Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ - Coggle Diagram
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
ความหมายและประโยชน์
ความหมาย
เป็นการตรวจสอบทารกในครรภ์ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์และระยะคลอด
ประโยชน์
เพื่อช่วยให้ทารกที่คลอดออกมามีสุขภาพที่แข็งแรง
Secondary Goal : เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดบาดเจ็บต่อระบบประสาทของทารกในครรภ์
Primary Goal : เพื่อป้องกันการเกิดภาวะพิการแต่กำเนิดและภาวะขาดออกซิเจน และเลือดเป็นกรดในทารก
Clinical assessment
การชั่งน้ำหนักมารดา
การวัดระดับความสูงของมดลูก
จากการคลำระดับความสูงของยอดมดลูก
จากการวัดระดับความสูงของยอดมดลูกด้วยสายเทป
วิธี McDonald
อายุครรภ์ (เดือน) = ความสูงของมดลูก (ซม.) x 2/7
อายุครรภ์ (สัปดาห์) = ความสูงของมดลูก (ซม.) x 8/7
ผิดปกติ
ความสูง > 3 ซม.
ความสูง < 3 ซม.
ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจทารก (Fetal heart rate : FHR)
การซักประวัติ
ประวัติครอบครัว
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ประวัติส่วนตัว
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
ประวัติการใช้ยาและแพ้ยา
การตรวจนับจำนวนทารกในครรภ์ดิ้น
(Fetal movement count : FMC)
1.การนับครบสิบ (Count to ten) หรือ Cardiff count to ten
การดิ้นหรือการเคลื่อนไหวทารกในครรภ์ต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้ง ใน 4 ชั่วโมง
เริ่มนับเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
2.วิธีของ Sadovsky
วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง
หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น รวม 3 เวลา มีค่าเท่ากับ มากกว่าหรือเท่ากับ 10 ครั้ง แปลผล สุขภาพทารกปกติ
การพยาบาล
3.อธิบายลักษณะการดิ้นของทารก : มีลักษณะกลิ้งตัว , การยืดหดของลำตัวและแขน ขา , สะอึก
4.แนะนำวิธีการบันทึกการดิ้น
2.ประเมินอายุครรภ์ / ซักประวัติความรู้สึกทารกดิ้นในครรภ์
5.เปิดโอกาสให้ซักถาม
1.สร้างสัมพันธภาพด้วยท่าทีเป็นมิตร
6.ถ้าทารกดิ้น < 10 ครั้ง / วัน ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
อาจเป็นสัญญาณอันตรายก่อนที่จะเกิดภาวะขาดออกซิเจน (fetal distress) เรียกว่า movement alarm signal (MAS)
สัญญาณทารกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง ใน 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
Biochemical assessment
3.เก็บตัวอย่างเลือดทารกในครรภ์ (fetal blood sampling)
ตรวจหาโรคทางพันธุกรรม
ฮีโมฟิเลีย (hemophilia)
ภาวะทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
ธาลัสซีเมีย
การติดเชื้อไวรัส
การตรวจระดับ Estriol (E3) ในเลือดและปัสสาวะจากมารดา
การตรวจทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 28-32 wks. เป็นต้นไป
การแปลผล
E3 ที่อยู่ในช่วง 2SD ของแต่ละสัปดาห์: ทารกปกติดี (Reassuring)
E3 ที่ต่ำกว่าช่วง 2SD ของแต่ละสัปดาห์: ไม่อาจรับประกันได้ว่าทารกปกติ (nonreassuring)
ระดับ E3 จะเพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วงอายุครรภ์ 35-36 wks. และสูงคงที่ที่ 40 wks.
พบผลบวกลวงสูงจากหลายปัจจัยที่รบกวนระดับ E3
-กินยาปฏิชีวนะ ทำให้ลดการดูดซึมที่ลำไส้สตรีตั้งครรภ์
-ใช้ยาสเตียรอยด์
2.การดูดเนื้อเยื่อรก (Chorionic Villus Sampling = CVS)
เพื่อศึกษาโครโมโซม
วิธี transcervical chorionic villus sampling
เมื่ออายุครรภ์ 10-14 สัปดาห์
2.วิธี transabdominal chorionic villus sampling
การตรวจ Human placenta lactogen
เริ่มสร้างในสัปดาห์ที่ 3 หลังจากการตกไข่
ระดับสูงสุดเมื่อ GA 36-37 wks.
1.คัดกรองจากเลือดมารดาหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน (maternal serum alpha - fetoprotein screening = MSAFP)
AFP > 2.5 MoM ทารกเสี่ยงมีท่อประสาทเปิด (neural tube defects)
AFP < 2.5 MoM ทารกเสี่ยงเป็นกลุ่มอาการดาวน์ (down syndrome)
ค่าปกติ AFP = 2.5 MoM (multiple of median)
ตรวจเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์
การพยาบาล: หลังเจาะน้ำคร่ำ
ถ้าตรวจหาโครโมโซมที่มีความเสี่ยงเป็น Down Syndrome จะนัดฟังผล 4 สัปดาห์
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดท้องหรืออาการเลือดออก
ให้นอนพักประมาณ 15-30 นาทีหลังการเจาะน้ำคร่ำ
6.การเจาะน้ำคร่ำ
6.1 ตรวจโครโมโซมเพื่อประเมิน Down syndrome
ประเมินเมื่ออายุครรภ์ระหว่าง 15 – 18 wks.
6.2 ทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์ (lung maturity test)
ประเมินเมื่ออายุครรภ์ 36 -37 wks.
เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะ respiratory distress syndrome = RDS
3) การตรวจหาสาร Phosphatidylglycerol
1) การวัดอัตราส่วนของ Lecithin / sphingomyelin
2) Shake test / Foam test
การพยาบาล: ก่อนเจาะน้ำคร่ำ
3) ประเมินอายุครรภ์ก่อนทำการเจาะน้ำคร่ำ
4) อธิบายการดูแลตนเองขณะทำและหลังทำ
2) อธิบายเหตุผล / ขั้นตอนการเจาะน้ำคร่ำ
5) เปิดโอกาสให้ซักถาม
1) สร้างสัมพันธภาพ
6) เตรียมเครื่องมือเจาะน้ำคร่ำ
7) ให้ปัสสาวะก่อนทำ
8) ให้กำลังใจอยู่ข้างเตียงขณะทำ
Biophysical assessment
Contraction stress test: CST
ข้อห้ามในการตรวจวิธีนี้
มีประวัติเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
มีครรภ์แฝด
สตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติผ่าตัดการคลอดมาก่อน
มีมดลูกรูปร่างผิดปกติ หรือมีรกเกาะต่ำ หรือมีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
การพยาบาล
2) อธิบายเหตุผลของการตรวจ
3) จัดท่า semi-fowler position เพื่อป้องกัน Supine hypotensive syndrome
1) สร้างสัมพันธภาพกับสตรีตั้งครรภ์
4) เตรียมให้ oxytocin 5 ยูนิตในน้ำเกลือ 500 มล. ในอัตรา 5-10 หยด / นาทีจนกระทั่งมดลูกหดรัดตัว 3 ครั้งใน 10 นาทีนานครั้งละ 40-60 วินาทีอาจใช้วิธีอื่นกระตุ้น ได้แก่ วิธีกระตุ้นหัวนม (nipple stimulation)
5) ประเมิน FHR เมื่อมดลูกมีการหดรัดตัวและรายงานผลการตรวจให้แพทย์ทราบ
negative
มีการหดรัดตัวของมดลูก 3 ครั้งใน 10 นาที โดยไม่มี late deceleration
positive
มี late deceleration
suspicious
มี late deceleration แต่ไม่เกิดขึ้นทุกครั้ง
unsatisfactory
ไม่สามารถอ่านผลของ FHR ได้ หรือมีการหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่า 3 ครั้งใน 10 นาที
6) ภายหลังจากการตรวจ ติดตามการหดรัดตัวของมดลูกทุก 10 นาทีเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
เป็นการตรวจดูการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อมตลูกหดรัดตัว
Fetal biophysical profile: BPP
การตรวจดูจาก ultrasound
3) กำลังกล้ามเนื้อของทารก (fetal tone = FT)
4) การที่หัวใจทารกตอบสนองเมื่อทารกเคลื่อนไหว (reactive fetal heart sound = FHS)
2) การเคลื่อนไหวของทารกทั้งร่างกาย (gross body movement = FM)
(5) ปริมาณน้ำคร่ำ (amniotic fluid volume)
1) การหายใจของทารก (fetal breathing movement = FBM)
คะแนนและการแปลผล
4-6 คะแนน = ควรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทารกเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนเรื้อรัง
ดูแลให้ตรวจซ้ำใน 4-6 ชั่วโมง
0-2 คะแนน = ผิดปกติ
ควรให้มีการคลอดโดยเร็ว
8-10 คะแนน = ทารกปกติ
ดูแลให้ตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
Non stress test : NST
การพยาบาล
3) แนะนำให้ถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจ
