Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตั้งครรภ์, อวัยวะสืบพันธ์ุ - Coggle Diagram
การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
-
ปาดมดลุก
นุ่มและคล้ำขึ้นเกิดจากการบวมน้ำและเลือดมาเลี้ยงเพิ่มขึ้น ต่อมปากมดลูกมี hypertrophy สร้างมดลูกเหนียวจนเต็มปากมดลูก เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนทำให้ปากมดลุกนุ่มเพราะprogesteroneทำให้ต่อมเมือกปากมดลูกเพิ่มมากขึ้น
มดลุก
-
4-5 wk. fundus นุ่มลงทำให้คลำมดลูกได้ขรุขระไม่สม่ำสเมอ ถ้าฝังตัวด้านข้างหรือบริเวณ cornu= piskacsk's sign
-
ระบบไหลเวียนในมดลูก
การไหลเวียนเพิ่มขึ้นทั้งขนาดของเส้นและจำนวนโลหิต เกิดจากโปรเจสเตอโรนและเอสดตรเจน แรงต้านเส้นเลือดลดลง
รังไข่และท่อนำไข่
รังไข่ = gonadotropines จากต่อมใต้สมองอยู่ระดับต่ำเกิดจากผล feed back โปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนจากรังไข่จึงอยู่ภาวะสงบ ไม่ได้รับการกระตุ้นจาก gonadotropines ไม่มีการเจริญเติบโตของ ฟอลลิเคิล
ท่อนำไข่ = กล้ามเนื้อของท่อนำไข่มี broad ligament จะถูกดึงรั้งขึ้นจาก round ligament จะใหญ่และยาวขึ้น เพื่อยืดมดลุกให้อยู่กับที่ เนื่องจากround ligament เป็นกล้ามเนื้อเรียบต่อจากมดลูก ถ้ามดลูกหดรัดตัวเส้นเอ็นนี้จะหดรัดตัวพร้อมกัน มารดาจึงเกิดความเจ็บปวด รำคาญได้ เรียกอาการนี้ว่า round ligament pain
-
เต้านม
การเปลี่ยนแปลงเป็นผลจาก glandular tissue เต้านมใหญ่ขึ้น แข็ง หัวนมขยายขึ้น เป็นก้อนๆตึงๆ ไวต่อความรู้สึก ตั้งง่าย ฐานกว้าง มีตุ่มเล็กๆเกิดบริเวณนี้ เนื่องจากไขมัน montgomery's tubercles ขยายขึ้น เส้นเลือดฝอย เว้นเลือดดำขยายโปร่งพองชัดเจน ต่อมน้ำนมและเต้านมทำหน้าที่ได้ดีในไตรมาส2 และไตรมาสสุดท้ายมีน้ำนมใสๆเรียกว่า colostrum
หัวใจและหลอดเลือด
สูบฉีดเลือด
ปริมานเลือดสูบฉีดมากขึ้น เนื่องจาก BP ในหลอดเลือดแดงและแรงเสียดทานลกลง ในขณะที่เลือดน้ำหนัก basal metabolic vein เพิ่ม นอนตะแคง cardiac output สูงกว่าท่านอนหงาย
-
หัวใจ
รูปร่าง ตำแหน่งเปลี่ยนไปและขยายใหญ่ขึ้น เนืื่องจากกระบังลมยกตัวสูงขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้หัวใจยกตัวขึ้นหมุนไปทางซ้ายมากขึ้น apex เคลื่อนไปด้านข้าง เนื่องจากต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจึงขยายเล้กน้อย เมื่อใกล้คลอดหัวใจจะเต้นเพิ่มขึ้น 10-15 ครั้ง/นาที ฟังได้ยินเสียง systolic murmur
ทางเดินหายใจ
-
กระบังลมเลื่อนสูงขึ้นประมาน 4ซม. ทำให้ทรวงอกขยายด้านกว้าง เส้นผ่าศูนย์กลางแนวขวางของทรวงอกเพิ่มประมาน 2 ซม.
