Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินทารกในครรภ์ - Coggle Diagram
การประเมินทารกในครรภ์
ความหมาย เป็นการตรวจสอบสุขภาพทารกในครรภ์ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์-คลอด
Biochemical assessment
เก็บตัวอย่างเลือดทารกในครรภ์ หาโรคทางพันธุกรรม ไม่นิยม
ตรวจระดับ estriol (E3) ในเลือดจากปัสสาวะมารดา จะเพิ่มรวดเร็วตอนอายุครรภ์ 35-36 สัปดาห์
การดูดเนื้อเยื่อรก
Trans cervical chorionic villus sampling ทำเมื่ออายุ 10-14 สัปดาห์ Trans abdominal chorionic villus sampling
ตรวจ Human placenta lactogen เริ่มสร้างใน wks.3 หลังจากตกไข่ สูงสุดเมื่อ GA 36-37 wks.
คัดกรองจากเลือดมารดาหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน
ตรวจเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์
ค่าปกติ AFP=2.5 MoM ถ้า > 2.5 =เสี่ยงท่อประสาทเปิด < 2.5 = เสี่ยงเป็นดาวน์
การเจาะน้ำคร่ำ
ตรวจโครโมโซมประเมิน Down syndrome
ประเมินระหว่างอายุครรภ์ 15-18 wks. ทดสอบความสมบูรณ์ของทารกประเมินระหว่างอายุครรภ์ 36-37 wks. เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะ respiratory distress syndrome
การพยาบาล
ก่อนเจาะน้ำคร่ำ
-สร้างสัมพันธภาพ
-อธิบายเหตุผล ขั้นตอนการเจาะ
-ประเมินอายุครรภ์ก่อนเจาะ
-อธิบายการดูแลตนเองขณะทำและหลังทำ
-เปิดให้ซักถาม
-เตรียมเครื่องมือก่อนเจาะ
หลังเจาะน้ำคร่ำ
-ให้นอนพัก 15-30 นาที หลังเจาะ
-สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง เลือดออก
-ตรวจหาโครโมโซมเสี่ยงเป็นดาวน์ นัดฟังผล 4 wks.
Biophysical assessment
Variability P เปลี่ยนไม่สม่ำเสมอ
Acceleration
<32 wks . FHR สูงจาก baseline >10 bpm in 10 sec
32 wks. FHR สูงจาก baseline >15 bpm in 15 sec
-Baseline rate : ค่าเฉลี่ยของ P ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที ใน 10 นาที
-Bradycardia <110 ครั้ง/นาที -Tachycardia >160 ครั้ง /นาที
Deceleration การลดลงของ FHR
ระยะตั้งครรภ์ วิธีการตรวจ
NST เป็นการตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจที่มีการเคลื่อนไหว
ทำเมื่อทารกดิ้นน้อยลง ตั้งครรภ์เกิรกำหนดทารกเจริญเติบโตในครรภ์ช้า มีภาวะแทรกซ้อนร่วมกับตั้งครรภ์เช่น เบาหวาน ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด ครรภ์แฝด มีภาวะ Rh isoimmunization อายุ >35 yr มีประวัติทารกตายในครรภ์
CST เป็นการตรวจดุการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อมดลูกหดรัดตัว
การพยาบาล
1.สร้างสัมพันธภาพ
2.อธิบายเหตุผลของการตรวจสุขภาพ CST
3.ให้มารดานอนท่า semi fowler position เพื่อป้องกัน supine hypotensive syndrome
เตรียม oxytocin 5 U in nss 500 ml rate 5-10 drop/min จนกระทั่งมดลูกหดรัดตัว 3 ครั้งใน 10นาที นานครั้งละ 40-60นาที
4.ประเมิน FHR เมื่อมดลูกหดรัดตัวและรายงานผลให้แพทย์ทราบ
Fetal Biophysical profile (BPP)
เป็นการตรวจหาจาก ultrasound ดูจากการหายใจทารก (FBM) การเคลื่อนไหว (FM)กำลังกล้ามเนื้อ(FT) หัวใจตอบสนองเมื่อทารกเคลื่อนไหว (FHS) ปริมาณน้ำคร่ำ
วิธีการประเมิน
กำลังกล้ามเนื้อ
เห็นแขนขาหรือลำตัวเหยียดออกและหดเข้าบิดไปมาแล้วคืนสภาวะหรือเห็นแบมือกำมือ
ไม่เห็นทารกเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหวแขน ขาอย่างช้าๆ
การนับอัตราเต้นหัวใจ
ใน 20-40นาที มีการเคลื่อนไหวของทารก และ P เร็วขึ้นมากกว่า 15 ครั้ง/นาที นาน 15วิ อย่างน้อย 2 ครั้ง
ใน 20-40 นาที P <15 ครั้ง/นาที
การเคลื่อนไหวของลำตัว แขน ขา
ใน 30 นาที มีหมุนตัว แขนขาไปมาอย่างน้อย 3 ครั้ง
ใน30 นาที มีการหมุนตัวแขนขาไปมาอย่างน้อย 2 ครั้ง
ปริมาณน้ำคร่ำ
ในแนวดิ่งเห็นน้ำคร่ำอย่างน้อย ช่องขนาดไม่น้อยกว่า 2 cm
ไม่เห็นน้ำคร่ำหรือวัดในแนวดิ่งน้อยกว่า 2 cm
