Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลังคลอด - Coggle Diagram
หลังคลอด
:explode:การเปลี่ยนแปลงทางด้านกายวิภาคและสรีรวิทยาของหญิง ในระยะหลังคลอด
Autolysis or Self digestion
ระยะหลังคลอดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีไนโตรเจนในปัสสาวะเพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายวัน
มีการหลั่งเอ็นไซม์ ชื่อ Proteolytic enzyme
มดลูกขาดเลือดไปเลี้ยง
ในระยะหลังคลอดเลือดไปเลี้ยงมดลูกลดลงเนื่องจากมีการหดรัดตัวและคลายตัวของใยกล้ามเนื้อมดลูก
เลือดไปเลี้ยงมดลูกลดลงจึงทำให้มดลูกมีขนาดเล็กลง
น้ำคาวปลา
ลักษณะการไหลของน้ำคาวปลาปกติระยะแรกจะมาก แล้วจะค่อยๆไหลน้อยลงเรื่อยๆจนหายไปใน2-6 สัปดาห์
ถ้าน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่า (Foul lochia) อาจเกิดการติดเชื้อได้
ปากมดลูก (Cervix)
ปากมดลูกจะอ่อนนุ่มมีรอยช้ำและรอยฉีกขาดเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ปากมดลูกจะไม่เหมือนเดิมคือไม่เป็นรูปวงกลมแต่จะมีรอยแยกเป็นรูปยาวรี
ระยะหลังคลอดบริเวณจากปากมดลูกจนถึงมดลูกส่วนล่างยังคง บวมเป็นเวลาหลายวัน
ฝีเย็บ
หลังคลอดมักมีแผลฝีเย็บจากการตัดฝีเย็บ/การฉีกขาดของฝีเย็บอาจ ถึงทวารหนักส่งผลให้ปวด ติดเชื้อได้
ปกติแผลฝีเย็บจะหาย ในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
เต้านม
เต้านมมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์เพื่อเตรียมต่อมน้ำนม ให้พร้อม ในการผลิตน้ำนม เป็นผลจาก estrogenและ progesterone
ภายหลังคลอดหลอดโลหิตที่มาเลี้ยงเต้านมจะขยายใหญ่มีเลือดคั่งมากอาจมีการคัดตึงเต้านม จะเห็นชัดในวันที่ 2-4 หลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
หลังเด็กคลอดเป็นผลให้หน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนจากรกสิ้นสุดลง เป็นการตัดตัวกระตุ้นที่ทำให้หลอดเลือดขยาย
มีการเคลื่อนย้ายของน้ำนอกหลอดเลือดที่สะสมระหว่าง การตั้งครรภ์ออกมา ดังนั้นการเสียเลือดระหว่างคลอด 300-400mlจึงยังรักษาสมดุลได้
การไหลเวียนของเลือดระหว่างมดลูกกับรกสิ้นสุดลง
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินปัสสาวะ
ควรหลีกเลี่ยงการคั่งปัสสาวะ เพราะจะทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีเป็นสาเหตุของการตกเลือด
กระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก 4-6 ชม.
มารดาหลังคลอดจะถ่ายปัสสาวะลำบากและจะเป็นมากขึ้น ถ้ามีอาการบวมของฝีเย็บ ถ้าได้รับยาระงับความรู้สึก ระยะคลอดอาการจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
โดยปกติมารดาหลังคลอดต้องสามารถถ่ายปัสสาวะได้เอง ภายใน 6-8 ชม.
