Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ ThinkstockPhotos-467038537_wide - Coggle…
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
ประโยชน์ของการประเมิน
Primary Goal
เพื่อป้องกัน
ภาวะพิการแต่กำเนิด
ภาวะขาดออกซิเจน
เลือดเป็นกรดในทารก
Secondary Goal
เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดการบาดเจ็บต่อระบบประสาทของทารกในครรภ์
Clinical assessment
การซักประวัติ
ประวัติส่วนตัว
ประวัติครอบครัว
ประวัติการแพ้ยาและการใช้ยา
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
การชั่งน้ำหนักมารดา
ตารางน้ำหนักมารดา
การวัดความสูงของมดลูก
การคลำระดับความสูงของยอดมดลูก
¾+> สะดือ = 38-40 สัปดาห์ (กรณีท้องหลัง)
¾-> สะดือ = 38-40 สัปดาห์ (ท้องแรกเนื่องจากท้องลด Head engagement = HE)
3/4> สะดือ = 36 สัปดาห์
2/4+ > สะดือ = 32 สัปดาห์
2/4- > สะดือ = 28 สัปดาห์
¼ > สะดือ = 24 สัปดาห์
ระดับสะดือ = 20 สัปดาห์
2/3 > หัวหน่าว = 16 สัปดาห์ (หรือ 1/3 < สะดือ)
1/3 > หัวหน่าว = 12 สัปดาห์ (หรือ 2/3 < สะดือ)
การวัดด้วยสายเทป ใช้วิธี McDonald
อายุครรภ์ (สัปดาห์) = ความสูงของมดลูก(ซม.) x 8/7
อายุครรภ์ (เดือน) = ความสูงของมดลูก(ซม.) x 2/7
ผิดปกติ
ความสูงที่วัดได้ < ค่าคำนวณได้ 3 ซม
ความสูงที่วัดได้ > ค่าคำนวณได้ 3 ซม
การตรวจนับจำนวนทารกในครรภ์ดิ้น
Cardift count to ten
นับจานวนครั้งของการดิ้นหรือการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์อย่างต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้ง ภายใน 4 ชั่วโมง
เริ่มนับเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปกาห์
Sadovsky
ครรภ์วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง
หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น ผลรวม ≥ 10 ครั้ง
ถ้าทารกดิ้น <10 ครั้ง/วัน
ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
ภาวะ fetal distress มีสัญญาณ movement alarm signal (MAS)
ทารกดิ้น < 10 ครั้ง/12ชั่วโมง 2 วันติด
ทารกหยุดดิ้นหรือหยุดเคลื่อนไหว 12-24 ชม. อาจเสียชีวิต
Biochemical measurement
Maternal serum alpha fetoprotein screening MSAFP
ตรวจเมื่อครรภ์ 15 wk
ปกติ AFP = 2.5 MOM(Multiple of median)
ถ้า AFP > 2.5 เสี่ยง neural tube defects
ถ้า AFP < 2.5 เสี่ยง down syndrome
Chorionic Villus Sampling = CVS
เพื่อศึกษาโครโมโซม
1)วิธี transcervical chorionic villus
sampling
ทาเมื่ออายุครรภ์ 10 – 14 สัปดาห์
2) วิธี transabdominal chorionic villus
sampling
Fetal blood sampling
ตรวจหาโรคทางพันธุกรรม
Thalassemia
Hemophilia
ภาวะทารกบวมน้ำ Hydrops Fetalis
การติดเชื้อไวรัส
ไม่นิยมทำ
การตรวจระดับ Estriol (E3)
เพิ่มเร็วในช่วงอายุครรภ์ 35-36 wk สูงคงที่ที่ 40 wk
ตรวจได้ตั้งแต่อายุคครภ์ 28-32 wk ขึ้นไป
การแปลผล
อยู่ในช่วง 2SD ทารกปกติ(reassuring)
ต่ำกว่าช่วง 2SD ไม่อาจรับประกันได้ว่าทารกปกติ (nonreassuring)
ผลบวกสูงจากปัจจัยที่รบกวนระดับ E3
ใช้ยาสเตียรอยด์
กินยาปฏิชีวนะ
Human Placenta Lactogen
เริ่มสร้าง wk ที่ 3 หลังตกไข่
ระดับสูงสุดเมื่อ GA 36-37 wk
hPL ลด
Toxemia
Abortion
Placental insufficiency
hPL เพิ่ม
Muitiple pregnancies
Placental site trophoblastic tumor
diabetic
Molar pregnancy
การเจาะน้ำคร่ำ
ตรวจโครโมโซมเพื่อประเมิน Down syndrome
GA 15-18 wkประเมินเพื่อทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์ Lung maturity test
Shake test or Foam stability index
ตรวจพบหลอดทดลอง 3 ใน 5 หลอดมีฟองอากาศ
สัดส่วน L/S (lecithinsphingomyelin
ratio)
เท่ากับหรือมากกว่า 2:1
สำหรับสตรีตั้งครรภ์เบาหวานจะมีค่าเท่ากับ 2.5:1 หรือ 3:1
ปริมาณ
