Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีก่อนสมรสและภาวะมีบุตรยาก - Coggle Diagram
การพยาบาลสตรีก่อนสมรสและภาวะมีบุตรยาก
การให้คำปรึกษาก่อนสมรส
มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ดูแล แก้ปัญหาที่มีอยู่ หรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ประโยชน์ของการเตรียมความพร้อม
ก่อนสมรส-ก่อนการตั้งครรภ์
ได้รับการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม
ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์และระหว่างคลอด จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
มีการวางแผนการเจริญพันธุ์
จำนวนบุตร
ระยะห่างในการตั้งครรภ์
การคุมกำเนิดที่เหมาะสม
ช่วยลดการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน
ลดความเสี่ยงในการเกิดความพิการแต่กำเนิด
บทบาทพยาบาลในคลินิคให้คำปรึกษา
ก่อนสมรส-ก่อนการตั้งครรภ์
รับนัดหมายคู่สมรสหรือผู้รับบริการ เข้ารับบริการในคลินิคให้คำปรึกษาก่อนสมรส
วันนัดหมาย เตรียมผู้รับบริการพร้อมเอกสาร
ให้ความรู้ผู้รับบริการ ในเรื่องต่างๆ
3.1ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความพิการแต่กำเนิดทารก
การแต่งงานระหว่างญาติใกล้ชิด
-อายุของมารดาที่น้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 30 ปี
การได้รับสารกัมตภาพรังสี
การได้รับยางชนิดที่ทำให้ทารกพิการ
โรคติดเชื้อที่มีผลต่อทารกในครรภ์ เช่น หัดเยอรมัน ซิฟิลิส เอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไวรัสตับอักเสบ
โรควิตกกังวลซึมเศร้า
โรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย ภาวะพร่องเอนไซม์ G-6-PD (glucose-6-phosphate dehydrogenase)
โรคเรื้อรังทางอายุรกรรม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลมชัก หลอดเลือดดำอุดตัน ออโตอินมูน (systemic lupus erythematosus, SLE) โรคต่อมไทรอยด
3.2 ปัจจัยด้านแบบแผนการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
ติดต่อประสานงาน ส่งต่อผู้รับบริการพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค
ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ปัญหาทางเพศ ปัญหาพันธุกรรม ภาวะมีบุตรยาก การคุมกำเนิดและการวางแผน
ครอบครัว
5.ให้คำแนะนำ
5.1 การได้รับวัคซีนในกรณีที่ผลตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกัน
ไวรัสตับอักเสบ
หัดเยรมัน
5.3 หลีกเลี่ยงการใช้ยาต่างๆที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะวิตามินหรืออาหารเสริมความงาม เมื่อพร้อมตั้งครรภ์ควรรับประทานโฟลิคตามแพทย์สั่ง
5.2 การดูแลสุขภาพตนเอง ในเรื่องการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย
งดสารเสพติดทุกชนิด
งดสูบบุหรี่
งดดื่มสุรา
ออกกำลังกายเป็นประจำ
อยู่ในทีที่มีอากาศบริสุทธิ์
นอนหลับพักผ่อนให้พียงพอ
มีสุขภาพจิตที่ดี
การให้คำปรึกษาภาวะมีบุตรยาก
เพื่อให้คู่สมรสทราบถึงขั้นตอนการรักษา ค่าใช้จ่าย ผลสำเร็จ
สามารถปรับตัวต่อความเครียดจากกระบวนการรักษา หรือยอมรับภาวะที่ไม่สามารถมีบุตรได้
ให้คู่สมรสตัดสินใจเลือกวิธีการที่จะมีบุตรได้เหมาะสมกับคู่ของตนเอง
คู่สมรสสามารถแก้ไขรวมทั้งปรับตัวเพื่อยอมรับภาวะที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
ปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามแผนการรักษาอย่างละเอียด
ประเมินความรู้สึกของผู้มีบุตรยาก และพยายามที่จะทราบถึงปัญหาในแต่ละช่วงเพื่อการช่วยเหลือที่เหมาะสมแต่ละราย
เปิดโอกาสให้คู่สมรสได้เลือกช่วงที่จะทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อที่จะได้เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อม ตลอดจนให้ข้อมูล