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหาร และการเผาผลาญ
หญิงหลังคลอดจะเริ่มหิวและกระหายน้ำทันทีที่คลอดเสร็จ ควรเริ่มให้ดื่มน้ำทันทีเมื่อรู้สึกหิว
อาการท้องผูก เกิดจากลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อยลงเพราะผล จากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนหรือเจ็บแผลฝีเย็บ หรือเป็นริดสีดวงทวารหนัก มารดาไม่กล้าเบ่งถ่ายอุจจาระ กลัวเจ็บแผล
อุณหภูมิ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดจะสูงขึ้นเล็กน้อยและอาจมี ภาวะขาดน้ำ ซึ่งอุณหภูมิสูง ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส
การเปลี่ยนแปลงของระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูก
มีกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกคือบริเวณรอยแยกจะไม่มีกล้ามเนื้อพยุง ผลที่ ตามมา ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป จะเกิดภาวะท้องย้อย ปวดหลัง ทารก อยู่ ในท่าผิดปกติ ไม่มีแรงเบ่งคลอด
การคลอดบุตรทำให้มีการยืดขยายและบาดเจ็บของกล้ามเนื้อรอบๆฝีเย็บ
ช่วง1-2 วันแรก จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณแขน ขา ไหล่ คอ เพราะออกแรงเบ่งคลอดและหลังคลอดรกprogesterone ↓ทำให้ความตึง ตัวของกล้ามเนื้อลดลง
หลังคลอดฮอร์โมนรีแลคซินค่อยๆลดลง หญิงหลังคลอดยังเจ็บสะโพก และข้อต่อ อาจมีอาการปวดกระดูกสันหลังและกระดูกหัวเหน่า
การเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกัน
ป้องกันการสร้างแอนติบอดีโดยการฉีด Rho gram ซึ่งก็คือ Rh อิมมูนกลอบบูลิน ภายใน72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
มารดาที่มี Rh- ทำรกในครรภ์ Rh+ ระบบภูมิคุ้มกันของมารดาจะสร้างแอนติบอดีเพื่อตอบสนองต่อแอนติเจน ซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการต้ังครรภ์คร้ังต่อไป
การเปลี่ยนแปลงของระบบผิวหนัง
มารดาหลังคลอดที่มีฝ้าที่หน้า จะหายไป
รอยแตกบริเวณผนังหน้าท้อง ต้น ขาด้านใน เส้นกลางท้อง จะมีสีจางลง แต่จะไม่หายไป
มีเหงื่อออกมาก
:explode:การประเมินสุขภาพของมารดา
Belly and fundus
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก หลังคลอดต้องมีการหดรัดตัวอยู่เสมอ กลมแข็ง ถ้าไม่หดรัดตัวหรือหดรัดตัวไม่ดี ควรคลึงบริเวณยอดมดลูกทันที
เมื่อครบ 24 ช่ัวโมง จะวัดมดลูก มดลูกต้องมีการลดขนาดลงอย่างน้อยวันละ1ซม.หรือ1FBประมาณ10วันจะไม่สามารถ คลำได้ทางหน้าท้อง ก่อนวัดต้องให้มารดาไปถ่ายปัสสาวะก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ากระเพาะปัสสาวะไม่เต็ม ถ้าไม่มีการลดลงของมดลูก ต้องประเมินให้ได้ว่าเกิดจากอะไร
Body temperature and blood pressure
ถ้ามีไข้ต่ำๆ นาน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดถือว่าปกติ อาจเกิดได้จากขาดน้ำ สูญเสียพลังงาน เนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บจากการคลอด
ถ้ามารดามีความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงอาจต้องวัดความดัน บ่อยอาจทุก15นาทีตามความจำเป็น
Bleeding and Lochia
ภายใน 24 ชม.แรกหลังคลอด สิ่งที่ถูกขับออกทางช่องคลอด ส่วนใหญ่จะเป็นเลือดสีแดงสด เรียกว่า Bleeding ออกจาก placenta site
หลัง24 ชม.ไปแล้วจะเรียกน้ำคาวปลา Lochia ถ้าน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น บ่งบอกว่าอาจมีการติดเชื้อเกิดขึ้น
Bottom
สังเกตแผลฝีเย็บว่ามี Hematoma
การประเมินฝีเย็บโดยใช้หลัก REEDA
R=Redness
E= Edema
E=Ecchymosis
D= Discharge
A= Approximation
Bladder
มารดาหลังคลอดต้องปัสสาวะภายใน6-8 ชั่วโมงหลังคลอด
