Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Electroconvulsive therapy (ขั้นตอนในการทำ ECT (ให้ผู้ป่วยนอนบนเตียงเรียบแข…
Electroconvulsive therapy
ชนิดของการทำ ECT
ค แบ่งตามการใช้ยาสลบ
Unmodified ECT เป็นการทำ ECT โดยไม่ใช้ยาสลบ ซึ่งจะใช้มากในโรงพยาบาลจิตเวชที่มีผู้ป่วยมาก แต่บุคคลกรทางการแพทย์มีน้อย ผลแทรกซ้อนจากการทำ ECT วิธีนี้พบได้ มากกว่าวิธี modified ECT
Modified ECT เป็นการทำ ECT โดยใช้ยานำสลบ นิยมใช้ในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการดมยาสลบทั้งวัสดุ อุปกรณ์ และบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวเน้นถึง วิธีนี้
ข แบ่งตามการวางอิเลคโทรด
Bilateral เป็นการทำ ECT ที่วางอิเลคโทรดบริเวณ temporal area ของศรีษะทั้งสองข้าง
Unilateral nondominant เป็นการทำ ECT ที่ วางอิเลคโทรดทั้ง 2 บนศรีษะข้างเดียวกัน กับมือที่ถนัด คือ วางอิเลคโทรดด้านขวา ในคนที่ถ นัดมือขวา ในตำแหน่งที่เรียก Lancaster’s position คือ อิเลคโทรดอันล่าง อยู่บน เส้นตั้งฉากที่ลากสูงขึ้นไปจากจุด กึ่งกลางระหว่าง lateral angle of orbit และ external auditory meatus เป็นระยะทาง 1.5 นิ้ว อิเลคโทรดอันบน อยู่บนเส้น ที่ลากออกไปจากอิเลคโทรด อันล่างทำมุม 70 องศา เป็นระยะทาง 3.5 นิ้ว
ก แบ่งตามลักษณะคลื่นไฟฟ้า
Sine wave เป็นการทำ ECT ที่ใช้เครื่องรุ่นเก่า ซึ่งจะให้กระแสออกมาเป็น sine wave ที่จะไปกระตุ้นให้ผู้ป่วยชัก
Brief pulse wave เป็นการทำ ECT ที่ใช้เครื่องรุ่นใหม่ซึ่งจะให้กระแสไฟที่เป็นช่วงสั้นๆ ไม่ตอเนื่อง
ง แบ่งตามจำนวนการชักในแต่ละครั้งของการทำ ECT
Single conventional ECT เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำให้เกิดการชักครั้งเดียวในแต่ละ session ของการทำ ECT
Multiple monitored ECT (MMECT) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำให้เกิดการชักมากกว่า1 ครั้ง ภายใต้ การดมยาสลบ ครั้งเดียวกัน
ความหมาย
เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดอาการชัก ทำให้สารสื่อนำประสาทภายในสมองที่หลั่งผิดปกติได้กลับมาทำงานโดยสม่ำเสมอ เมื่อสารสื่อนำประสาทหลั่งอย่างต่อเนื่องดีแล้วกระบวนการทำงานทางจิต รวมถึงสภาวะทางอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมต่างๆ ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ เช่น โรค depression , mania ,schizophrenia
จำนวนครั้งที่ใช้ในการทำ ECT
Mania 8-10
Schizophrenia 10-12
Affective disorders 6-8
การเตรียมผู้ป่วยก่อนทำ ECT
ถ้ามีฟันปลอมให้ถอดฟันปลอมออก เพื่อป้องกันฟันปลอมหลุดร่วงลงไปในคอหรือแตกหักเสียหาย
ผู้ป่วยควรสวมเสื้อผ้าที่รู้สึกสบาย เพื่อสะดวกในการติดอุปกรณ์ต่างๆ ควรถอดของมีค่าออก เพื่อป้องกันการสูญหาย
ถ่ายปัสสาวะ อุจจาระให้เรียบร้อยก่อนทำ
ผมควรจะสะอาดและแห้ง ไม่ควรมีเครื่องประดับเพื่อสะดวกในการติดแผ่นอิเลคโทรด
