Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ไตรมาสที่สาม (ระบบทางเดินหายใจ(respiratory system) (สตรีตั้งครรภ์…
ไตรมาสที่สาม
ระบบทางเดินหายใจ(respiratory system)
การเปลี่ยนแปลงในระยะต้นของการตั้งครรภ์
มีเลือดมาเลี้ยงเยื่อบุของทางเดินหายใจมากขึ้น(hyperemic) ทำให้เยื่อบุบวมน้ำ (edematous)
มีการขับมูกเพิ่มขึ้น (hypersecre-tion)ทำให้สตรีตั้งครรภ์มีอาการแน่นจมูก (stiffness)และเลือดกำเดาออกง่าย (epitaxis)
ในระยะท้ายของการตั้งครรภ์
มดลูกที่ขยายใหญ่จะเบียดบังกล้ามเนื้อกระบังลม(dia-phragm) กล้ามเนื้อกระบังลมถูกดันสูงขึ้น 2-4 ซม.
ช่องอก (rib cage) ปรับขยายตัวยืดออกทางด้านข้าง รอบอก(chest circumference)เพิ่มขนาดขึ้นประมาณ 2 ซม.
ความจุของปอดลดลงโดยรวม 5 เปอร์เซนต์
อัตราการหายใจปกติแต่ลึกมากขึ้น ใช้กล้ามเนื้อกระบังลมในการหายใจ(diaphragmatic and deeper breathing)
เกิดจากการเบียดบังพื้นที่ช่องอกที่กระบังลมถูกดันขึ้นมาก ทำให้ช่องอกยืดขยายทางด้านกว้างประมาณ 2 ซม. การขยายตัวของปอดเช่นนี้เพื่อป้องกันการตกค้างของก๊าซในเนื้อปอด(residual air)
สตรีตั้งครรภ์ มีความต้องการO2เพิ่มมากขึ้น
tidal volume เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซน
residual volume ลดลง 20 เปอร์เซน
ในอายุครรภ์ครบกำหนดความต้องการO2เพิ่มขึ้น15-20เปอร์เซน
อัตราการเปลี่ยนของถุงลมปอดเพิ่มมากขึ้น เป็น 5-8ลิตร/นาที
ซึ่งจะช่วยให้ได้O2เพิ่มขึ้นเป็น4เท่า ปริมาณอากาศที่หายใจเข้าต่อ1นาทีจะเพิ่มขึนตามอายุครรภ์ ร่วมกับการเพิ่มของ tidal volume และความพยายามลดPCO2
สตรีตั้งครรภ์ปลายไตรมาสที่สองและไตรมาสที่สามมีภาวะphysiological dyspneaโดยไม่มีอาการผิดปกติของปอดและหัวใจ
การทำงานของปอดตอนตั้งครรภ์ไม่เปลี่ยนแปลงมาก
สตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มมากกว่าสตรีทั่วไปและเมื่อติดเชื้ออาการของโรคจะรุนแรงมากกว่าปกติ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด(cardiovascular system)
การไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดดำกลับเข้าสู่หัวใจลดลง ปริมาณเลือดออกจากหัวใจ(cardiac output)ลดต่ำลง
ทำให้เกิดอาการความดันโลหิตต่ำ(supine hypotension)พบได้ร้อยละสิบของสตรีตั้งครรภ์
ท่านอนหงายราบ มดลูกขนาดใหญ่เกิดการกดทับหลอดเลือดแดงกลางลำตัว(aorta) ทำให้แรงดันในหลอดเลือดต่ำ
มีรายงานการศึกษาว่า uterine arterial pressure ต่ำกว่า brachial arterial pressure และต่ำกว่าแรงดันในหลอดเลือดแดงอื่นๆที่อยู่เหนือมดลูกขึ้นไปส่งผลทำให้เกิดภาวะ sysmetic hypotension เช่นเดียวกับอาการความดันโลหิตต่ำในการให้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง(spinal analgesia)
มดลูกที่มีขนาดใหญ่กดทับเส้นเลือดดำใหญ่(Vena cava) โดยเฉพาะการนอนหงายราบของสตรีตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของBPในท่านอนหงายนี้ใช้เป็นตัวทำนายในการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์ได้
ด้วยการทดสอบ roll over test หรือ supine pressure test
โดยการวัดความดันโลหิตสตรีตั้งครรภในท่านอนตะแคงและท่านอนหงายราบ
กรณีที่ค่าความดันโลหิตไดแอสโตลิคเพิ่มขึ้นสูงกว่า 20 มม.ปรอท เป็นข้อบ่งชี้ว่าสตรีตั้งครรภ์มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์
การกดทับของมดลูกต่อเส้นเลือดดำบริเวณอุ้งเชิงกรานส่งผลต่อการไหลกลับของเลือดบริเวณนี้ไม่ดีและมีแรงดันในหลอดเลือดสูงเพิ่มขึ้น
อาการ
เส้นเลือดขอด
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
บริเวณปลายเท้า
ริดสีดวง
สตรีตั้งครรภ์จะมีภาวะบวมน้ำ