Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระยะตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
ระยะตั้งครรภ์
ระยะที่ 2 (The stage of expulsion)
ตั้งเเต่ปากมดลูกเปิด 10 ซม. จนถึงทารกคลอดมาหมดทั้งตัว
ครรภ์เเรกประมาณ 1 ชม.ไม่ควรนานเกิน 2 ชม.
ครรภ์หลังประมาณ 30 นาที ไม่ควรนานเกิน 60 นาที
Early หรือ late phase
เป็นช่วงของการจัดระบบใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเบ่ง ใข้เวลาประมาณ 10-30 นาที
Descent หรือ active phase
เป็นช่วงเวลาของการเคลื่อนต่ำของส่วนนำที่เห็นได้อย่างเด่นชัด เเละเมื่อเบ่งส่วนนำจะเคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆจนมองเห็นส่วนกว้างที่สุดของส่วนนำที่ปากช่องคลอด เรียกว่า crowning ส่วนนำยังค้างอยู่ที่ช่องคลอดเเละไม่กลับขึ้นไปอีก เมื่อมดลูกคลายตัว
Perineal phase
เป็นช่วงที่ฝีเย็บเริ่มบาง โป่งตึง ปากช่องคลอดทวารหนักบานออก เเละอาจมีอุจจาระออกมาด้วย ช่วงนี้ถ้าไม่ตัดฝีเย็บอาจทำให้ฝีเย็บฉีกขาดได้
กลไกการคลอด
Engagement
ส่วนกว้างที่สุดของศีรษะทารก(ฺBilateral diameter)ผ่านช่องเข้าเชิงกรานลงมา
ในครรภ์เเรกจะเกิดขึ้นในระยะ 4 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้ระดับยอดมดลูกลดลง เรียกว่า
ท้องลด(lightening หรือ subcidence)
การประเมิน
Pawlik's grip
ไม่สามารถเคลื่อนไหวศีรษะทารกไปมาได้หรือไม่สามารถดันขึ้นไปได้
Bilateral inquinal grip
ปลายมือทั้งสองข้างที่ตามส่วนนำของทารกลงไปหากระดูกหัวหน่าว จะไม่สอบเข้าหากัน
ตรวจภายในทางทวารหนักหรือทางช่องคลอด ถ้าส่วนล่างของกระโหลกศีรษะของเด็กลงมาถึงระดับ station 0 คือ ลงมาถึงระดับ ischial spines ทั้งสองข้าง
เเม่รู้สึกท้องลดเเละถ่ายปัสสาวะบ่อย
มีการเปลี่ยนเเปลง 2 ประการ
การตะเเคงของศีรษะ
Synclitism
การขนานกันของส่วนตัดของศีรษะเด็ก
Asynclitism
การตะเเคงศีรษะผ่านลงสู่ช่องเชิงกราน
molding
คือ มีการเปลี่ยนเเปลงรูปร่างของศีรษะบางส่วนให้มีขนาดเล็กลง
Descent
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำทารกเกิดจากแรง
เเรงดันจากน้ำคร่ำ
เเรงที่กดบนส่วนของทารก
การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง
การประเมิน
คลำหน้าท้อง คลำส่วนของทารกต่ำลงเรื่อยๆ
ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ ตำเเหน่งการฟังจะต่ำลงมาเรื่อยๆ
ฝีเย็บตุง รูทวารหนักบานออกหรือปากช่องคลอดเปิดขยาย(gapping of vulva)
รู้สึกเจ็บเหมือนกันถูกกดบริเวณช่องคลอด ถ้าศีรษะทารกมีการเคลื่อนต่ำลงมา ผู้คลอดอาจรู้สึกอยากเบ่งคลอด
Flexion
การเปลี่ยนเเปลงของทารก(attitude) ในขณะที่ทารกเคลื่อนผ่านลงมาในช่องคลอด ศีรษะงอจนคางชิดอก ผลของการคว่ำหน้ามากขึ้น ทำให้การคลอดง่ายขึ้น
การประเมิน