เกี่ยวกับทางเลือกในการตัดสินใจเลือกในการตัดสินใจ เลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม
อธิบายให้เข้าใจถึงขั้นตอน วิธีการ ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา ค่าใช้จ่าย ภาวะแทรกซ้อน ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้น
ภายหลังการรักษา
ให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจ เนื่องจากการรักษาภาวะมีบุตรยาก อาจต้องใช้เวลานาน
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาพบแพทย์สม่ำเสมอทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
ในขณะรักษา ควรแนะนำคู่สมรสทำจิตใจให้สบาย ไม่เคร่งเครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป
กระตุ้นให้คู่สมรสไปปรึกษาหารือ พูดคุยกับแพทย
แนะนำให้ดูแล และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
แนะนำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวและสามีเป็นกำลังใจให้ อีกทั้งไม่ควรคาดหวังมากจนเกินไป เพราะก่อให้เกิดความ
กดดันมากขึ้น
ในระหว่างการตรวจวินิจฉัย การรักษา ต้องอธิบายให้ทราบถึงความเจ็บป่วยที่อาจต้องเผชิญ
การให้การปรึกษาจะสำเร็จได้
การให้การปรึกษาเชิงข้อมูล (information counseling)
การให้การปรึกษาเชิงให้ความหมายและอธิบายรายละเอียด (implication counseling)
การปรึกษาเชิงให้กำลังใจ(support counseling)
การให้การปรึกษาเชิงรักษา(therapeutic counseling)
ภาวะมีบุตรยาก
ความหมายภาวะมีบุตรยาก
การที่คู่สมรสมีความสัมพันธ์ทางเพศสม่ำเสมอ โดยไม่ได้คุมกำเนิด หรือ หยุดคุมกำเนิดอย่างน้อย 1ปี แล้วยังไม่สามารถมีบุตรได้
ยกเว้นในคู่สมรสที่มีอายุค่อนข้างมาก เช่น อายุ 35 ปีจะถือระยะเวลาเพียง 6เดือน หากยังไม่ตั้งครรภ์ก็จัดว่าเป็นผู้มีบุตรยาก ควรเริ่มตรวจและรักษา
ภาวะมีบุตรยากทุติยภูมิ (secondary infertility
คู่สมรสที่เคยตั้งครรภ์มา
ก่อนอย่างน้อย 1ครั้ง
ตั้งครรภ์นอกมดลูก
เคยแท้ง
ตั้งครรภ์ปกติ
ไม่สามารถตั้งครรภ์ใหม่ได้อีก
ภาวะมีบุตรยากปฐมภูมิ (primary infertility
คู่สมรสที่ไม่มีประวัติการ
ตั้งครรภ์ภายหลังสมรสแล้วอย่างน้อย 1ปี
ความสามารถในการมีบุตรของคู่สมรส (fertility index)
2.อายุของฝ่ายชาย พบว่าอัตราการตั้งครรภ์ในหญิงที่มีสามีอายุเกิน 30ปีจะลดลงอย่าชัดเจน
ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ โดยทั่วไปการมีเพศสัมพันธ์กันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
1.อายุของฝ่ายหญิงระหว่างอายุ 21-25 ปี และจะลดลงหลังอายุ 30 ปี
ระยะเวลาการแต่งงาน
สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
1.สาเหตุจากฝ่ายชาย(Male factor) 20-30%
2.สาเหตุจากฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง (Both male and female factor) 10-40%
3.สาเหตุจากฝ่ายหญิง (female factor)40-55%
3.1การตกไข่ผิดปกติ(Ovulatory dysfunction)20-40%
3.2 ท่อนำไข่หรืออุ้งเชิงกรานผิดปกติ
(Tubal or peritoneal factor)20-40%
3.3 สาเหตุอื่นๆ (Miscellaneous cause)10-15%
4.หาสาเหตุไม่พบ (Unexplained infertility)10-20%
ปัจจัยส่งเสริมต่อการเกิดภาวะมีบุตรยากของคู่สมรส
อายุ สตรีที่อายุ 35 ปี หรือมากกว่าทำให้ไข่ตกช้า หรือไม่มีการตกไข่
ความเครียด อาจทำให้ไข่ตกช้า ขาดประจำเดือน และการผลิตอสุจิลดลงได้
การคุมกำเนิด เช่น การใช้ยาฉีด (DMPA) หรือยาฝังซึ่งหลังหยุดยาคุมกำเนิดแล้วต้องใช้เวลานาน ระยะหนึ่ง
ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไปอาจทำให้การผลิตอสุจิลดลง ควรเว้นระยะการมีเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการทำแท้ง ส่งผลให้ทางเดินของไข่เกิดพังผืด ไข่เดินทางไม่สะดวก
การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ เช่น ไม่ทราบระยะเวลาการตกไข่ ระยะเวลาการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม
ภูมิต้านทานอสุจิ ทำให้อสุจิไม่สามารถเดินทางเข้าในโพรงมดลูกได้หรือเข้าไปได้น้อย
ภาวะทุพโภชนาการ ผู้หญิงที่อ้วน (BMI >25) หรือผอมเกินไป (BMI < 20) อาจส่งผลต่อการตกไข่ พบว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน เป็นผู้มีภาวะมีบุตรยากเนื่องจากภาวะ polycysticovarian syndrome ถึงร้อยละ 30-50 ส่วนผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วนอาจมีผลต่อการผลิตอสุจิลดลง การรับประทานอาหาร ไม่ครบถ้วนไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะที่มีรูปร่างอ้วนอาจมีผลต่อการผลิตอสุจิลดลง การรับประทานอาหาร ไม่ครบถ้วนไม่เหมาะสมอาจท าให้เกิดภาวะมีบุตรยากทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
สิ่งแวดล้อม ได้แก่ รังสี สารพิษ สารเคมี และมลภาวะเป็นสาเหตุส่งเสริมให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
การใช้ยาบางชนิด อาจเสี่ยงต่อการมีบุตรยาก
การเจ็บป่วยเรื้อรัง อาจเสี่ยงต่อการมีบุตรยาก
การประเมินเพื่อหาสาเหตุภาวะมีบุตรยาก
การซักประวัติคู่สมรส
ฝ่ายหญิง
ประวัติประจำเดือนอย่างละเอียด เพื่อประเมินการทำงานของรังไข่
ความถี่การมีเพศสัมพันธ์ ปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ุ ประวัติการรักษาปัญหามีบุตรยากที่ผ่านมา
ฝ่ายชาย
การติดเชื้อบริเวณอวัยะวะเพศ
ภาวะไม่มีถุงอัณฑะ รวมถึงการผ่าตัดบริเวณถุงอัณฑะ ซึ่งมีผลต่อการหลั่งน้ำอสุจิ
การตรวจร่างกาย
ฝ่ายหญิง
ภาวะฮอร์โมนไทรอย์ดต่ำ,สูง (Hypo-Hypothyroid)
ภาวะโปรแลคตินในเลือดสูง (Hypoprolactinemia)
ความผิดปกติของช่องเชิงกราน เช่น เนื้องอกลดลูก ถุงน้ำรังไข่
การตรวจมะเร็งปากมดลูก
ฝ่ายชาย
มีประวัติความผิดปกติของอสุจิ เช่น ปริมาณอสุจิน้อยมาก (Oligozoospermia)
หรือตรวจไม่พบอสุจิเลย(Azoospermia)
การส่งตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
ฝ่ายหญิง
การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงทางช่องคลอด (Transvaginal ultrasound)
การฉีดสีโพรงมดลูก (Hysterosalpingography)
การส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopic diagnosis)
ฝ่ายชาย
การวิเคราะห์น้ำอสุจิ (semen analysis)
การเก็บน้ำอสุจิส่งตรวจ
งดการหลั่งน้ำอสุจิและเพศสัมพันธ์ประมาณ 2-3 วัน งดเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ หรือ อาบน้ำอุ่นจัดก่อนเก็บอสุจิ
เก็บน้ำอสุจิด้วยการช่วยตัวเอง (masturbation) โดยล้างมือให้สะอาดก่อนเก็บ และหลั่งน้ำอสุจิลงในภาชนะปากกว้างที่แห้ง ปราศจากเชื้อ พร้อมทั้งเขียนชื่อ วัน เวลาที่เก็บไว้บนภาชนะให้ชัดเจน
นำน้ำอสุจิที่เก็บส่งห้องปฏิบัติการภายใน 1 ชั่วโมงหลังเก็บ โดยควรเก็บในภาชนะที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงหรือต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย
แนวทางการรักษาภาวะมีบุตรยาก
ฝ่ายชายปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินชีวิต (lifestyle changes)
เปลี่ยนระยะเวลามีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย
3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
หลีกเลี่ยงการอาบน้าอุ่นจัด หรือการอบไอน้ำ สวมกางเกงในที่คับเกินไป
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่ม
แอลกอฮอล์ ไม่ควรดื่นเกิน 4 แก้วต่อวัน
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ผ่อนคลายความเครียด
