Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Bell ‘s pulsy (อาการและการแสดง
เป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่มีอาการเตือนหรืออา…
Bell ‘s pulsy
อาการและการแสดง
เป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่มีอาการเตือนหรืออาการนำมาก่อน อาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน อาการจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แสดงอาการรุนแรงได้ใน 2-3 ชั่วโมง หรือ ภายใน1 วันแรกของการเกิดโรค อาการลักษณะเฉพาะ
-
-
-
-
-
-
-
-
การรักษาด้วยยา
-
-
2.ยารักษาการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ เชื้อไวรัส Herpes zoster โดยให้ภายใน 3 วัน นับแต่เริ่มมีการติดเชื้อ
-
-
การวางแผนการจำหน่าย
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็น ว่าเป็นโรคที่สามารถหายขาดได้ แนะนำแนวทางการปฏิบัติตัว
-
เวลานอน ควรครอบคาด้วย Eye ointment หรือปิดตาด้วย Eye pad เพื่อป้องกันสิ่งที่มากระทบตาและป้ายตาด้วยยา Eye ointment ก่อนนอน
ให้ผู้ป่วยนวดกระตุ้นบริเวณหน้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ วันละหลายๆครั้ง โดยนวดขึ้นเบาๆตามแนวกล้ามเนื้อใบหน้า เพื่อคงความคงตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า
ติดตาม สังเกต อาการตาแดง แสบตา เคืองตา หรือรอยถลอกบริเวณแก้วตา แนะนำไม่ให้ขยี้ตาเพราะอาจระคายเคืองในดวงตา
สาเหตุ
- อาจเกิดจากการติดเชื้อ Mycoplasma
-
1.การติดเชื้อ อาจเกิดจากมีการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกิดจากเชื้อเริมชนิดที่ 1 (Herpes Simplex Virus-1: HSV-1), เชื้อเริมชนิดที่ 2 (Herpes Simplex Virus-2: HSV-2), Human herpesvirus (HHV),Varicella-zoster virus (VZV) cytomegalovirus (CMV) เชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดบี hepatitis A, B,และ C ทำให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบ และสูญเสียหน้าที่ชั่วคราว
4.จากระบบภูมิค้มกัน พบโรคนี้หลังจากได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด Parenteral inactivate influenzae vaccine และ intranasal inactivate influenzae vaccine การให้วัคซีนโดยหยอดทางจมูก หรือโดยการฉีดมีความสัมพันธ์กับการเกิดการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ที่เรียกว่าเส้นประสาทใบหน้า (facial nerve) ซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าไม่ทำงานชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าครึ่งซีกนั้นเป็นอัมพาต
การพยาบาล
-
-
-
ระยะเฉียบพลัน พยาบาลมีบทบาทในการค้นหาผู้ป่วยและประสานงานกับแพทย์ให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และได้ยา Steroid ภายใน 72 ชั่วโมง
การตรวจวินิจฉัย
ในกรณีที่อาการอัมพาตไม่สามารถแก้ไขได้หรือมีอาการก้าวหน้าจากอ่อนแรงจนเกิดเป็นอัมพาตสมบูรณ์แบบ ควรที่จะต้องตรวจ ทดสอบประเมินอาการทางระบบประสาทและศีรษ ตา หู จมูก และคออย่างละเอียดเพื่อแยกจากโรคมะเร็งที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอัมพาตของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
ในผู้ป่วยที่กลับเป็นซ้ำ ควรทำ MRI หรือ CT scan เพี่อวินิจฉัยแยกโรคจากมะเร็ง หรือการอักเสบที่เกิดจากโรคมัลติเพิลสเคอโรซิส (Multiple sclerosis) หรือซาคอยโดซิส (Sarcoidosis) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดซ้ำ
การตรวจร่างกายและซักประวัติมีความสำคัญในการวินิจฉัยโรคนี้ จากประวัติที่เกิดอาการขึ้นอย่างเฉียบพลันโดยไม่พบสาเหตุที่แน่นอน และอาการที่เป็นลักษณะเฉพาะของโรคเบลล์พัลชีจะช่วยในการวินิจฉัยรวมกับการตรวจวินิจฉัยแยกจากโรคอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการที่คล้ายคลึงกัน เช่น อัมพาตของหน้าจากการได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัดถูกเส้นประสาทใบหน้า หรือการอักเสบของบริเวณหูซึ่งตรวจพบ Tympanc membrane มีความผิดปกติแล้วลุกลามมาที่เส้นประสาทใบหน้า หรือเกิดโรคงูสวัดซึ่งควรมีผื่นหรือตุ่มใสๆเกิดขึ้นพร้อมๆกันในบริเวณใกล้เคียง หรือโรคเรื้อนที่ขึ้นบริเวณใบหน้าทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทหรือเกิดจากเนื้องอกในบริเวณหูหรือใบหน้าซึ่งกระทบกระเทือนถูกเส้นประสาทดังกล่าว และอัมพาตครึ่งซีกจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะมีอาการของแขนขาซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรงร่วมด้วย