Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลหลังคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลหลังคลอด
ต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนของรก (Placental hormone)
Somatomammotropin(HCS) ไม่พบ
จะตรวจหาระดับ Human Chorionic
ประมาณปลายสัปตาห์แรกหลังคลอด Human
Chorionic Gonadotropin (HCG) ลดลง
ฮอร์โมนจากต่อมได้สมอy (Pituitary hormone)
ตลอดระยะครรภ์กระตุ้นโพรแลคตินในเลือดเพิ่ม
หลังคลอดมารตาไม่เลี้ยงบุตรด้วยน้ำนม
ระดับโพรแลคตินจะลดลง
Hypothalamus - Pituitary - Ovarian Function
มารดาหลังคลอดจะไม่มีการตกใช่และไม่มีประจำเตือนระยะหนึ่ง
จะกลับมามีประจำเตือนครั้งแรกภายใน 7 -9 weekหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะสืบพันธุ์
มดลูก
น้ำคาวปลา (Lochia)
โลเกียรูบรา (Lochia rubra)
1-3 วันแรกหลังคลอต สีแต่งเข้ม
ปรี้มาณมาก
โลเกียชิโรซา (Lochia serosa)
สีค่อยๆจางลงเป็นสีชมพูแลจางลงเรื่อยๆป็นสีน้ำตาล
ปรึมาณลดลง
โลเกียอัลบา (Lochia alba)
จางลงเป็นสีเหลืองจางๆหรือสีขาว
ทันทีหลังรกคลอต ระดับยอดมตลกสูงระดับสะดือกับหัวหน่าว
จากนั้นประมาณ 1 -2 hr ระตับยอดมตลกจะสูงระดับสะดือ
เป็นก้อนกลมแข็ง หดรัดตัวตี และอยู่ระดับนี้นานประมาณ 24 hr
แรกหลังคลอด จากนั้นยอดมตลกจะค่อยๆลดลงเฉลี่ยวันละ 1 cm. (1
fingerbreadth) วันที่ 6
จะคลำพบยอดมตลกอยู่ระหว่างสะดีอกับหัวหน่วอีกครั้ง วันที่ 10 - 12
หลังคลอดยอดมดลูกลตลงอยู่ระดับห้หวจะคลำไม่พบทางหน้าท้อง
เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ (Involution of uterus)
การขาดเลือดไปเลี้ยงมดลูก (Ischemia) เนื่องจากมีการหดตัวและคลายตัวของใยกล้ามเนื้อมดลูก จึงบีบกดเส้นเลือดในโพรงมดลูกด้วย (Livingligature)จึงทําให้มดลูกมีขนาดเล็กลง
อาการปวดมดลูก (Afterpains
พบในท้องหลังมากกว่าท้องแรก เพราะกล้ามเนื้อมดลูกหย่อนกว่าปกติ
มักเกิด 2 - 3 วันแรกหลังคลอด
ปวดเพิ่มขึ้นเมื่อทารกดูดนม เพราะจะทำให้ Posterior pituitary gland
หลั่งฮอร์โมนออกชิโทซินไปกระตุ้นให้มดลูกหตรัดตัวแรงขึ้น
ปากมดลูก
หลังคลอดทันทีปากมดลูกจะนุ่ม บวม บาง ชา มีรอยฉีกขาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ปากมดลูกจะมีรอยแยกเป็นรูปยาวรีเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเคยผ่าน การคลอดมาแล้ว
ระยะแรกๆ ปากช่องคลอดจะบวมซ้ำ
ต้องประเมิ่นฝีเย็บทุกรายเพื่อป้องกัน Hematoma อาจทำให้ตกเลือดได้
หลังคลอดเยื่อพรหมจารีย์ (Hymen) มีกรฉีกขาดหลายแฉกเรียกว่า
คูรังดูเลเมอทิฟอร์มส์ (Carunculae myrtiformes)
ให้ฝึกขมิบช่องคลอด (Kegel's exercise)
เอสโตรเจนลดลงทำให้ช่องคลอดบางลง ไม่มีรอยย่น (Rugae)
ยืดขยายได้มาก
ผนังหน้าท้อง
(Abdominal wall)
ผนังหน้าท้องจะอ่อนนุ่ม ปวกเปียกในวันแรกๆ ยัง พยุงอวยัวะภายในได้ไม่เต็มที
การแตกตัวของใยกล้ามเนื้อ
(Autolysis or Self digestion)
เอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรนลดลงอย่างรวดเร็ว
จึงมีการหลั่งเอนไชมโพรกิโอไลติด ทำให้เกิดการแตกตัวของกล้ามเนื้อ
มีการเคลื่อนย้าย Macrophage
เข้าในเยื่อและกล้ามเนื้อมดลูกเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอม
โปรตีนในผู้นังมดลูกจะแตกตัวแลถูกดูตซึมข้ไในกระแสเลือดแล้ว
ขับออกทางไต จึงทำให้มีในโตรเจนในปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ประเมินภาวะสุขภาพมารดาทารกในระยะหลังคลอด
ใช้ 12 B คือ
Background - ภูมิหลัง ซักประวัติครอบคลุม
Body condition - ประเมืนการไหลเวียนเลือด
Body Temperature and Blood pressure - อุณหภูมิ
Breast & Lactation - ประเมินหัวนมเต้านม
Belly & Fundus - หนท้องและยอดมดลูก
Bladder - กระเพาะปัสสาวะ
Bleeding & Lochia - น้ำดาวปลา
Bottom
Bowel movement
Blues - อารมณ์เศร้า
Baby - สภาพทารก
Bonding and Attachment - ความผูกพัน
อุณหภูมิ
Reactionary Fever
