Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสภาพตามทฤษฎี (การรักษา (1.แก้ไขภาวะเลือดพร่องออกซิเจน(Hypoxemia)…
พยาธิสภาพตามทฤษฎี
การรักษา
1.แก้ไขภาวะเลือดพร่องออกซิเจน(Hypoxemia) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง (Hypercapnia)โดยเร็ว ด้วยการให้เนื้อเยื่อของร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอจากอุปกรณ์ให้ออกซิเจน
2.แก้ไขภาวะเลือดเป็นกรดโดยการปรับตั้งค่าการหายใจในเครื่องช่วยหายใจ หรือให้ผู้ป่วยได้รับสารละลายที่เป็นด่าง เช่น 7.5% NaHCO3 และติดตามผลการตรวจวิเคราะห์ก๊าซในหลอดเลือดแดงซ้ำ หลังจากมีการปรับตั้งค่าของเครื่องช่วยหายใจไปแล้ว 30 นาที - 1 ชั่วโมง เพื่อติดตามความสมดุลของกรดด่าง
3.รักษาระดับปริมาตรของเลือดที่ออกจากหัวใจในหนึ่งนาทีให้อยู่ในระดับปกติ โดยการดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างเพียงพอ สังเกตและบันทึกสัญญาณชีพ จำนวนปัสสาวะ และความดันในหลอดเลือดดำส่วนกลางทุก 1 ชั่วโมง หรือถี่ขึ้นหากอาการเปลี่ยนแปลง
-
-
ความหมาย
-
มีระดับออกซิเจนในเลือดแดง (PaO2) ต่ำกว่า 60 มม.ปรอท และหรือคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดง (PaCO2) สูงกว่า 50 มม.ปรอท หรือทั้งสอง
ชนิด
1 oxygenation failure
ชนิดที่ไม่มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นภาวะการหายใจล้มเหลวที่เกิดจากการมีระดับต่ำกว่าปกติเพียงอย่างเดียว (Hypoxemia)
PaCO2 ปกติหรือต่ำกว่าปกติเช่นผู้ป่วย Adult Respiratory Distress Symdrome (ARDS) ,ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นต้น
2 Ventilatory failure
ชนิดที่มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์เป็นภาวะการหายใจล้มเหลวที่เกิดจากการมีระดับ PaCO2 สูงกว่าปกติด้วย เช่น ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีอาการกำเริบรุนแรงขึ้นหรือโรคสมองที่เกิดกดการหายใจทำให้การระบายอากาศน้อยลง
พยาธิสภาพ
ความผิดปกติของระบบประสาทซึ่งเกี่ยวข้องกับกายหายใจ ทำให้อัตราการหายใจและปริมาตรหายใจลดลง ปริมาตรอากาศที่หายใจแต่ละนาทีลดลง เป็นผลให้การระบายอากาศถุงลมลดลง เกิดการคั่งของคาร์บอน-ไดออกไซด์และการพร่องออกซิเจนในเลือด
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจ ผนังทรวงอกและเยื่อหุ้มปอดทำให้ปอดขยายตัวไม่เต็มที่ การระบายอากาศถุงลมลดลง ศูนย์หายใจจึงปรับสภาพโดยกระตุ้นการหายใจ ทำให้หายใจเร็วขึ้นแต่มีลักษณะหายใจตื้น จึงมีการระบายอากาศเสียเปล่ามากอากาศเข้าสู่ถุงลมน้อย ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อช่วยในการหายใจต้องทำงานมากขึ้น จากปกติงานที่ใช้ในการหายใจจะใช้ออกซิเจนร้อยละ 2.3 ของออกซิเจนที่ร่างกายใช้ทั้งหมด ในภาวะผิดปกติกล้ามเนื้อช่วยการหายใจอาจต้องใช้ออกซิเจนเพิ่มจากปกติถึง 10 เท่า9 รวมทั้งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์เกิดมากขึ้น จึงส่งเสริมให้เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์และการพร่องออกซิเจนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน จะมีผลต่อสัดส่วนการแลกเปลี่ยนอากาศกับเลือดของปอดด้วย
-
-
-
การวินิจฉัย
การซักประวัติ อาการและอาการแสดง การตรวจร่างกาย เช่น ไข้ ไอ หายใจเหนื่อย ขาดออกซิเจน ใช้กล้ามเนื้อคอและหน้าท้องช่วยในการหายใจ ริมฝีปากปลายมือ ปลายเท้าเขียว
การตรวจติดตามก๊าซในเลือดแดง พบค่าความดันย่อยของออกซิเจน (PaO2) น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท ค่าความดันย่อยของคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 50 มิลลิเมตรปรอท
การพยาบาล
-
- ปรับปรุงและส่งเสริมการระบายอากาศ
-
ช่วยให้เสมหะเหลวและถูกขับออกได้ง่าย โดยให้ได้รับน้ำวันละ 3.4 ลิตร (ถ้าไม่ต้องจำกัดน้ำ) ให้ความชื้นในอากาศหายใจเข้าอย่างเพียงพอ ให้การบำบัดด้วยละอองสารเหลว หรือการระบายเสมหะด้วยการจัดท่าผู้ป่วยตามแผนการรักษา
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
เกิดจากการที่เนื้อเยื่อหรือเซลล์ในร่างกายได้รับเลือดที่มีออกซิเจนน้อย เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด ทำให้อวัยวะอื่นๆในร่างกายล้มเหลวตามไปด้วย
-
-
-