งดน้ำและอาหารก่อนทำ 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสำลักอาหารที่ย้อนขึ้นมา
การเตรียมผู้ป่วยทางด้านจิตใจ โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกของตนต่อการรักษาด้วย ECT แล้วให้การช่วยเหลือโดยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยด้วยวิธีต่างๆ เช่น อาจให้คุยกับ ผู้อื่นที่รักษาหรือเคยรักษาด้วยวิธีนี้พาไปดูห้องทำ ECT ให้ดูวีดีโอเทปการทำ ECT หรือพูด คุยให้กำลังใจผู้ป่วย
ให้ญาติหรือผู้รับผิดชอบผู้ป่วยทราบและเซ็นใบยินยอมให้การรักษาหลังจากที่ได้อธิบายญาติและผู้ป่วยทราบถึงความจำเป็น รวมทั้งข้อดีข้อเสียแล้วเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องในภายหลัง
ขั้นตอนในการทำ ECT
ให้ผู้ป่วยนอนบนเตียงเรียบแข็งพอควร ไม่หนุนหมอน ต่อ scalp veinเพื่อเตรียม ให้ยา
เตรียมเครื่อง ECT ให้พร้อมและติดอิเลคโทรดที่ขมับทั้ง 2 ข้าง ทาelectrode jelly บนด้าน ที่ติดกับผิวหนังต่อเครื่องวัด EKG ,BP, เครื่องวัด oxygen saturation
ให้ผู้ป่วยสูดออกซิเจน 100% 2-3 นาที
ฉีด pentothal sodium 5 มก/กก เข้าเส้นเพื่อทำให้คนไข้หลับ ปัจจุบันนิยมใช้ methohexital (Brevital) เพราะมีผลเสียและผลข้างเคียงน้อยกว่าแต่เวลาฉีดจะเจ็บกว่าทดสอบการหลับ ด้วยการตรวจ eyelash reflex
ฉีด succinylcholine 0.5-1.5 มก/กก เข้าเส้นจะเห็น fasciculation ของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ทดสอบการคลายตัว ของกล้ามเนื้อเต็มที่ด้วยการตรวจ Babinski’s sign หรือดึงคางจะอ้าปากขึ้นได้ง่าย
ใช้ anasthetic mask ที่ต่อกับ ambu bag และ ออกซิเจน 100 % ครอบจมูก บีบ ambu bag เพื่อช่วยการหายใจของผู้ป่วย
กดปุ่มที่เครื่อง ECT เพื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในสมองของผู้ป่วยระหว่างนี้ต้องจับคางผู้ป่วยไว้ด้วย เพราะ ถึงแม้จะให้ยาคลายกล้ามเนื้อแล้ว แต่อาจมีการกระตุก ของคางได้เนื่อง จากกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าถูกกระตุ้นโดยตรง จากกระแสไฟฟ้าได้
ผู้ป่วยจะชักซึ่งมีลักษณะเหมือน grand mal seizure ระยะเวลาของการชัก ต้องไม่น้อยกว่า25 วินาที ระหว่างชัก ต้องให้ ventilation เพิ่มขึ้นและเมื่อหยุดชักแล้ว ก็ต้องช่วยต่อไปจนกว่าใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ระหว่านี้ถ้ามีเสมหะต้องรีบดูดออก ทั้งในปากและจมูก ตรวจดู vital signsทุก 15 นาที จนกระทั้งผู้ป่วยหายใจเองได้
เมื่อผู้ป่วยหายใจได้เองแล้ว ต้องตรวจดูในช่องปาก ทันทีว่ามีอุบัติเหตุกับช่องปากหรือไม่ วัด vital signs ทันที และวัดอีก ทุกครึ่งชั่วโมง เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
ผู้ป่วยจะนอนหลับหลังชัก ควรให้นอนตะแคงโดยเฉพาะถ้ามีเสมหะมากควรมีเหล็กกั้นข้างเตียง และเจ้าหน้าที่คอยดูแล เพราะหลังชักอาจมีอาการสับสน มึนงง อาจปีนเตียงหรือตก เตียงได้