เกิดจากการขาดน้ำ เสียพลังงาน T
ประมาณ 37.8 - 38 องศาเชลเชียส
Milk Fever
เกิดจากนมคัด (Breast engorement)
พบวันที่ 3 - 4 หลังคลอด
T สูงกว่า 38
องศาเซลเชียสและจะหายไปใน 24 hr
Febrile Fever
มีการติดเชื้อเกิดขึ้นในร่าง
กายมารดา Tจะสูงกว่า 38
องศาเซลเชียสติดต่อกัน 2
วันหรือมากกว่า
เต้านม
ส่วนประกอบของน้ำนมมารดา แบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้
ระยะน้ำนมเหลือง (Colostrum)
มีโปรตินสูง ภูมิคุ้มกันสูง (gA) มิฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน (Transitional milk)
มีระดับไขมัน น้ำตาลแล็คโกส วิตามินละลายน้ำ พลังงานสูง
ระยะน้ำนมแท้ (True milk or mature milk)
นมในระยะ 2 week หลังคลอตไปแล้ว สีขาวข้น มีน้ำ 87%
การเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ
อาจทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีเพราะมดลูก
bladder full
ถูกเบียด
เป็นสาเหตุการตกเลือดหลังคลอดได้
จึงกระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก 4 -6 hr
การทำงานของไต (Renal function)
ปลายสัปดาห์แรกหลังคลอด
ยูเรียไนโตรเจนในเลือด (Blood urea
nitrogen) จะเพิ่มขึ้น
เนื่องจากมีการแตกตัวของใยกล้ามเนื้อมดลูก
น้ำหนักลด (Weight loss)
ตอนตั้งครรภ์น้ำหนักเพิ่ม 10 - 12
kg. เมื่อทารกและรกคลอด
น้ำหนักจะลดลง 4.5 - 5.5 kg.
weekแรกน้ำหนักจะลดอีก 2 - 4
kg. จนถึง 6 week
หลังคลอดน้ำหนักจะคงที่
การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
หลังคลอดจะมี cardiac output เพิ่มขึ้น
ส่วนประกอบของเลือด
Hb และ Hct ลดลง WBC เพิ่มขึ้น
(อาจสูงถึง 20,000 - 25,000)
ความดันเลือดและชีพจร
อาจเกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด
เป็นลมขณะเปลี่ยนททันทีทันใด เรียกว่า Orthostatic
hypotension
เนื่องจากความดันภายในย่องท้องลดลงอย่างรวดเร็ว
การหายใจ
ระยะหลังคลอดปอดขยายได้ดีขึ้น
หายใจได้สะดวกขึ้น
กล้ามเนื้อ
1-2 วันแรกจะมีอาการปวดเมื่อยกล้มเนื้อโดยเฉพาะแขน ขา ไหล่
คอ หลังคลอดโปรเจสเตอโรนลดลง
ทำให้ความตึงตัวของกล้มเนื้อลตลง
ช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนรีแลคชิน
(relaxin)ทำให้บริเวณข้อต่อต่งๆของร่งกายมีการยืดขยาย
มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อมากเกินไป จกลับมาแข็งแรงมั่นคงเมื่อ
6 -8 week หลังคลอด
ความหมาย
ระยะเวลาตั้งแต่หลังทารกและรกคลอดครบไปจนกระทั่งระบบต่างๆ
ของร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติหมือนก่อนการตั้งครรภ์
ถือเอาระยะเวลา 6 weeks หลังคลอด
1.
ระยะหลังคลอดทันที (Immediate postpartum period) 24 hr
หลังคลอด
2.หลังคลอดระยะต้น (early postpartum period) วันที่ 2 - 7
หลังคลอด
3.หลังคลอดระยะปลาย (late postpartum period) สัปตาห์ที่ 2 - 6
หลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงระบบภูมิคุ้มกัน
การไม่เข้ากันของหมู่เลือด (Blood - type incompatibilities) ต้องฉีด Rho gram ภายใน 72 hrแรกหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระบบผิวหนัง
เมื่อการตั้งครรภ์สิ้น สุดลง ฝ้าบริเวณใบหน้า (Chloasma gravidarum) จะหายไปแต่สีเข้มทีลานนม เส้นกลางหน้าท้อง (Linea nigra) และรอยแตกของผิวหนังบริเวณผนังหน้าท้อง (Striae gravidarum) จะไม่หายไปแต่อาจสีจางลงเป็นสีเงิน
การปรับตัวของมารดาในระยะหลังคลอด
ระยะที่มีพฤติกรรมพึ่งพา (Taking - in phase)
1-2 วันแรกหลังคลอด
สนใจแต่ความต้องกรแลความสุขสบายของตนเอง
จะสังเกตรูปร่างหนตาของทารกและเปรียบเทียบกับบุคค
ลที่คุ้นเคย
ระยะพฤติกรรมระหว่างพึ่งพาและไม่พึ่งพา (Taking - hold
phase)
3 - 10 วันหลังลดสนใจตนเองน้อยลง สนใจทารกมากขึ้น
พึ่งพาตนเองมากขึ้น รับฟังการสอนของพยาบาลมากขึ้น
ระยะพึ่งตนเอง (Letting - go phase)
2 weeks หลังคลอต
มารดาต้องปรับตัวต่อทารกที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้