Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (หัวข้อกิจจานุเบกษา…
พระราชบัญญัติระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546
หัวข้อกิจจานุเบกษา
มาตรา1 ระเบียบความหมายการบิหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546
มาตรา2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากการประกาศกิจจานุเบกษากระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา3 ให้ยกเลิกระเบียบการต่างๆดังนี้
-พระราชบัญญัติระเบียบการปฏิบัติของทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ.2520
-พระราชบัญญัติระเบียบการปฏิบัติของทบวงมหาวิทยาลัย (ฉบับที่2)พ.ศ.2535
-พระราชบัญญัติระเบียบการคณะกรรมการการประถมศึกษา พ.ศ. 2523
-พระราชบัญญัติระเบียบการคณะกรรมการการประถมศึกษา (ฉบับที่2)พ.ศ.2535
-พระราชบัญญัติระเบียบการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2535
มาตรา4 ให้นำกฏหมายข้อบังคับด้วยระเบียบแผ่นดินการบริหารแผ่นดินและกฏหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติมาบังคับใช้แก่กระทรวงศึกษาธิการโดยอนุโลม เว้นแต่ในพระราชบัญญัตินี้จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา5 กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ตามกฏหมายว่าด้วยเรื่องการศึกษาแห่งชาติและกฏหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา6 ให่จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
-ในส่วนกลาง
-เขตพื้นที่การศึกษา
-ในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาในระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
มาตรา7 การกำหนดต่ำแหน่งและอัตราเงินเดือนราชการในกระทรวงศึกษาธิการให้คำนึงถึงคุณวุฒิ ประสบการณ์ มาตราฐาน วิชาชีพฯ แล้วแต่กรณีการบรรจุแต่งตั้งยศบุคคลดำรงต่ำแหน่งหน้าที่ราชการต่างๆให้เป็นไปตามกฏหมาย
มาตรา8 ให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฏหมายระเบียบแลัประกาศเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจตีความและวิจัยชี้ขาดปัญหาเกี้ยวกับการปฏิบัติงาน อำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงต่ำแหน่งหรือหน่วยงานต่างๆตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกลของพระราชบัญญัติ
กฏ ระเบียบ และการประกาศ บังคับใช้
หมวดที่1 การจัดการระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
ส่วนที่1
บทบาทและหน้าที่โดยแบ่งอย่างชัดเจนรวมถึง กฏ นโยบายข้อบังคับต่าง
มาตรา 4 ให้จัดระเบียบส่วนกลาง
สำนักงานปลัดกระทรวง
ส่วนราชการที่มีที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษาธิการ (รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ)
มาตรา10 การแบ่งส่วนราชการโดยมีหัวหน้างานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา11 กำหนดให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาออกกฏนโยบาย โดยมีรัฐมนตรีช้วยเป็นผู้สั่งหรือปฏิบัติราชการแทนได้
มาตรา13 เมื่อมีการเสนอความคิดเห็นให้รัฐมนตรีนำความคิดนั้นนำมาประกอบการพิจารณาให้เหมาะสมกับการศึกษาของชาติ
มาตรา14 ให้สภานศึกษามีหน้าที่ชัดเจน
มาตรา15 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนามาตราฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
มาตรา16 ให้มีคณะกรรมการอุดมศึกษามีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนาและมาตราฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแบบแผนการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา17 ให้มีคณะกรรมการอาชีวศึกษา พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนาและมาตราอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา18 อุดมศึกษา สถานศึกษา กรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา อาจแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อรับพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้
มาตรา19 ขึ้นตรงกับคณะรัฐมนตรี
มาตรา20 ให้กระทรวงศึกษาธิการมีผู้ตรวจการ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตาม ปรับปรุง พัฒนา
มาตรา21 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาองค์กรท้องถิ่นและประสานงานให้สอดคล้องกับนโยบาย
มาจรา22 ในกรณีมาตรา33ไม่อาจบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีตามที่กำหนดในส่วนที่3
-พกพร่องร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม การสื่อสาร การเรียนรู้
-การศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัย
-บุคคลความสามารถพิเศษ
-การศึกษาทางไกล
-การจัดการตาำกว่าอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี
ส่วนที่2
การจัดระเบียบราชการในสำนักงานปลัดกระทรวง
บทบาทหน้าที่ของปลัดโดยมีอำนาจรับผิดชอบควบคุมราชการประจำ เร่งรัดติดตามผลสำรฤทธิ์ทางการศึกษาให้เป็นไปตามแผนของกระทรวง
มาตรา23 กระทรวงศึกษาธิการมีปลัดกระทรวงคนหนึ่งที่มีอำนาจในการตรวจสอบ ควบคุม บัชชาข้าราชการ
มาตรา24 ปลัดกระทรวงมีหน้าที่ประสานงานจัดทำงบประมาณ กฏหมาย
มาตรา25 การแบ่งสัดส่วนปลัด
สำนักงานอำนวนการ
สำนัก สำนักงาน
มาตรา26 สำนักอำนวนการมีอำนาจเกี่ยวกับราชการทั่วไปของสำนักงานปลัดกระทรวง
มาตรา27 มีคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนและประสานงานความร่วมมือการศึกษาทั้งในและนอกระบบ ร่วมทั้งการศึกษาตามอัธยาศัย
ส่วนที่3
การจัดรัเบียบราชการในสำนักงาน
แบ่งหน้าที่ ถาระงานในส่วนของระบบสำนักงานเพื่อให้ปฏิบัติตามกฏของกระทรวง
มาตรา28 ให้มีหัวหน้าสำนักงานส่วนราชการขค้นตรงต่อรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา29 ให้มีการแต่งตั้งเลขาธิการซึ้งมีฐานะเทียบเท่ากับปลัดกระทรวง
มาตรา30 เลขาธิการซึ้งเป็นผู้บังคับบัญชาตาม มาตรา28 มีอำนาจดังนี้
ควบคุมราชการประจำสำนักงาน
เป็นผู้บังคับบัญชารองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ให้เลขาธิการรับผิดชอบบังคับบัญชาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา10
มาตรา31 สำนักงานอำนวยการมีอำนาจหน้าที่ทั่วไปของสำนักงานเลขาธิการ
มาตรา32 ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมทำหน้าที่เป็นองค์กรเสริมและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ้งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม การสื่อสาร และการ้รียนรู้ หรือร่างกายพิกาย
หมวดที่2
การจัดระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษาการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยคำนึงถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อทำให้หน้าที่ในการดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามที่กำหนดให้ในมาตรา36
หมวดที่3
การจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
ระเบียบปฏิบัติราชการหรือระเบียบปฏิบัติงานของสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี โดยให้มีคณะกรรมการราชการผลเรือนในมหาวิทยาลัยเรียกโดยย่อว่า ก.ม. ทำหน้าที่บริหารบุคคลสำหรับราชการพลเรือนในสถานศึกษาของนัฐ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการและแผนงานเดี่ยวกับการศึกษา
หมวดที่4
การปฏิบัติราชการแทน
อำนาจในการสั่ง อยุมัติ ปฏืบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นที่ผู้ดำรงต่ำแหน่งดังต่อไปนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เลขาธิการ
ผู้อำนวยสำนักงานเขต
ผู้อำนวยสถานศึกษา
หมวดที่5
การรักษาราชการแทน
ในกรณีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รัฐมนตรีช้วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน การรักษาการแทนนั้นจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีกระทาวงศึกษาธิการในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงต่ำแหน่งปลัดกระทรวง (มีปลัดกระทรวงหลายคน) การแต่งตั้งต่ำแหน่งนั้นจะมีโครงสร้างแบบแผนเหมือนกันตั้งแต่การรักษาการในตำแหน่ง รัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เลขาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงาน ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการสถานศึกษา โดยการรักษาการนี้ไม่กระทบต่ออำนาจของนายกรัฐมนตรี
บทเฉพาะกล
โอนอำนาจหน้าที่ดูแลควบคุมและหนี้สิน รายรับรายจ่าย อัตรากำลังข้าราชการ ลูกจ้าง เงินงบประมาณ ไปเป็นของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (ยกเว้นปทุมวันไปเป็นของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
ให้สถานศึกษาในระดับปริญญาตรีที่เป็นสถานศึกษาในสังกัดมหาวิทยาลัยสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล สังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้มีฐานะเป็นกรมตามพรัราชบัญญัติระเบียบบริหารแผ่นดิน มีสถานะเป็นนิติบุคคลในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาโดยให้สถานศึกษามีอำนาจในการบริหารบรรดากิจต่างๆ