Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ประเมินสภาวะทารกในครรภ์, 2.ระยะคลอด - Coggle Diagram

- - - - ㆍ12 wks : 1/3 > หัวหน่าว
      - ㆍ16 wks : 213 > หัวหน่าว
      - ㆍ20 wks : สะดีอ
      - ㆍ24 wks : 1/4 > สะตือ
      - ㆍ28 wks : 214 () > หัวหน่าว
      - ㆍ32 wks : 214 (+) > หัวหน่าว
      - ㆍ36 wks : 3/4 > สะตือ
      - ㆍ38-40 wks : 314 () > สะคือ
      - ครรภ์แรกจากท้องลด
        ㆍ38-40 wks : 314 (+) > สะตือ กรณีหลังท้อง
    - - อายุครรภ์ (wks) : ความสูงของมดลูก (ชม) x 8/7
      - อายุครรภ์ (เตือน) : ความสูงของมดลก (ชม) x 2/7
      - ถ้า ค่าที่ได้ >ที่คำนวณได้ 3 ชม= ผิดปกติ
  - - - ไตรมาสแรก : เพิ่ม 1.6 kg
        ไตรมาส 2 และ 3 : 0.44 kg
        ตลอดการคลอด : 11.5-16 kg
    - - ไตรมาสแรก : เพิ่ม 2.3 kg
        ไตรมาส 2 และ 3 : 0.49 kg
        ตลอดการคลอด : 12.5-18 kg
    - - ไตรมาสแรก : เพิ่ม 0.9 kg
        ไตรมาส 2 และ 3 : 0.3 kg
        ตลอดการคลอด : 7-11.5 kg
    - - ไตรมาสแรก : เพิ่ม 1.6 kg
        ไตรมาส 2 และ 3 : 0.75 kg ตลอดการคลอด : 16-20.5 kg
  - - - นับวันละ 3 ครั้งๆละ 1 ชม pc tid
      - ผลรวม 3 เวลา >= 10 ครั้ง
      - แปลผล : สุขภาพทารกปกติ
    - - นับการตื้นต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้ง ใน 4 ชม.
      - เริ่มนับเมื่อครรภ์ 32 wks
- - - - 1.การ identify ชื่อผู้ป่วย วันที่และเวลา
      - 2.ดูลักษณะ FHR &
        Uterine contraction
        -FHR baseline
        -Variability
        -Acceleration
        -Deceleration
        
        Late deceleration
        
        FHR ค่อยๆลดลงและกลับสู่
        
        Baseline ปกติ ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัว
        เกิดตามหลังการหดรัดตัวที่สูงที่สุด
        
        พบใน Utero-placental insufficiency
        
        Variable deceleration
        
        FHR ลดลงต่ำกว่า baseline > 15 bpm นานกว่า 15 วินาทีแต่น้อยกว่า 2 นาที onset / ความลึก / ระยะเวลา ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัว
        
        เกิดจากสายสะดือของทารกถูกกด(cord compression)
        
        Early deceleration
        
        FHR ค่อยๆลดลงและกลับสู่
        
        Baseline ปกติ สัมพันธ์กับการหดรัดตัว
  - - - ข้อห้ามในการตรวจ
        
        มีประวัติผ่าคลอด
        
        มีประวัติเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
        
        มีครรภ์แฝด
        
        มดลูกรูปร่างผิดปกติ / รกเกาะต่ำ /ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
      - การแปลผล
        
        Negative (สุขภาพดี)
        
        มดลูกหตรัดตัว 3 ครั้งใน 10 นาที
        โดยไม่มี late deceleration
        
        Positive (เริ่มไม่ค่อยดี)
        
        มี late deceleration Suspicious มี late deceleration แต่ไม่เกิดขึ้นทุกครั้ง
        
        Unsatisfactory
        
        ไม่สามารถอ่านผล FHR ได้
        มดลูกหดรัดตัว< 3ครั้งใน 10 นาที
      - การพยาบาล
        
        สร้างสัมพันธภาพ
        
        อธิบายเหตุผลและชั้นตอนการตรวจ
        
        จัดทำ semi-fower position เพื่อป้องกัน supine hypotensive syndrome
        
        เตรียมให้ oxytocin 5 ยูนิต ในน้ำเกลือ 500 ml อัตรา 5-10หยด/นาที จนมดลูกหดรัดตัว 3 ครั้ง ใน 10 นาที นานครั้งละ 40-60 วินาทีอาจให้การกระตุ้นหัวนม (nipple stimulation)
        
        ประเมิน FHR เมื่อมดลูกหดรัดตัวและรายงานผลการตรวจให้แพทย์ทราบ
        
        หลังการตรวจ ติดตามการหดรัดต้วมคลูกทุก 10 นาที เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
    - - ข้อบ่งชี้การทำ NST
        
        ทารกดิ้นน้อย
        
        ตั้งครรภ์เกินกำหนด
        
        ทารกโตช้าในครรภ์
        
        มีภาวะแทรกซ้อนร่วมการตั้งครรภ์
        
        ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
        
        ตั้งครรภ์แฝด
        
        มีภาวะ Rh isoimmunization
        
        อายุ > 35 ปี
        
        มีประวัติทารกตายในครรภ์
      - การพยาบาล
        
        สร้างสัมพันธภาพ
        
        อธิบายเหตุผลและขั้นตอนการทำ NST
        
        ให้ถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจ
        
        นอนท่าศีรษะสูง 30 องศา / นอนตะแคง
        
        ตรวจหาหลังเด็กด้วย Leopold maneuver คาดสายรัดหนท้องโดยให้หัว ultrasonic transducer วางตำแหน่งที่ฟังเสียงหัวใจทารกได้ชัดเจน
        
