Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Guillain-Barré syndrome (GBS) (การตรวจวินิจฉัยโรค :<3: (การชักประวัติ…
Guillain-Barré syndrome (GBS)
สาเหตุ
:red_flag:
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่มีใครทราบแต่มีความเชื่อว่าเกิดจากสารบางอย่างที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส รวมตัวกับGangliosides ไปกระตุ้นภูมิต้านทานที่มีต่อตนเอง ทำให้เกิดการทำลายของปลอกหุ้มประสาท (Myelin Sheath)
เชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่เป็นสาเหตุทำให้เกิด enteritis ที่มีความสัมพันธ์กับการเกิด GBS ได้เเก่ เชื้อ Campylobacter Jejuni (C. Jejuni) เกือบร้อยละ 40 ที่พบว่าผู้ป่วยมีผลเลือดของเชื้อนี้ได้ผลบวก และมีการระบาดหลายๆครั้งของ GBS ที่พบว่า มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ C. Jejuni
เชื้อไวรัสที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิด GBS ได้เเก่ Cytomegalovirus-(CMV), Epstein-Barr virus (EBV), HIV virus, Dengue virus และ Chikunggunya virus
อาการ และอาการแสดง
:lock:
ปกติจะเริ่มมีอาการประมาณ 2-3 วันถึง สัปดาห์ หรือภายใน 2 สัปดาห์ หลังการติดเชื้อของทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร จะมีอาการทั้งด้านการรับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และประสาทอัตโนมัติ อาการอ่อนแรงของแขนขาจะก้าวหน้าอย่างเฉียบพลัน จะเป็นที่ระบบรับความรู้สึก และเส้นประสาทสมองใน 1-2 สัปดาห์
อาการด้านการเคลื่อนไหว (Motor) ผู้ป่วยที่เป็น GBS ปกติมาด้วยอาการอ่อนแรงหรือรู้สึกซ่าๆที่ขา เป็นอาการเริ่มต้น จะมีอาการอ่อนแรงแบบอ่อนปวกเปียก (Flaccid motor paralysis) ของกล้ามเนื้อทั้งสองข้าง
2.อาการด้านการรับความรู้สึก (Sensation) โดยเริ่มมีอาการเหน็บชา(Tingling) เจ็บและปวดโดยเฉพาะปลายแขนและขา หลังจากนั้น 1-4 วัน จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อและกดเจ็บโดยเฉพาะบริเวณไหล่ สะโพกและโคนขา
3.อาการของเส้นประสาทสมอง โดยเฉพาะส่วนใบหน้า ประสาทสมองคู่ที่7 (Facial nerve) พบความผิดปกติบ่อยที่สุด มีอาการอัมพาตของหน้า ปิดตาและปากไม่สนิท
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ ส่วน Medulla oblongata ที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะที่สำคัญและเส้นประสาท Vagus เกิดความผิดปกติร่วมด้วยจะเกิดอาการผิดปกติในระบบประสาทอัตโนมัติ
การตรวจวินิจฉัยโรค
:<3:
การชักประวัติ ประวัติที่สำคัญคือ มีประวัติการติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือทางเดินปัสสาวะในช่วง 1-4 สัปดาห์ก่อนเกิดอาการ
2.การตรวจร่างกาย จะพบความผิดปกติตามลักษณะของ GBS
การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจน้ำไขสันหลังเพี่อตรวจแยกโรค จะพบโปรตีน albumino-cytological dissociationสูง
ตรวจ EMG พบว่าความเร็วในการนำกระแสประสาทลดลง
การรักษาด้วยยา
:warning:
การให้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังและขา ได้แก่ ยา Carbamazepine
การพยาบาล
:checkered_flag:
ระยะก่อนถึงโรงพยาบาล และในหน่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยต้องการการดูแลเฝ้าระวังเกี่ยวกับ การดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ลักษณะการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด การให้ออกซิเจน และการช่วยในการระบายอากาศซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องใหัสารน้ำเพี่อเตรียมพร้อมในการช่วยหลือ โดยบุคลากรทางการแพทย์ควรเฝ้าติดตามความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ และต้องรีบส่งต่ออย่างเร่งด่วน เมื่อถึงโรงพยาบาล ในหน่วยฉุกเฉินจำเป็นต้องติดตามการปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ การหายใจ ถ้ามีข้อบ่งชี้ว่าอาจมีการหายใจล้มหลว จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ว่ามีภาวะการหายใจล้มเหลว ได้เเก่ ค่า forced vital capacity (FVC) น้อยกว่า 15 m/Kg ความดันโลหิตลดลง มีอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ จำเป็นต้องเฝ้าระวังอาการในหน่วย ICU เพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง
พยาบาลต้องตรวจวัดVital capacity ,Tidal volume หรือ Minute volume, ดูแลไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการจำกัดการเคลื่อนไหว,การดูแลปัญหาการขาดสารอาหาร
การวางแผนจำหน่าย
:fire:
ต้องการได้รับความรู้เกี่ยวกับการดำเนินของโรค การบริหารจัดการเกี่ยวกับการหายใจ เช่น การดูแลแผลเจาะคอ การดูดเสมหะด้วยเครื่อง เป็นต้น
มีการส่งต่อกับพยาบาลเยี่ยมบ้านและสถานฟื้นฟูสภาพ ตลอดจนการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นช่วยในการฟื้นฟูสภาพร่างกาย เช่น การนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย เพื่อบรรเทาอาการปวด
การดูแลด้านจิตใจ พยาบาลจะต้องเข้าใจ ให้กำลังใจและต้องเสริมสร้างกำลังอำนาจให้กับผู้ป่วยและญาติ เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติเกิดกำลังใจในการดูแลตนเอง