การเคลื่อนไหวแสดงถึงการหายใจ
ใน 30 นาที เห็นการเคลื่อนไหว แสดงหายใจนาน 30 วิ อย่างน้อย 1ครั้งผิดปกติ = ใน 30 นาที เห็นการเคลื่อนไหว แสดงหายใจไม่ถึง 30 วิ
ระยะคลอด
EFM
FHR Baseline
Variability
Identify ชื่อผู้ป่วย วันที่ เวลา
ลักษณะuterine contraction คุณภาพ ระยะห่าง เวลาที่มีการหดรัดตัวแต่ละครั้ง
ความเร็วของกระดาษแบบ 1 cm /นาที แบบ 3cm/นาที
Deceleration
Early Deceleration
FHR ค่อยๆลดกลับเข้าสู่ Baselineปกติ สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูกสาเหตุ ศีรษะของทารกถูกกดส่วนใหญ่เกิดในช่วงที่มีการเปิดของปากมดลูก 4 -7 cm
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบว่าเป็นภาวะปกติ
แนะนำให้นอนตะแคงหรือศีรษะสูง
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก ระดับ FHR
ดูแลเตรียมคลอดตามปกติ
Late Deceleration
FHR ค่อยๆลดกลับสู่ Baseline ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูกเกิดขึ้นตามหลังการหดรัดตัวของมดลูกที่สูงที่สุด พบใน uterroplacntal insufficiency
การพยาบาล
ให้นอนตะแคงซ้าย ลดการกดทับ inferior vena cava
หยุดให้ oxytocin
ประเมิน BP ภาวะขาดน้ำ
รายงานแพทย์ ถ้า Late deceleration ยังคงอยู่
Variable deceleration มีการลดของ FHR ต่ำกว่า baseline
มากกว่า 15 bpm เวลามากกว่า 15 วินาทีแต่น้อยหว่า 2 นาที ความลึก ระยะเวลาไม่สัมพันธ์กับก่ีหดรัดตัว เกิดจากภาวะที่สายสะดือของทารกถูกกด
Severe variable deceleration : ลักษณะของ late component กลับสู่สภาวะการเต้นของหัวใจที่ปกติช้า หลังการหดรัดตัวสิ้นสุดลง pH ของทารกลดลง
การพยาบาล
1.ให้นอนตะแคงซ้าย ลดการกดทับ inferior vena cava
2.หยุดให้ oxytocin
3.ให้ O2mask 5 L/m
4.ประเมิน BP ภาวะขาดน้ำ การเปลี่ยนแปลง FHR baseline
5.รายงานแพทย์ เพื่อเตรียมคลอด
6.เตรียมให้สารน้ำ
IFM
Clinical assessment
3.วัดส่วนสูงของมดลูก
4.Fetal heart rate
2.ชั่งน้ำหนัก
5.นับทารกดิ้น (FMC)
1.count to ten & Cardiff นับทารกดิ้น ครั้ง ใน 4 ชม เริ่มนับเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
2.Sadovsky นับทารกดิ้นวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชม. หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น ผลรวมดิ้น 3 เวลา มากกว่าหรือเท่ากับ 10 ครั้ง = สุขภาพทารกปกติ
การพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพ ท่าทางเป็นมิตร
ประเมินอายุครรภ์/ซักประวัติความรู้สึกทารกดิ้นในครรภ์
อธิบายลักษณะการดิ้น : กลิ้งตัว การยืดหาลำแขน ขา สะอึก
แนะนำวิธีบันทึกการดิ้น
แนะนำวิธีบันทึกการดิ้น
1.ซักประวัติ
วิธีทดสอบความสมบูรณ์ของปอด
Shake test/form test
ตรวจหาสาร phosphatidyglycerol
วัดอัตราส่วนของ Lecithin/Sphingomyelin
การวางแผนการดูแลระยะคลอด
Category II สัมพันธ์กับสภาวะเลือดเป็นกรดของทารกในครรภ์ช่วงเวลานั้น
-Absent หรือ Minimal variability with deceleration
-การที่ไม่มี Variability บอกถึงทารกในครรภ์มีภาวะสมองขาดออกซิเจน
Category III
Fetal tachycardia
Bradycardia
Recurrent late deceleration
Prolong deceleration
Recurrent variable deceleration
Tachysystole
เป็นภาวะที่มดลูกหดรัดตัวมากกว่า 5 ครั้งใน 10 นาที ทารกในครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะขาดออกซิเจน
intermittent Variable deceleration (< 50 %)
Category I ทารกจะมีภาวะเลือดเป็นกรดน้อยมาก
FHR baseline อยู่ระหว่าง 110-160 bpm
Deceleration
มี early deceleration
ประโยชน์การประเมิน
Primary goal เพื่อป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดและภาวะขาดออกซิเจนและเลือดเป็นกรดในทารก
Secondary goal เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อระบบประสาทของทารกในครรภ์