        แนะนำกดปุ่ม fetal movement marker เมื่อรู้สึกว่าทารกตื้น /เคลื่อนไหว
        
        7 กรณีต้องประเมินการหตรัดตัวมดลูกให้คาดหน้าท้องบริเวณยอดมกลูกด้วย toco transducerเพื่อบันทึกระยะเวลา ความถี่ห่างและความรุนแรงของการหดรัดตัว
        
        เปิดเครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจลงกราฟนาน 20 นาที
        
        ถ้าทารกไม่ดิ้น ให้กระตุ้นด้วย fetal acoustic stimulator
      - แปลผล
        
        Reactive (ปกติ)
        
        ㆍPreg. >= 32 wks. FHR เพิ่มขึ้น > 15 bpm. นาน 15 วินาที เมื่อทารกเคลื่อนไหวอย่างน้อย 2 ครั้งใน 20 นาที Baseline ระหว่าง 110-160 bpm
        
        ㆍPreg. < 32 wks. FHR เพิ่มขึ้น > 10 bpm, นาน 10 วินาที เมื่อทารกเคลื่อนไหวอย่างน้อย 2 ครั้งใน 20 นาที Baseline ระหว่าง 110-160 bpm
        
        Non-reactive (ผิดปดติ)
        
        ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของ FHS เมื่อทารกเคลื่อนไหวภายใน 40 วินาที Baseline variability ลดลงหรือหายไป
        
        Uninterpretable (อ่านผลไม่ได้)
        
        ทดสอบซ้ำใน 24 ชม หรือตรวจด้วยวิธีอื่น
        
        Suspicious (ทารกอาจผิดปกติ)
        
        ㆍมีการเพิ่มของ FHS < 2 ครั้ง / อัตราเพิ่มขึ้น < 15 bpm.
        
        ㆍอยู่สั้นกว่า 15 วินาที เมื่อทารกเคลื่อนไหว
        
        ㆍทดสอบช้ำใน 24-48 ชม
    - - 1.3.1 การหายใจของทารก
        (fetal breathing movement : FBM)
      - 1.3.2 การเคลื่อนไหวของทารกทั้งร่างงกาย
        (gross body movement : FM)
      - 1.3.3 กำลังกล้ามเนื้อของทารก
        (fetal tone : FT)
      - 1.3.4 การที่หัวใจทารกตอบสนองเมื่อทารกเคลื่อนไหว(reactive fetal heart sound : FHS)
      - 1.3.5 ปริมาณน้ำคร่ำ
        (amniotic fluid volume)
- - - - ค่าปกติ AFP =2.5 MoM ( multiple of median)
        
        ถ้า AFP > 2.5 MoM ทำรกเสี่ยงมีท่อประสาทเปิ ด(neural tube defects)
        
        ถ้า AFP < 2.5 MoM ทารกเสี่ยงเป็นกลุ่มอาการ Down's syndrome
        
        Down's syndrome
        
        การตรวจวินิจฉัย
        
        การเจาะน้ำคร่ำ(Amniocentesis)
        ทำเมื่ออายุครรภ์ 16-18 wks
        ภาวะแทรกซ้อน คือ การแท้งบุตร
        
        การตัดตัวอย่างรก(Chorionic villus sampling)
        ทำเมื่ออายุครรภ์ 10-13 wks
        ภาวะแทรกซ้อน คือ การแท้งบุตร
        
        การเจาะเลือดจากสายสะดือทารกในครรภ์ (Cordocentesis)
        การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางโครโมโซมเฉพาะกลุ่มอาการดาวน์ การตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อแต่กำเนิด
        ภาวะแทรกซ้อน คือ เลือดออก
  - - - 1.วิธี transcervical chorionic villus
        sampling
        
        ทำเมื่ออายุครรภ์ 10 – 14 สัปดาห์
      - วิธี transabdominal chorionic villus
        sampling
  - - - ธาลัสซีเมีย
        ฮีโมฟิเลีย (hemophilia) ภาวะทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis)
        การติดเชื้อไวรัส เป็นต้น
  - - - ประเมินเมื่ออายุครรภ์ระหว่าง 15 - 18 wks.
    - - ประเมินเมื่ออายุครรภ์ 36 -37 wks. เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะ respiratory distress syndrome = RDS
    - - (1).สร้างสัมพันธภาพ
        (2) อธิบายเหตุผล / ขั้นตอนการเจาะน้ำคร่ำ
        (3) ประเมินอายุครรภ์ก่อนทำการเจาะน้ำคร่ำ
        (4) อธิบายการดูแลตนเองขณะทำและหลังทำ
        (5) เปิดโอกาสให้ซักถาม
        (6) เตรียมเครื่องมือเจาะน้ำคร่ำ
        (7) ให้ปัสสาวะก่อนทำ
        (8) ให้กำลังใจอยู่ข้างเตียงขณะท ำ
    - - ให้นอนพักประมาณ 15 - 30 นาทีหลังการเจาะน้ำคร่ำ
        
        สังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดท้อง หรืออาการ
        เลือดออก
        
        ถ้าตรวจหาโครโมโซมที่มีความเสี่ยงเป็น Down
        syndrome จะนัดฟังผล 4 สัปดาห์