คลำ cephalic prominences ส่วนที่นูนของศีรษะทารกคือบริเวณท้ายทอยเเละหน้าผาก ถ้าคลำได้หน้าผากทารกชัดเจนเเละอยู่สูงกว่าระดับท้ายทอยมาก มี Flexion มาก
คลำหาตำเเหน่งของขม่อม ถ้าคลำได้ขม่อมหลังยิ่งต่ำเท่าไร ทารกมีfexion มากขึ้นด้วย
internal rotation
การหมุนศีรษะของทารกภายในช่องเชิงกราน เมื่อศีรษะทารกกระทบพื้นเชิงกราน(Pelvic floor) จนไม่สามารถเคลื่อนต่ำกว่านี้ เกิดการหมุนภายใน โดยเอาท้ายทอยไปทางด้านหน้าจนอยู่ใต้กระดูกหัวหน่าว(Occiput anterior position) ซึ่งรอยต่อเเสกกลางจะอยู่เเนวหน้า-หลังของช่องออก
สาเหตุที่ทำให้เกิด internal rotation
รูปร่างของ Pelvic floor มีลักษณะคล้ายหนังสือ ที่เปิดไว้ครึ่งเล่ม
2.กล้ามเนื้อของ Pelvic floor มีการหดรัดตัวเป็นระยะๆซึ่งจะช่วยให้ศีรษะหมุนเร็วขึ้น
3.เนื่องจากช่องของเชิงกรานเเต่ละส่วนมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่กล้างไม่เท่ากัน
Extension
การเงยของศีรษะทารกขณะเคลื่อนออกมานอกช่องคลอด เส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กที่สุด คือ SOB ตามด้วย SOF จะทำให้ปากช่องคลอดยืดขยายมากที่สุดเนื่องจาก Biparietal ผ่านปากช่องคลอดออกมา
หัวโผล่(Crowning)
Restitution
การหมุนกลับศีรษะทารกไปอยู่ในเเนวเดียวกับไหล่ บิดทำมุมกับไหล่ประมาณ 45 องศา เมื่อทารกออกมาเเล้วไม่ได้อยู่ในที่บังคับของช่องเชิงกรานอีกต่อไป
ศีรษะจะหมุนกลับ 45 องศา
เพื่อคลายการบิดระหว่างคอกับไหล่
External rotation
การหมุนภายนอกของศีรษะทารกตามไหล่ที่หมุนอยู่ภายในช่องเชิงกราน เมื่อไหล่กระทบกับพื้นเชิงกรานจนกระชับ จะหมุนภายในของไหล่ไปด้านหน้า 45 องศา จะไม่ตั้งฉากกับไหล่ ศีรษะทารกจึงมีการหมุนตามไหล่ที่มีการหมุนภายในไปอีก 45 องศา
ตั้งเเต่ศีรษะทารกเกิดจนถึงหมุนภายนอกเสร็จ จะหมุนทั้งหมด 90 องศา
Expulsion
การคลอดของไหล่ทั้งสองออกมาเเล้ว ลำตัว เเละเเขนขา ก็จะคลอดปากช่องคลอดออกมาตามลำดับ
ระยะที่3(The stage of placenta expulsion)
ระยะที่ทารกคลอดเเล้วจนถึงรกเเละเยื่อหุ้มทารกลอกตัวเเละคลอดออกมา ใช้เวลาเฉลี่ย 5-15 นาที เเต่ไม่เกิน 30 นาที ทั้งครรภ์เเรกเเละครรภ์หลัง
การลอกตัวของรกออกจากผนังของมดลูก
2.Duncan mechanism
ลอกตัวบริเวณริมรกก่อน ลอกตัวช้ากว่าเเละเสียเลือดมากกว่า มี vulva sign พบ 30%
1.Schultze mechanism
การลอกตัวที่ตรงกลางของรกก่อน เห็นรกด้านลูก ไม่ค่อยมีเลือดทางช่องคลอดไหลออกมา(ไม่มี vulva sign) พบ 70%
อาการเเสดงของรกลอกตัว
Uterine sign
คลำได้มดลูกส่วนบนกลมเเข็งเเละเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง มักเป็นข้างขวา เปลี่ยนจาก discoid เป็น globular
Vulva sign
มีเลือดออกทางช่องคลอดประมาณ 50 มิลลิลิตร
Cord sign
ดูการเคลื่อนต่ำของสายสะดือ จะเคลื่อนต่ำลงมาจากตำเเหน่งเดิมมากกว่า 3 นิ้ว (8-10 ซม.)