ถ้ามารดาไม่รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะทั้งที่กระเพาะปัสสาวะเต็ม อาจวางกระเป๋าน้ำแข็งเหนือหัวหน่าว ใช้น้ำราดอวัยวะเพศ การกดเบาๆเหนือหัวหน่าว
Body condition
ประเมินสภาพทั่วไปของมารดาเกี่ยวกับภาวะซีด ดูเยื่อบุตา ริมฝีปาก เล็บ capillary refill มารดาที่มีภาวะซีดมากอาจมีการเสียเลือด ต้องดูระดับ Hb, Hct ร่วมด้วย เฝ้าระวัง ภาวะช็อค
การลุกจากเตียง อาการหน้ามืด อ่อนเพลีย ไม่ควรให้ลุก จากเตียงโดยเฉพาะช่วง 2 ชั่วโมงหลังคลอด เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ พยาบาลควรให้มารดาได้พักผ่อนและได้อาหารที่เพียงพอ
Background
ประเมินภูมิหลังคลอดของมารดาเกี่ยวกับประวัติ การตั้งครรภ์และการคลอด เช่น การที่มีน้ำเดิน ในระยะก่อนคลอดยาวนาน มารดาอาจมีโอกาสเกิด การติดเชื้อได้ ภาวะแทรกซ้อน ในระยะหลังคลอดในครรภ์ก่อนเช่นตกเลือด ครรภ์ปัจจุบันก็อาจ เสี่ยงต่อการตกเลือดได้
:explode:การพยาบาลมารดาในระยะ24ชม.แรกหลังคลอด
Breast and lactation
ประเมินเกี่ยวกับลักษณะหัวนม เต้านมถ้าหัวนมมีความผิดปกติ แนะนำให้มารดาแก้ไขด้วย Hoffman's maneuver
Blues
ประเมินว่ามารดาสามารถปรับตัวต่อบทบาทมารดาได้หรือไม่ ใน 1-2 วันแรกเป็นระยะที่มารดามีพฤติกรรมพึ่งพา สนใจแต่ความต้องการของตนเองมากกว่า
การดูแลทารก ถ้ามารดาไม่พร้อมเลี้ยงทารกอาจนำไปเลี้ยงให้หลังจากนำมาดูดนมมารดา และเปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึก
Bowel movement
ควรแนะนำให้มารดาดื่มน้ำมากๆรับประทานอาหารที่มีกากใย และไม่เบ่งถ่ายอุจจาระแรง
Baby
ประเมินทารกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและสังเกตความผิดปกติต่างๆของทารกและให้การพยาบาลตามความต้องการของทารก
Bonding and attachment
ประเมินความผูกพันและสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
พยาบาลเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในการส่งเสริมbondingระหว่างมารดา และทารก โดยนำทารกมาดูดนมมารดาภายใน 30-45 นาที หลังคลอด(sensitive period)
ส่งเสริมให้มารดามีโอกาสสัมผัส ทารกโอบกอด และจัดให้มารดาและทารกได้อยู่ ในห้องเดียวกัน(rooming-in)
:explode:ระยะหลังคลอดแบ่งเป็น 3ระยะ
2.หลังคลอดระยะต้น (early postpartum period) : ช่วงระหว่างวันที่ 2 – 7 หลังคลอด
3.หลังคลอดระยะปลาย (late postpartum period) : นับจากสัปดาห์ที่ 2 – 6 หลังคลอด
1.ระยะหลังคลอดทันที (Immediate postpartum period): ระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
:explode:การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคม ของมารดาหลังคลอด
อาการผิดปกติทางจิตหลังคลอด
post-partum blues
พบได้ในระยะ 3-10วันหลังคลอด
เป็นผลมาจากความตึงเครียดทางจิตใจอย่างมาก
post-partum depression
มารดามีอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า ร้องไห้ง่าย
post-partum psychosis
มีอาการสับสน สูญเสียความจำและสมาธิ นอนไม่หลับ คิดฆ่าบุตร
กระบวนการปรับตัวของมารดาหลังคลอด
taking-hold phase
เป็นระยะกึ่งพึ่งพา
มารดาเริ่มพึ่งพาตนเองได้ สามารถควบคุมสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกายได้ เริ่มมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีกำลังเพียงพอ
letting-go phase
ระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอด
เป็นระยะพึ่งพาตนเอง ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่การเป็นมารดา สามารถที่จะดูแลตนเองและบุตรได้มากขึ้น
the taking-in phase
เป็นระยะพึ่งพา มารดาหลังคลอดยังคง
เข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล มารดาจะสนใจแต่ความต้องการของตนเองมากกว่าการคำนึงถึงความต้องการของบุตร โดยมารดาจะมีความต้องการพักผ่อน