หลัง 24 สัปดาห์ การหายใจจะใช้กล้ามเนื้อช่องอกแทนกล้ามเนื้อท้องเลยรู้สึกหายใจลำบาก O2 ปอดเพิ่มขึ้น Hbเพิ่ม อัตราการหายใจยังปกติ
-
โลหิต
-
-
Blood volume
ปริมานเลือดใช้เลี้ยงมดลุกขนาดใหญ่ ป้องกันอันตรายจากแม่และลูกจากปริมานเลือดดำไหลกลับในท่านอนหงายหรือตัวตรง ป้องกันอันตรายเสียเลือดระหว่างคลอด
-
-
เมตาบอลิซึม
-
-
คาร์โบไฮเดตร = มารดาขาดน้ำตาลเพราะทารกดึงกลูโคสเพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโต ระยะหลังมารดาจึงนำโปรตีนกับไขมันมาเป็นพฃังงานแทน อิซูลินที่เพิ่มขึ้นเกิดจากฮอร์โมนฤทธิ์ตรงข้ามอินซูลิน คือ HPL นอกจากนี้เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน คอร์ติซอล ทำให้ประสิทธิภาพการนำกลูดคสเข้าเซลล์ลดลง อาจตรวจน้ำตาลเจอในปัสสาวะมากกว่าปกติ
ไขมัน = ไขมันในพลาสมาเพิ่มขึ้น การเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาทำให้ไขมันลดลงรวดเร็ว ระยะหลังมารดานำไปใช้เป็นพลังงาน ไขมันสะสมจึงลดลง
แร่ธาตุ
ต่องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นเพราะทารกนำไปใช้ แม่จึงซีด และต้องการ Ca Po เพิ่มขึ้นเพราะถูกนำไปใช้ใน 1-2 เดือนก่อนคลอด
-
ทางเดินอาหาร
-
-
กระเพาะอาหารและลำไส้
ไตรมาส 1 จะคลื่นไส้ อาเจียนตอนเช้าและอ่อนเพลีย เรียกว่าแพ้ท้อง เชื่อว่าเอสโตรเจน ร่างกายจึงลดน้ำตาลไปให้ทารก อาการแพ้ท้องจะหายไปในปลายไตรมาส1 ถ้า 4 เดือนยังเป็นอยู่ถือว่าผิดปกติ = อาเจียนไม่สงบ เอสโตรเจนที่เพิ่มทำให้ปากและเหงือกมีเลือดมาเลี้ยงเพิ่มขึ้น มารดาจึงอาจมีเลือดออกตามไรฟัน เมื่อลดลูกขยาย กระเพราะและลำไส้จะถูกดันไปข้างหลัง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้า และโปรเจสเตอโรนทำให้กระเพาะอาหารลดลงการเคลื่อนไหวเพืิ่อลดการไหลเวียนโลหิต การย่อยอาหารจึงช้าลง และทำให้น้ำย่อยกลับไปหลอดอาหาร = pyrosis มารดาจึงมีภาวะท้องผูก และอาจเกิดริดสีดวงทวารได้
ทางเดินปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะ
กล้ามเนื้อเรียบตึงตัวน้อยลง ปัสสาวะค้าง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ระยะแรกมดลุกเบียดเลยปัสสาวะบ่อย หลังไตรมาสแรกมดลูกพ้นช่องเชิงกรานจึงรู้สึกดีขึ้น ระยะหลังปัสสาวะบ่อยอีกครั้งเนื่องจากส่วนนำทารกลงสู่ช่องเชิงกรานกดกระเพราะปัสสาวะ
-
-
ต่อมไร้ท่อ
protein hor.
-
-
HCG
รักษา corpus luteum (ผลิตฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน จำเป็นในการเจริญเติบโตของ endometrium สมบูรณ์พร้อมให้ไข่ฝังตัวและเจริญเป็น zygote) และช่วย corpus luteum ผลิตโปรเจสเตอโรน และกระตุ้น fetel tesicle ให้หลั่ง testosterone ช่วงที่การแยกเพศและการกระตุ้นให้หลั่ง coticorsterride
steroid hor.
progesterrone
กระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้พร้อมฝังตัว ลดความตึงกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้ blastocys ฝังตัวมดลูกและเจริญต่อได้ กล้ามเนื้อเรียบคลายตัวจึงย่อยอาหารช้าลงเกิดจุกเสียด ท้องผูก ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง CNS ทำให้ง่วงนอน ซึม ความตั้งใจลดลง ควบคุมระบบเผาผลาญต่างๆยับยั้งการหลั่งโปรแลคติน
estrogen
ทำหน้าที่ถ่วงดุลย์ เกิดภาวะสมดุลของร่างกาย คือกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมดลุก ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโปรแลคตอน ช่วยให้เส้นใยปากมดลูกอ่อนนิ่ม หดตัว ยืดขยายได้ดี ทำให้เกิดรอยแตกผิวหนัง หัวยมยืดขยายได้
-
-
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
การซักประวัติ
การขาดระดู
ประวัติระดูมาครั้งสุดท้าย มีจำนวนเท่าที่เคยมีปกติหรือไม่ เลือดล้างหน้าเด็ก ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ รับประทานยาคุมกำเนิดหรือไม่เพราะยาคุมกำเนิดอาจทำให้ระดูคลาดเคลื่อน
อาการการตั้งครรภ์
คลื่นใส้ พะอืดพะอม อาเจียน อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก การเปลี่ยนแปลงที่เต้านมจะกดเจ็บและตึง ทารกดิ้นครรภ์แรกประมาน 18-20 สัปดาห์ ครรภ์หลัง 16-18 สัปดาห์
-
-
-
การประเมินภาวะจิตสังคม
สามารถทำได้ตั้งแต่การมาฝากครรภ์ครั้งแรก การให้คะแนนความเสี่ยงนั้น horsley ได้กำหนดการให้คะแนนความเสี่ยงไว้ที่ 1,2 คะแนน 0-1 คะแนน = กลุ่มเสี่ยงต่ำ 2 คะแนน ความเสี่ยงสูง
-