Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Electroconvulsive Therapy ECT :pencil2: (เครื่องใช้ในการทำ ECT :red_flag…
Electroconvulsive Therapy
ECT
:pencil2:
ความหมาย
:warning:
เป็นการทำให้ชักโดยใช้กระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสม ผ่านเข้าไปในสมองทางขั้วตัวนำไฟฟ้าซึ่งวางไว้บริเวณขมับทั้งสองข้างหรือข้างเดียว
ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไปในสมองผู้ป่วย โดยทั่วไปอยู่ในช่วงระหว่าง 70-150 โวลท์ เวลาที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าประมาณ 0.5-2 วินาที
มีผลให้เกิดการชักประมาณ 30-60 วินาที จึงจะมีผลต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เป็นการชักเกร็งของฝ่าเท้าและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ประมาณ 10-15 วินาที และเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อเป็นจังหวะประมาณ 30 วินาที
ข้อบ่งชี้
:fire:
ผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าแบบไม่ทราบสาเหตุ
ผู้ป่วยจิตเวชแบบที่ไม่พูด แยกตัว
ผู้ป่วยที่มีอาการคุ้มคลั่ง
ผู้ป่วยจิตเวชที่ใช้ยารักษาแล้วไม่ได้ผล
ผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุมาจากร่างกาย
ผู้ป่วยที่มีอาการแสดง เช่น รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า สิ้นหวัง มีความคิดฆ่าตัวตาย วุ่นวาย ก้าวร้าว
ข้อห้าม
:forbidden:
โรคเนื้องอกของสมอง เพราะการชักจะเพิ่มความดันภายในกระโหลกศีรษะ
โรคของหลอดเลือดและหัวใจเช่นโรค Myocardial infarction ที่เพิ่งเป็นใหม่ๆ เพราะอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ (arrhythmia) ในขณะชัก และอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายมากขึ้น
โรคของกระดูก โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง เช่น vertebral osteoporosis หรือ vertebral fracture ที่กระดูกติดดีแล้ว
ชนิดของการช็อคด้วยไฟฟ้า
:silhouette:**
Bilateral ECT
:silhouettes:
การช็อคด้วยไฟฟ้าโดยการวางขั้วไฟฟ้า (electrode) ไว้ที่ขมับ ทั้ง ๒ ข้าง ให้กระแสผ่านสมองทั้ง ๒ ซีก
Unilateral ECT :silhouettes:
การช็อคด้วยไฟฟ้า โดยให้กระแสผ่านสมองซีกเดียว ซึ่งเป็นซีกที่ nondominant เพื่อลดอาการสับสน (confusion) และอาการลืมหลังทำ
วิธีทำคือ วางขั้วไฟฟ้าอันหนึ่งไว้ที่ตำแหน่ง ๓ เซนติเมตร เหนือจุดกึ่งกลางของเส้นที่ต่อระหว่าง lateral angle of the orbit กับ external auditory meatus ขั้วไฟฟ้าอีกอันวางที่ตำแหน่ง ๖ เซนติเมตรเหนือขั้วไฟฟ้าอันแรก และทำมุม ๗๐ องศากับเส้นตรงที่กล่าวแล้ว
ความถี่ในการทำ
:unlock:
ทำ ๓ ครั้งต่อสัปดาห์จนอาการดีขึ้น ซึ่งขึ้นกับชนิดของโรค อย่างน้อยที่สุดไม่ควรทำต่ำกว่า ๖ ครั้ง และมากที่สุดไม่เกิน ๒๕ ครั้ง เฉลี่ยประมาณ ๙ ครั้ง
ระหว่างทำควรสังเกตุสิ่งเหล่านี้
:check:
Tonic Phase (เกรง)ประมาณ 10 วินาที
Clonic Phase (กระตุก)ประมาณ 35 วินาที
Coma ระวัง Apnea 1-2วินาที
รวมเวลาทั้ง 3 อาการไม่ควรเกิน 3 นาที
เครื่องใช้ในการทำ ECT
:red_flag:
เครื่องทำช็อตไฟฟ้ากระแสสลับ 110 โวลต์
เจลลี่ หรือ นำเกลือ
เตียง ผ้ายาง ผ้าคุมตัว
ไม้กดลิ้นพันด้วย Gauze
Emergency Set
หมอนทราย
ผ้าขนหนูแช่เย็น
การเตรียมผู้ป่วย
:recycle:
๑. ต้องบอกผู้ป่วยและญาติว่าแพทย์จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีนี้ อธิบายวิธีการทำให้ฟัง และให้ลงชื่อยินยอมให้แพทย์ทำด้วย
๒. นอกจากการตรวจร่างกายแล้ว ควรจะต้องวัดความดันโลหิต ถ่ายภาพรังสีของทรวงอกและกระดูกสันหลัง ตรวจคลื่นหัวใจ และคลื่นสมอง
๓. งดยาที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำก่อนทำช็อค จิตแพทย์บางคนแนะนำให้หยุดยาแก้อารมณ์เศร้าด้วย เพราะอาจเสริมฤทธิ์กันทำให้เป็นอันตรายแก่หัวใจ
๔. งดอาหารและน้ำทางปากอย่างน้อย ๒ ชั่วโมงก่อนทำให้ปัสสาวะก่อน และถอดฟันปลอมออก
๕. ฉีด atropine sulphate ๐.๖-๑ มิลลิกรัมเข้าใต้ผิวหนัง ๓๐ นาทีก่อนทำเพื่อลดน้ำลายและน้ำเมือกในหลอดลม รวมทั้งลดปัญหาแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ให้ thiopentone ๐.๒๕-๐.๕ กรัมฉีดเข้าหลอดเลือดดำให้ผู้ป่วยหลับ เมื่อผู้ป่วยหลับแล้ว ฉีด succinyl choline ๒๐-๓๐ มิลลิกรัมเข้าหลอดเลือดดำก่อนปล่อยกระแสไฟฟ้า เพื่อป้องกันการกระตุกอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อ
**ควรจะใส่ไม้กดลิ้น หรือ mouth gag เพื่อป้องกันการกัดลิ้น วางขั้วไฟฟ้าที่ขมับแต่ละข้าง จัดกระแสไฟฟ้าและเวลาตามต้องการ เตรียมเครื่องดูดเสมหะ ออกซิเจน และ oxygen mask
๖. หลังการชักผู้ป่วยจะหยุดหายใจชั่วขณะ อันเป็นผลจากการชักและจากยาซึ่งทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่หายใจเป็นอัมพาต เพราะฉะนั้นต้องให้อ๊อกซิเจนช่วย และในกรณีที่ฉีดยา succinyl choline ควรมีวิสัญญีแพทย์ช่วยดูแลด้วย นอกจากนั้นหลังจากฟื้นผู้ป่วยอาจสับสนหรือไม่ค่อยรู้สึกตัวอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จึงต้องมีผู้ดูแลจนกว่าจะรู้ตัวดี
อาการแทรกซ้อนที่อาจพบ
:checkered_flag:
ความจำระยะสั้นเสียไป
อาจเกิดอุบัติเหตุกระดูกหักได้
หยุดหายใจนาน
บ่นปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