Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ - Coggle Diagram
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
การตรวจทางคลินิก (Clinical assessment)
1.การซักประวัติ
ประวัติครอบครัว
ประวัติส่วนตัว
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
ประวัติการใช้ยาและแพ้ยา
2.ชั่งน้ำหนักมารดา
3.วัดความสูงของมดลูก
การคลำระดับความสูงของยอดมดลูก
3/4+>สะดือ = 38 - 40 week (ท้องหลัง)
2/4- >สะดือ = 28 week
-1/4 >สะดือ = 24 week
2/4+>สะดือ = 32 week
3/4>สะดือ = 36 week
3/4->สะดือ = 38 - 40 week
(ท้องแรกเนื่องจากท้องลด)
ระดับสะดือ = 20 week
2/3 > หัวหน่าว = 16 week
1/3 > หัวหน่าว = 12 week
การวัดระดับความสูงของยอดมดลูกด้วยสายเทป
วิธี McDonald
อายุครรภ์ (สัปดาห์) = ความสูงของมดลูก (ซม.) x 8/7
หรือ
อายุครรภ์ (เดือน) ความสูงของมดลูก (ซม.) x 2/7
4.ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจทารก
(Fetal heart rate : FHR)
การตรวจนับจํานวนทารกในครรภ์ดิ้น (fetal movement count : FMC)
วิธีการของ Sadovsky
นับการดิ้นของทารกในครรภ์วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมงหลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น
ผลรวมจำนวนครั้งของการดิ้น 3 เวลา หลังอาหารมีค่าเท่ากับ > 10 ครั้ง
แปลผล สุขภาพทารกปกติ
ถ้าทารกดิ้น <10 ครั้ง / วัน เรียกว่า movement alarm signal (MAS) ให้มาพบแพทย์ก่อนวันนัด
ทารกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 2 วันติดต่อกันและถ้าหยุดดิ้น12-24 ชั่วโมง
ทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์
วิธีการนับครบสิบ (count to ten)
นับจำนวนครั้งของการดิ้นต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้งภายใน 4 ชั่วโมง
เริ่มนับเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
การพยาบาล
ประเมินอายุครรภ์ / ซักประวัติความรู้สึกทารกดิ้นในครรภ์
สร้างสัมพันธภาพด้วยท่าที่เป็นมิตร
อธิบายลักษณะการดิ้นของทารก
มีลักษณะกลิ้งตัว, การยืดหดของลำตัวและแขน-ขา, สะอึก
แนะนำวิธีการบันทึกการดิ้น
เปิดโอกาสให้ซักถาม
การตรวจทางชีวเคมี(Biochemical assessment)
เก็บตัวอย่างเลือดทารกในครรภ์ (fetal blood sampling)
เป็นวิธีที่ไม่นิยมทำ
การตรวจ Human placenta lactogen
การดูดเนื้อเยื่อรก (Chorionic Villus Sampling = CVS)
เพื่อศึกษาโครโมโซม
มี2วิธี
วิธี transcervical chorionie villus sampling
ทำเมื่ออายุครรภ์ 10-14 สัปดาห์
transabdominal chorionie villus sampling
คัดกรองจากเลือดมารดาหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน
ค่าปกติAFP = 2.5 MoM (Multiple of median)
AFP > 2.5 MoM ทารกเสี่ยงต่อท่อประสาทเปิด
AFP < 2.5 MoM ทารกเสี่ยงเป็นกลุ่มดาวน์ซินโดรม
ตรวจเมื่อ 15 week
เก็บตัวอย่างเลือดทารกในครรภ์ (fetal blood sampling)
การเจาะน้ำคร่ำ
ตรวจโครโมโซม
เพื่อประเมิน Down syndrome ประเมินเมื่ออายุครรภ์ระหว่าง 15-18 wks.
ทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์ (lung maturity test)
ประเมินเมื่ออายุครรภ์ 36 -37 wks.
