหรือปั้มน้ำนมออกโดยเด็ดขาด
ให้ทารกดูดนมได้ตามปกติเพื่อช่วยให้เกิดการหลั่งของน้ำนมและสร้างน้ำนมเร็วขึ้น
ถ้ามีอาการปวดมากให้ประคบด้วยความร้อนสลับความเย็นและให้ยาบรรเทาปวดตามแนวการรักษาของแพทย์
ใส่เสื้อยกทรงเพื่อประคองเต้านมไว้ระยะต่อมาประมาณ 3-4 วันหลังคลอดเต้านมคัดเกิดจากน้ำนมคั่งค้างเต้านมมีลักษณะแข็ง แต่ไม่มากมารดามักมือาการเจ็บถึงที่เต้านมการแก้ไขอาการเต้านมคัดในระยะนี้สามารถ
ทำได้ได้โดยการให้ทารกดูดนมออกอย่างสม่ำเสมอและอาจช่วยบีบหรือปั้มน้ำนมออกบางส่วนจะช่วยได้มาก
และหลังจากทารกดูดนมเสร็จให้ใส่ยกทรงพยุงเต้านมไว้หากมีอาการปวดมากให้ใช้ความร้อนสลับกับความเย็นหรือให้ยาบรรเทาปวดตามแนวการรักษาของแพทย์
มารดามีสีหน้าวิตกกังวล
หงุดหงิดง่าย บางครั้งร้องไห้คนเดียว
มารดารายนี้มีภาวะใดจงอธิบาย
ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด (Postpartum Blue)
ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์เศร้าอ่อนเพลียหลังจากการคลอดมีการ
ร้องให้เป็นพัก ๆ อารมณ์แกว่ง ๆ มีความวิตกกังวลหรืออาจ
มีความรู้สึกไม่อยากทำอะไรคงอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์
และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและารเลี้ยงดูทารก
บทบาทพยาบาล
ดูแลช่วยเหลือประคับประคองและตอบสนองความต้องการของมารดา
หลังคลอดทางด้านร่างกายในเรื่องของการรับประทานอาหารการพักผ่อน
การรักษาความสะอาดของร่างกายการขับถ่ายการทำกิจกรรมต่างๆ
ลดภาวะไม่สุขสบายต่างๆรวมทั้งการประคับประคองทางด้านจิตใจ
ให้การพยาบาลในท่าที่ที่อบอุ่นเห็นอกเห็นใจเข้าใจความรู้สึก
เป็นอย่างดีด้วยความจร
เปิดโอกาสให้มารดาหลังคลอดใต้ระบายความรสึกและรับฟังด้วย
ความสนใจจะช่วยให้มารดาหลังคลอดสบายใจขึ้น
พยาบาลควรอธิบายให้สามีและญาติเข้าใจถึงความรู้สึก
และการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของมารดาหลังคลอดสนับสนุนให้
มารดาหลังคลอดได้พูดคุยกับสามีญาติรวมทั้งมารดาหลังคลอดรายอื่น ๆ
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์
สังเกตอาการผิดปกติทางด้านจิตใจที่อาจจะเกิตขึ้นให้ความสนใจ
ทั้งค้าพูดและพฤติกรรมที่แสดงออกเพื่อประเมินสภาพจิตใจละให้
การพยาบาลช่วยเหลือ แต่เนิ่นๆก่อนที่อาการทางจิตจะรุนแรงมากขึ้น
จากข้อมูล 2 วันหลังคลอด
พบมดลูกกลมแข็งต่ำกว่าระดับสะดือ 1 นิ้ว
น้ำคาวปลาสีแดงจาง ๆ เป็นภาวะปกติหรือไม่
การพยาบาล
แนะนำให้มารดาใส่ผ้าอนามัยรองรับเลือดที่ออกทางช่องคลอด
และเปลี่ยนเมือซุ่มบันทึกปริมาณเลือดที่ออกก่อนทิ้ง
มารดาหลังคลอดควรจะอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งไม่ควรอาบน้า
โดยการแช่ลงในอ่างหรือแม่น้ำล้าคลองเพราะจะติดเชื้อเข้ไปทางช่องคลอด
สู่โพรงมดลูกได้ง่ายและควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดด้วย
การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ต้องแนะนให้มารดาหลังคลอด
ทำความสะอาดโดยใช้สบและน้ำสะอาดซับให้แห้งอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
และภายหลังการขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะทุกครั้งวิธีปฏิบัติให้ท้าความสะอาด
จากด้านหน้าไปด้านหลังซับจากบนลงล่างไม่ย้อนขึ้นลงและไม่ให้ถูกทวาร
หนักเป็นภาวะปกติหลังคลอดบุตรมตลูกจะมีขนาดเล็กลงทันทีสามารถคลำ
มดลูกต่ำกว่าระดับสะดือมีลักษณะกลมและแข็งและการที่มารดาหลังคลอด
มีเลือดและน้ำคาวปลาถือเป็นภาวะปกติ 1-3 สัปดาห์หลังคลอดน้ำคาวปลา
มีสีแดงเรียกก in Lochia rubra
เมื่อพยาบาลสอนวิธีการอาบน้ำทารก
มารดาบอกว่า“ ทำไม่ถูกกลัวลูกจมน้ำ”
การปรับตัวด้านจิตสังคมระยะหลังคลอด
เหมาะสมหรีอไม่อย่างไร
เหมาะสมเพราะการปรับตัวของมารดาอยู่ในระยะที่ 1 คือระยะสนใจ แต่ความต้องการของตเอง (Taking in Phase) เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอดโดยมารดาจะพฤติกรรมพึ่งพาผู้อื่นมากที่สุดและไม่ต้องการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองมารดาจะสนใจ แต่ความต้องการของตนเองในเรื่องการนอนหลับพักผ่อนการรับประทานอาหารเพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไปในการคลอดมากกว่าจะคิดถึงความต้องการของทารกเพราะมารดามีความไม่สุขสบายจากการคลอดบุตร
พยาบาลควรส่งเสริม
บทบาทบิดารายนี้อย่างไร
ช่วยอาบน้ำลูก
ช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก
ช่วยอุ้มลูกในท่าต่างๆเช่นการอุ้มเรอการปลอบลูก
การอุ้มลูกคุณพ่อควรพูดคุยกับลูกเบา ๆ ร้องเพลง
หรือเล่านิทานให้ลูกฟังจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการของลูก
ขณะแม่ให้นมลูกคุณพ่อควรดูแลให้คุณแม่อยู่ใน
ท่าที่สบายบางครั้งอาจช่วยนวดบริเวณไหล่หรือเสริม
เครื่องดื่มให้คุณแม่ เพื่อให้แม่มีกำลังใจน้ำนมจะไหลมากขึ้น
เข้ารับฟังคำแนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การปฏิบัติตัวหลังคลอดร่วมกับแม่