การพยาบาล
การป้องกันการตกเลือด
นอนหงายในท่าคลอดหรือท่าขาหยั่ง รอให้รกลอกตัวเองตามธรรมชาติ ห้ามใช้มือคลึงมดลูกเป็นอันขาด เพราะจะไปกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวผิดปกติ
ดูกระเพาะปัสสาวะ ถ้าเต็มให้สวนปัสสาวะทันที ขวางการหดรัดตัวของมดลูก
ฉีดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ถ้า BP สูงเกิน 140/90 mmHg ฉีด syntocinon เเทน
การรักษาความสะอาด
เนื่องจากผู้คลอดมีความต้านทานต่ำ จึงเป็นการง่ายที่เชื้อโรคจะเข้าไป
การให้ความอบอุ่น
สังเกต
ชีพจร
ความดันโลหิต
ผิวหนัง
การฉีกขาดของเเผลฝีเย็บ
มดลูก ขนาด ความเเข็ง หรือการหดรัดตัว
การทำคลอดรก
คลอดเองตามธรรมชาติ
ช่วยเหลือให้รกคลอด
Modified crede ' maneuver
-ปลอดภัยมากที่สุด
-ใช้มือถนัดคลึงมดลูกให้หดตัวเเข็งเต็มที่ เพื่อป้องกันมดลูกปลิ้น
-จับยอดมดลูกให้อยู่ในอุ้งมือ
-ใช้อุ้งมือดันมดลูกส่วนบนที่หดรัดตัวเเข็งมาหา promontary
-เมื่อรกคลอดออกมาเเล้ว ให้ใช้ม่ือที่เเหลือรองรับรกไว้
Brandt-Andrews Maneuver
-ใช้มือที่ไม่ถนัดถือคีมหนีบจับสายสะดือดึงไว้พอให้ตึง ใช้มือถนัดโกยมดลูกขึ้น
-ใช้มือขวาเปลี่ยนมากดที่ท้องน้อยเหนือรอยต่อกระดูกหัวหน่าวลงล่างเพื่อผลักให้รกที่อยู่ในมดลูกส่วนล่างในช่องคลอดเคลื่อนต่ำลงมา
Cord traction
วิธีที่ไม่เเนะนำให้ใช้เพราะ อาจทำให้มดลูกปลิ้นหรือสายสะดือขาดได้ง่ายกว่าวิธีอื่น
-โดยใช้มือที่ไม่ถนัดโกยมดลูกส่วนบน ขึ้นไปทางสะดือ มือที่ถนัดจับสายสะดือ เเละจะไม่รู้สึกว่าถูกดึงรั้งขึ้นไป
-ใช้มือที่ไม่ถนัดคลึงมดลูกส่วนบนให้เเข็งเเละดันมดลูกขึ้นไปทางสะดือไม่ให้เคลื่อนลงมา
การตรวจรกเเละเยื่อหุ้มทารก
ตรวจสายสะดือ
มีความยาวประมาณ 35-100 ซม.เฉลี่ย 50 ซม.
-เส้นเลือดบนสายสะดือ 3 เส้น คือ Umbilical vein 1 เส้น เเละ umbilical artery 2 เส้น
-รวมตัวหนาขึ้นเป็นปม(False jelly knot) ผูกปมเเท้จริง(true knot)
ตรวจเยื่อหุ้มเด็ก
-รอยเเตกของถุงเยื่อหุ้มเด็ก จะห่างจากรกไม่น้อยกว่า 7ซม.