ฝ่ายหญิงปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินชีวิต (lifestyle changes)
ลดน้ำหนัก , ลดบุหรี่และเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์
จัดการกับความเครียด
รวมทั้งวางแผนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่คาดว่าจะมีการตกไข่
การนับวันไข่ตก
การให้ยาเพื่อเพิ่มจำนวนการตกไข่หรือการชักนำการตกไข่
การวัดอุณหภูมิกายพื้นฐาน (Basal Body Temperature : BBT) เป็นการวัดอุณหภูมิขณะตื่นนอน
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ (Assisted Reproductive Techniques: ART)
การฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก (Intrauterine insemination: IUI)
การนำตัวอสุจิและไข่รวมกันในท่อนาไข่(Gamete intra-fallopian transfer: GIFT)
3.การปฏิสนธินอกร่างกายและย้ายตัวอ่อน หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization and Embryo
Transfer: IVF-ET
การฉีดอสุจิเข้าไข่ (Intra cytoplasmic sperm injection : ICSI)
5.อุ้มบุญ (surrogate mothering)
การตรวจวินิจฉัยทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวอ่อน (preimplantation genetic diagnosis)
ผลลัพธ์ภายหลังการรักษามีได้ 3 รูปแบบ
การรักษาไม่สำเร็จ
การรักษาประสบความสำเร็จ
การรักษาไม่สำเร็จ
ภาวะจิตรสังคมของคู่สมรสที่มีบุตรยาก
ความรู้สึกผิด (guilty) คู่สมรสรู้สึกผิดที่ไม่สามารถมีบุตรได้ คุณค่าในตนเองลดลง
ภาวะซึมเศร้า (depression) สมรสรู้สึกสิ้นหวัง หดหู่ วิตกกังวล เหนื่อยล้า และหมดกำลังใจในการรักษา
ความโกรธ (anger) คู่สมรสอาจรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความเป็นธรรม โกรธสมาชิกในครอบครัว เพื่อน และบุคลากรด้าน
สุขภาพที่ให้การรักษา ไม่ประสบความสำเร็จ
การแยกตัว (isolation) คู่สมรสมีความรู้สึหว้าเหว่ และแยกตัวออกจากสังคม
การให้คำปรึกษาภาวะมีบุตรยาก
ประเมินความรู้สึกของผู้มีบุตรยาก และพยายามที่จะทราบถึงปัญหาในแต่ละช่วง
เปิดโอกาสให้คู่สมรสได้เลือกช่วงที่จะทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อที่จะได้เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อม
อธิบายให้เข้าใจถึงขั้นตอน วิธีการ ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา ค่าใช้จ่าย ภาวะแทรกซ้อน ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้น
ภายหลังการรักษา
ให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจ
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนาของแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาพบแพทย์สม่ำเสมอทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
6.กระตุ้นให้คู่สมรสไปปรึกษาหารือ พูดคุยกับแพทย์ และพยาบาลตลอดระยะเวลาของการวินิจฉัยจนกระทั่งสิ้นสุดการ
รักษา
ในขณะรักษา ควรแนะนำคู่สมรสทำจิตใจให้สบาย ไม่เคร่งเครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป
แนะนำให้ดูแล และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
1 more item...
การให้การปรึกษาจะสำเร็จได้ ดังนี้
การปรึกษาเชิงให้กำลังใจ (support counseling) คู่สมรสที่มีบุตรยากต้องการกำลังใจ
การให้การปรึกษาเชิงข้อมูล (information counseling)ให้ข้อมูลต่างๆขั้นตอนการรักษา และการปฏิบัติตามแผนการรักษาซึ่งควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย
การให้การปรึกษาเชิงให้ความหมายและอธิบายรายละเอียด (implication counseling)
การให้การปรึกษาเชิงรักษา (therapeutic counseling) การให้การปรึกษาแก่คู่สมรสที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตโดย
ผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เป็นต้น