Phosphatidylglycerol (PG)
ค่า PG ในน้าคร่ามากกว่า
ร้อยละ 9-10 ของสารตึงผิว
GA 36-37 wk ประเมินเพื่อลดความเสี่ยงภาวะ respiratory distress syndrome
การพยาบาลก่อนเจาะ
ประเมินอายุครรภ์
ให้มารดาปัสสาวะก่อนทำ
เตรียมเครื่องมือ
การพยาบาลหลังเจาะ
นอนพัก 15-30 นาที
สังเกตอาการผิดปกติ
ปวดท้อง
เลือดออก
พบโครโมโซมเสี่ยงเป็น down syndrome นัดฟังผล 4 สัปดาห์
Biophysical assessment
Fetal heart sound
Baseline rate
ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที ในระยะเวลา 10 นาที
Tachycardia
FHR > 160 bpm. ในระยะเวลา 10 นาที
สาเหตุ
Maternal fever
Fetal infection
Hypoxia(chronic/mild)
Drug
atropine
epinephrine
Bradycardia
FHR <110 bpm. ในระยะเวลา 10 นาที
สาเหตุ
Hypoxia (acute)
Drug
local anesthetic
Congenital heart block
hypothermia
Variability
FHR เปลี่ยนแปลงไม่สม่ำเสมอทั้ง amplitude และ frequency ระหว่าง beat to beat
Absent
ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของ amplitude
Minimal
มีการเปลี่ยนแปลง 0 ถึง 5 beat / min
Moderate
มีการเปลี่ยนแปลง 6 ถึง 25 beat/min
Marked
มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 25 beat/min
Acceleration
การเพิ่มขึ้นของ FHR
< 32 wks. FHR สูงจาก baseline> 10 bpm.
ระยะเวลา 10 วินาที
≥ 32 wks. FHR สูงจาก baseline > 15bpm.
ระยะเวลา 15 วินาที
Deceleration
การลดลงของ FHR
วิธีการตรวจทางชีวฟิสิกส์
ระยะตั้งครรภ์(Antepartum)
Non stress test
ตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหว
ข้อบ่งชี้
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
ตั้งครรภ์เกินกาหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนร่วมกับการตั้งครรภ์
เบาหวาน
ภาวะความดันโลหิตสูง
ภาวะโลหิตจาง
โรคหัวใจ
อายุมากกว่า 35 ปี
ตั้งครรภ์แฝด
มีถุงน้าคร่าแตกก่อนกำหนด
มีประวัติทารกตายในครรภ์
มีภาวะ Rh isoimmunization
การพยาบาล
แนะนาให้ถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจ
จัดให้สตรีตั้งครรภ์นอนท่าศีรษะสูง 30 องศา
หาตำแหน่งหลังส่วนสะบักด้วยวิธี
Leopold Maneuver
คาดสายรัดหน้าท้องโดยให้หัว ultrasonic transducerวางบนตาแหน่งที่ฟังการเต้นของหัวใจทารกได้ชัดเจน
กดปุ่ม fetal movement marker
เมื่อรู้สึกว่าทารกดิ้น/เคลื่อนไหว
กรณีที่ต้องการประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
คาดหน้าท้องบริเวณยอดมดลูกด้วย toco transducer เพื่อ
บันทึกระยะเวลา (duration)
ความถี่ห่าง (interval)
ความรุนแรง (severity) ของการหดรัดตัวของมดลูก
เปิดเครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจทารกลงบนกราฟนาน 20 นาที
กรณีที่ทารกในครรภ์ไม่ดิ้น
กระตุ้นทารกทางหน้าท้องด้วย fetal acoustic
stimulator
Reactive
ปกติ
≥ 32 สัปดาห์ จะมีFHR เพิ่มขึ้น(acceleration) > 15 ครั้ง/นาที นาน 15 วินาทีทารกมีการเคลื่อนไหว โดยมีอย่างน้อย 2 ครั้งภายใน 20
นาทีอยู่ใน baseline ระหว่าง 110 - 160 ครั้ง/นาที
Preg. <32 สัปดาห์ จะมี FHR acceleration > 10 ครั้ง/นาที นาน 10 วินาทีเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวโดยมีอย่างน้อย 2 ครั้งภายใน 20 นาทีและอยู่ในระดับ baseline ระหว่าง 110 - 160 ครั้ง/นาที
Non reactive ผิดปกติ
ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของ FHS เมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวภายในระยะเวลา 40 นาที
มี baseline variability ลดลงหรือหายไป
สาเหตุ
ทารกในครรภ์หลับซึ่งสามารถหลับได้นาน 20 – 75 นาที
การพยาบาล
กระตุ้นด้วย fetal acousticstimulator และทาการบันทึกการเต้นของหัวใจทารกต่อไปอีก 20 นาที
ทารกอายุครรภ์น้อย
การพยาบาล
รายงานแพทย์
1 more item...