-สัดส่วนของเยื่หุ้มเด็กทั้งสองชั้นว่าสมดุลกันหรือไม่
-ขนาดของถุงเยื่อหุ้มเด็กว่ามีสัดส่วนสมดุลกับขนาดของตัวเด็กหรือไม่
ตรวจรกด้านเด็ก
การตรวจ chorionic plateจะเห็นเยื่อหุ้มเด็ก amnion คลุมอยู่
ตรวจรกด้านเเม่
-ผิวของ cotyledon พบว่ามีร่องหรือ placenta sulcus เเบ่งรกด้านเเม่เป็นก้อนมากมาย
-Infarction เนื้อตาย เเละ calcification หินปูน
-marginal sinus รอบขอบรก
-รอยบุ๋มบนผิวรกด้านเเม่จะพบในรายที่มีรกลอกตัวก่อนกำหนด
ตรวจดู chorion
-พบรอยขาดบน chorion มีความสำคัญมาก มีบางส่วนของชั้นที่ขาดไปจะมองเห็นรอยขาดได้ชัด ถ้าพบต้องรายงานเพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือทันที
ระยะที่4(The fourth stage)
ระยะ 2 ชั่วโมงหลังจากรกคลอด
เป็นระยะที่อาจเกิดภาวะเเทรกซ้อนคือ การตกเลือด เป็นอันตรายเเก่ชีวิตของมารดา
การพยาบาล
1.จัดให้ผู้คลอดนอนหงายราบในท่าที่สบาย ให้นอนหนีบขาเข้าหากัน เพื่อให้เเผลที่เย็บไม่ตึงเกินไป
ดูเเลสภาพร่างกายผู้คลอดให้สะอาด โดยเปลี่ยนผ้าที่เปียกเเละเปื้อนออก เช็ดตัวให้เเห้งสะอาด จัดผ้าใหม่
3.สังเกตการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15 นาที ใน ชั่วโมงเเรกหลังคลอด เเละทุก 30 นาที ในชั่วโมงที่ 2 หลังคลอดทันที มดลูกจะหดรัดตัวเเละคลำได้ที่ระดับสะดือหรือต่ำกว่าเล็กน้อย
4.สังเกตจำนวนเเละลักษณะของเลือดที่ออกทางช่องคลอด ถ้ามีเลือดออกมาจำนวน 500 มิลลิลิตรขึ้นไป ถือว่ามีการตกเลือดเกิดขึ้น
ตรวจดูกระเพาะปัสสาวะให้ว่างอยู่เสมอ
6.วัดความดันโลหิต ชีพจร การหายใจทุก 15 นาทีในชั่วโมงเเรกหลังคลอด เเล้ววัดทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่ 2 หลังคลอด ถ้าหากชีพจรเร็วเกิน 100 ครั้ง/นาที ความดันโลหิตต่ำกว่า 100 มิลลิเมตรปรอท
ตรวจดูบริเวณอัวยวะสืบพันธ์ุภายนอกเเละฝีเย็บ
8.ดูเเลให้ผู้คลอดได้รับสารอาหารเหลวหลังคลอด เช่น นมหรือโอวัลตินอุ่นๆ เพื่อเสริมพลังงานทดเเทนที่สูญเสียไปขณะคลอด
9.ผู้คลอดมักมีความอ่อนเพลียจากการคลอด พยายามให้ได้พักผ่อนนอนหลับเต็มที่ เเละเงียบ ไม่มีเเสงเเละเสียงรบกวนมากนัก
ผู้คลอดที่มีเเผลฝีเย็บหรือมีการหดรัดตัวของมดลูกที่รุนเเรง ส่งผลให้เจ็บปวดมาก ควรให้ยาเเก้ปวด
11.การให้ความอบอุ่นเเก่ร่างกายของมารดา โดยการห่มผ้าเพื่อป้องกันการหนาวสั่น