การพยาบาล
ก่อน
อธิบายเหตุผลขั้นตอนการเจาะน้ำคร่ำ
ประเมินอายุครรภ์ก่อนทำการเจาะน้ำคร่ำ
สร้างสัมพันธภาพ
อธิบายการดูแลตนเองขณะทำและหลังทำ
เปิดโอกาสให้ซักถาม
เตรียมเครื่องมือเจาะน้ำคร่ำ
ให้ปัสสาวะก่อนทำ
ให้กำลังใจอยู่ข้างเตียงขณะทำ
หลัง
สังเกตอาการผิดปกติเช่นอาการปวดท้องหรืออาการเลือดออก
ถ้าตรวจหาโครโมโซมที่มีความเสี่ยงเป็น Down Syndrome จะนัดฟังผล 4 สัปดาห์
ให้นอนพักประมาณ 15-30 นาทีหลังการเจาะน้ำคร่ำ
การตรวจทางชีวฟิสิกส์(Biophysical assessment)
ระยะตั้งครรภ์(Antepartum)
Non stress test : NST
คือ เป็นการตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหว
ข้อบ่งชี้การทำ NST
มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ตั้งครรภ์แฝด
มีภาวะแทรกซ้อนร่วมกับการตั้งครรภ์
เบาหวาน
ภาวะความดันโลหิตสูง
ภาวะโลหิตจาง
โรคหัวใจ
มีภาวะ Rh isoimmunization
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
อายุมากกว่า 35 ปี
ตั้งครรภ์เกินกำหนด
มีประวัติทารกตายในครรภ์
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
การพยาบาล
แนะนำให้ถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจ
จัดให้สตรีตั้งครรภ์นอนท่าศีรษะสูง 30 °
อธิบายเหตุผลและขั้นตอนของการทำ NST
ตรวจครรภ์หาตำแหน่งหลังส่วนสะบักด้วยวิธี Leopold Maneuver
สร้างสัมพันธภาพ
แนะนำให้กดปุ่ม fetal movement marker เมื่อรู้สึกว่าทารกดิ้น / เคลื่อนไหว
การแปลผล
Reactive
Preg. <32 week FHR เพิ่มขึ้น> 10 ครั้ง / นาทีนาน 10 วินาที
Preg.> = 32 week FHR เพิ่มขึ้น> 15 ครั้งนาทีนาน 15 วินาที
Non reactive
ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของ FHS เมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวภายในระยะเวลา 40 นาที
ทารกอาจหลับจะกระตุ้นด้วย fetal acoustic
ทารกอายุครรภ์น้อยระบบประสาทส่วนกลางยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์
Suspicious
FHS เพิ่ม <2 ครั้งจะทดสอบซ้ำภายใน 24-48 ชั่วโมง
Uninterpretable
อ่านผลไม่ได้จะทดสอบภายใน 24 ชั่วโมงหรือตรวจด้วยวิธีอื่น
Contraction stress test: CST
ข้อห้าม
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
มีประวัติผ่าคลอด
ครรภ์แฝด
มดลูกรูปร่างผิดปกติรกเกาะต่ำถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
การพยาบาล
อธิบายเหตุผลของการตรวจ
จัดท่า semi-fowler position
เพื่อป้องกัน supine hypotensive syndrome
สร้างสัมพันธภาพกับมารดา
เตรียมให้ Oxytocin 5 Unit ใน NSS 500 ml. ในอัตรา 5-10 หยด / นาที
จนมดลูกหดรัดตัว 3 ครั้งใน 10 นาทีนานครั้งละ 40 60 วินาที
ประเมิน EHS เมื่อมดลูกหดรัดตัวและรายงานผลการตรวจให้แพทย์ทราบ
ติดตามการหดตัวของมดลูกทุก 10 นาที
fetal biophysical profile: BPP
ตรวจดูจาก ultrasound
การหายใจของทารก (fetal breathing movement: FBM)
การเคลื่อนไหวของทารกทั้งร่างกาย (gross body movement: FM)
กำลังกล้ามเนื้อของทารก (fetal tone: FT)
การที่หัวใจทารกตอบสนองเมื่อทารกเคลื่อนไหว (reactive fetal heart sound: FHS)
ปริมาณน้ำคร่ำ (amniotic fluid volume)
ระยะคลอด
Internal fetal monitoring
ปกติจะไม่ทํา จะเสี่ยง infection
External fetal monitoring (EFM)
Late Deceleration
FHR ค่อยๆลดลงไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูกพบใน Utero placental insufficiency
การพยาบาล
หยุดให้ Oxytocin ที่ใช้เร่งคลอด
ประเมิน BP และภาวะขาดน้ำ
ให้มารดานอนตะแคงซ้ายลดการกดทับ inferior vena cava
รายงานแพทย์ถ้า late deceleration ยังคงอยู่เพื่อเตรียมคลอด
เตรียมให้สารน้ำ
Prolong deceleration มีการลดลงของ FHS ต่ำกว่า baseline อย่างน้อย 15 bpm เป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที
Variable deceleration
การลดลงของ FHS ต่ำกว่า baseline> 15 bprm นานกว่า 15 วินาที แต่ไม่ถึง 2 นาที
เกิดจากภาวะที่สายสะดือของทารกถูกกด (cord compression)
การพยาบาล
หยุดให้ oxytocin ที่ใช้ในการเร่งคลอด
ให้ 02 mask 5 LPM
ให้มารดานอนตะแคงซ้ายลดการกดทับ interior vena cava
ประเมิน BP ภาวะขาดน้ำสังเกตการเปลี่ยนแปล FHR baseline
รายงานแพทย์เตรียมคลอด
เตรียมให้สารน้ำ
Early Deceleration
FHS ค่อยๆลดลงสัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
สาเหตุศีรษะทารกถูกกดเกิดช่วงปากมดลูกเปิด 4-7 cm.
การพยาบาล
แนะนำให้นอนตะแคงซ้ายหรือนอนศีรษะสูง
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูกระดับ FHR
อธิบายว่าเป็นภาวะปกติ
ดูแลเตรียมคลอดตามปกติ