Suspicious ทารกอาจผิดปกติ
มีการเพิ่มของ FHS < 2 ครั้ง
อัตราเพิ่มขึ้นFHS < 15 ครั้ง/นาที
อยู่สั้นกว่า 15 วินาที เมื่อทารกมีการเคลื่อนไหว
ทดสอบซ้าภายใน 24-48 ชั่วโมง
การพยาบาล : รายงานแพทย์เพื่อตรวจ U/S
Uninterpretable
ทาการทดสอบซ้าภายใน 24ชั่วโมง
การพยาบาล : รายงานแพทย์เพื่อตรวจU/S
ตรวจด้วยวิธีอื่น
Contraction Stress test
การเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจ
ทารกเมื่อมดลูกหดรัดตัว
ข้อห้าม
มีประวัติผ่าตัดการคลอดมาก่อน
ประวัติเจ็บครรภ์คลอดก่อนกาหนด
ครรภ์แฝด
มดลูกรูปร่างผิดปกติ
รกเกาะต่า
ถุงน้าคร่ำแตกก่อนกาหนด
การพยาบาล
จัดให้สตรีตั้งครรภ์นอนท่าsemi - fowler position
เพื่อป้องกัน supine hypotensive syndrome
เตรียมให้oxytocin 5 ยูนิต ในน้าเกลือ 500 มล. ให้ในอัตรา 5 – 10 หยด/นาที จนกระทั่งมดลูกหดรัดตัว 3 ครั้งใน10 นาที นานครั้งละ 40 – 60 วินาที
ประเมินFHR เมื่อมดลูกมีการหดรัดตัวและ
รายงานผลการตรวจให้แพทย์ทราบ
ผลลบ (negative)
การหดรัดตัวของมดลูก 3 ครั้ง ใน 10
นาที โดยไม่มีlate deceleration
ผลบวก (positive)
มี late deceleration
suspicious
มี late deceleration แต่ไม่เกิดขึ้นทุกครั้ง
unsatisfactory
ไม่สามารถอ่านผลของFHR ได้
มีการหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่า 3 ครั้ง ใน 10 นาที
รตรวจติดตามการหดรัดตัวของ
มดลูกทุก 10 นาที
เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกาหนด
fetal biophysical profile
fetal breathing movement = FBM
gross body movement = FM
fetal tone = FT
reactive fetal heart sound = FHS
amniotic fluid volume
ระยะคลอด
External fetal monitoring(EFM)
Early Deceleration
FHR ค่อยๆลดลงและกลับเข้าสู่
Baseline ปกติ
สาเหตุ : HEAD COMPRESSION ปากมดลูกเปิด 4 ถึง 7 เซนติเมตร
ภาวะปกติ
นอนตะแคงซ้ายหรือนอนศรีษะสูง
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก ระดับ FHR
Late Deceleration
FHR ค่อยๆลดลงและกลับเข้าสู่
Baseline ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
นอนตะแคงซ้าย
พบในUtero-placental insufficiency
หยุดให้ oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอด
ให้ o2 mask 5 L/m
ประเมิน BP และภาวะขาดน้า
Variable deceleration :
มีการลดลงของ FHR ต่ากว่าbaseline มากกว่า 15 bpm. เป็นเวลามากกว่า 15 วินาทีแต่น้อยกว่า 2 นาที
ความลึก และระยะเวลา ไม่สัมพันธ์กับ
การหดรัดตัวของมดลูก
มีลักษณะคล้ายกราฟ U-, V- หรือ W- shaped
สาเหตุ : Cord compression
หยุดให้ oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอด
ให้ o2 mask 5 L/m
ประเมิน BP ,ภาวะขาดน้า และสังเกตการ
เปลี่ยนแปลง FHR baseline
รายงานแพทย์ เพื่อเตรียมคลอด
Internal fetal monitoring