ส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว ควรนำบุตรมาไว้กับผู้คลอดเเละควรจะให้สามีหรือญาติช่วยดูเเล
การบันทึกรายงานคลอด
ระยะเวลาการเริ่มต้นระยะคลอด
ชนิดของการคลอด
ยาระงับความรู้สึก
การรักษาในระยะต่างๆ
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เวลาที่ทารก เยื่อหุ้มทารกเเละรกคลอด
สภาพทารกเเรกคลอด เพศ น้ำหนัก เเละยาที่ใ้ในทารก
รกเเละเยื่อหุ้มทารกคลอดครบหรือไม่
ลักษณะของฝีเย็บเเละการซ่อมเเซมฝีเย็บ
จำนวนเลือดทั้งหมดที่เสียจากการคลอด
อาการของผู้คลอดในระยะ 2 ชั่วโมงเเรกหลังคลอด
สัญญาณชีพ เวลาที่ย้ายออก
การย้ายผู้คลอดออกจากห้องคลอด
ระยะที่ 1 (The stage of cervical dilatation)
เริ่มจากเจ็บครรภ์จริงจนปากมดลูกเปิด 10 ซม.(fully dilatation)
ครรภ์เเรกใช้เวลา 8-24 ชม. เฉลี่ย 12 ชม.
ครรภ์หลังใช้เวลา 4-12 ชม. เฉลี่ย 6 ชม.
เกิดจากเเรงดันของการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
Latent phase
เจ็บครรภ์จริงจนถึงปากมดลูกเปิด 3 ซม.
มดลูกหดรัดตัวทก 5-10 นาที (Interval) , duration 30 วินาที
ความรุนเเรง(intensity) อยู่ระหว่าง mild 10-40 mmHg - moderate 40-70 mmHg
ครรภ์เเรกใช้เวลาไม่เกิน 20 ชม. เเละ 14 ชม. ในครรภ์หลัง
Active phase
ปากมดลูกเปิด 4-7 ซม.
ครรภ์เเรกปากมดลูกเปิดอย่างน้อย 1.2 ซม./ชม.
ครรภ์หลัง 1.5 ซม./ชม.
มดลูกหดรัดตัวทก 2-3 นาที (Interval) , duration 45-60 วินาที
ความรุนเเรง(intensity) อยู่ระหว่าง moderate-severe 70-100 mmHg
Transitional phase
ปากมดลูกเปิด 8-10 ซม.
มดลูกหดรัดตัวเพิ่มมากขึ้น interval 2-3 นาที เเละ duration 60-90 วินาที
มีมูกเลือดปนออกจากช่องคลอด
มูกปนเลือดสีน้ำตาล(mucous bloody show)
เลือดสดออกมาปนเปื้อนบริเวณปากช่องคลอด(bloody show)
การพยาบาล
ดูเเลให้พี่คลอดได้รับความสุขสบาย ปลอดภัยในระยะเจ็บครรภ์ ระยะคลอดเเละภายใน 2 ชั่วโมงหลังคลอด เช่น ความสะอาด ลดความเจ็บปวดจากการหดรัดตัวของมดลูก ป้องกันอาการอ่อนเพลีย
ใช้หลัก Aseptic technique ตลอดระยะการคลอด
เฝ้าดูเเละสังเกตอาการของผู้คลอดอย่างใกล้ชิด ลักษณะการหดรัดตัว การดำเนินการคลอด กระบวนการคลอดเป็นอย่างไร ผิดปกติหรือไม่
ให้การพยาบาลเเก่ผู้คลอดที่เกิดภาวะเเทรกซ้อนอย่างรีบด่วนได้ เเละป้องกันภาวะเเทรกซ้อนต่างๆ
เข้าใจเเละยอมรับปฏิกิริยาตลอดจนพฤติกรรมต่างๆ ที่เเสดงออกของผู้คลอด การให้คำเเนะนำ