4) จัดให้สตรีตั้งครรภ์นอนท่าศีรษะสูง 30 °
2) อธิบายเหตุผลและขั้นตอนของการทำ NST
5) ตรวจครรภ์หาตำแหน่งหลังส่วนสะบักด้วยวิธี Leopold Maneuver คาดสายรัดหน้าท้องโดยให้หัว ultrasonic transducer วางบนตำแหน่งที่ฟังการเต้นของหัวใจทารกได้ชัดเจน
1) สร้างสัมพันธภาพ
(6) แนะนำให้กดปุ่ม fetal movement marker เมื่อรู้สึกว่าทารกดิ้น / เคลื่อนไหว
7) กรณีที่ต้องการประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ให้คาดหน้าท้องบริเวณยอดมดลูกด้วย toco transducer เพื่อบันทึกระยะเวลา (duration) ความถี่ห่าง (interval) และความรุนแรง (Severity) ของการหดรัดตัวของมดลูก
9) กรณีที่ทารกในครรภ์ไม่ดิ้นอาจเนื่องจากทารกหลับให้กระตุ้นทารกทางหน้าท้องด้วย fetal acoustic stimulator
8) เปิดเครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจทารกลงบนกราฟนาน 20 นาที
Reactive ปกติ
Preg. มากกว่าหรือเท่ากับ 32 สัปดาห์จะมี FHR เพิ่มขึ้น (acceleration) > 15 ครั้ง / นาทีนาน 15 วินาที
ข้อบ่งชี้การทำ
4) มีภาวะแทรกซ้อนร่วมกับการตั้งครรภ์: เบาหวานร่วมกับการตั้งครรภ์ ภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์ โรคหัวใจร่วมกับการตั้งครรภ์ เป็นต้น
5) มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
3) ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
6) ตั้งครรภ์แฝด
2) ตั้งครรภ์เกินกำหนด
7) มีภาวะ Rh isoimmunization
1) ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
8) อายุมากกว่า 35 ปี
9) มีประวัติทารกตายในครรภ์
Non reactiveผิดปกติ
เป็นการตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหว
Suspicious ทารกอาจผิดปกติ
Uninterpretable อ่านผลไม่ได้
ระยะคลอด
External fetal monitoring : EFM
2.Late deceleration
เกิดขึ้นตามหลังกับการหดรัดตัวของมดลูกที่สูงที่สุด พบใน Utero-placental insufficiency
Prolong deceleration
มีการลดลงของ FHR ต่ำกว่า Baseline อย่างน้อย 15 ครั้งต่อนาที และเป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที แต่ไม่ถึง 10 นาที นับตั้งแต่เริ่มต่ำลงจนถึงกลับเข้าสู่ rate ปกติ
FHR ค่อยๆลดลงและกลับเข้าสู่ Baseline ปกติ ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
การพยาบาล
หยุดให้ Oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอด
ให้ 02 mask 5 L / m
ให้สตรีตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดการกดทับ inferior vena cava
ประเมิน BP และภาวะขาดน้ำ
รายงานแพทย์ถ้า late deceleration อยู่เพื่อเตรียมคลอด
เตรียมให้สารน้ำ
Variable deceleration
มีการลดลงของ FHR ตำกว่า baseline มากกว่า 15 bpm. เป็นเวลามากกว่า 15 วินาที แต่น้อยกว่า 2 นาที โดย onset, ความลึก และระยะเวลาไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
เกิดจากภาวะที่สายสะดือของทารกถูกกด (cord compression)
การพยาบาล
ให้ 02 mask 5 / m
ประเมิน BP, ภาวะขาดน้ำและสังเกตการเปลี่ยนแปลง FHR baseline
หยุดให้ Oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอด
รายงานแพทย์เพื่อเตรียมคลอด
ให้สตรีตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้าย เพื่อลดการกดทับ inferior vena cava
เตรียมให้สารน้ำ
Early deceleration
สาเหตุ : ศีรษะของทารกถูกกด ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงที่มีการเปิดของปากมดลูก 4-7 เซนติเมตร
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบว่าเป็นภาวะปกติ
2.แนะนำให้นอนตะแคงซ้ายหรือนอนศีรษะสูง
3.สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก ระดับ FHR
4.ดูแลเตรียมคลอดตามปกติ
FHR ค่อยๆลดลงและกลับเข้าสู่ Baselineปกติ สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
Internal fetal monitoring : IFM