Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสื่อสารข้อมูล และระบบเครือข่าย (การสื่อสารข้อมูล (องค์ประกอบ…
การสื่อสารข้อมูล และระบบเครือข่าย
การสื่อสารข้อมูล
บทบาทที่สำคัญ คือการให้บริการข้อมูล เช่น ฐานข้อมูลงานวิจัย ในมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือและตำราวิชาการ หากผู้ใช้ต้องการข้อมูลใดก็สามารถติดต่อมายังศูนย์บริการข้อมูลนั้นๆ ได้
วัตถุประสงค์ของการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใช้ทรัพยากรร่วมกัน
ใช้ข้อมูลในไฟล์ร่วมกัน
ความง่ายในการดูแลระบบ
ระบบเครือข่าย (network system) หมายถึง ระบบที่มีการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่มีความ สามารถในการรับ-ส่งข้อมูลตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เข้าด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์ระหว่างกัน
องค์ประกอบ
ข่าวสารหรือข้อมูล (Message)
สื่อกลาง (Media)
ผู้รับ (Receiver)
โปรโตคอล (Protocol)
ผู้ส่ง (Sender)
เริ่มต้นของยุคสื่อสารเมื่อประมาณ พ.ศ. 2513 – 2515 การติดต่อสื่อสารข้อมูลสมัยใหม่นี้ ใช้การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ กับ คอมพิวเตอร์ และความต้องการในการติดต่อระหว่าง เครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในเวลาเดียวกันก็มีมากขึ้น หรือ ที่เรียกว่า ระบบเครือข่าย (network system)
การประมวลผลกับการสื่อสารข้อมูล
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System)
รูปแบบของระบบเครือข่าย
โทโปโลยีแบบบัส (The Bus Topology)
โทโปโลยีแบบรูปวงแหวน (The Ring Topology)
โทโปโลยีแบบรูปดาว (The Star Topology)
อุปกรณ์เครือข่าย
รีพีตเตอร์ (Repeater)
มีหน้าที่เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อ สำหรับขยายสัญญาณให้กับเครือข่าย
บริดจ์ (Bridge)
ทำหน้าที่คล้ายกับ repeater แต่จะมีความฉลาด มากกว่า เพราะ Bridge จะเลือกสรรข้อมูลและส่งต่อ เฉพาะข้อมูลที่เป็นของอุปกรณ์เครือข่ายเท่านั้น
เกตเวย์ (Gateway)
ทำหน้าที่ เชื่อมต่อ และ แปลงข้อมูลระหว่างเครือข่ายที่ต่างกัน ทั้งในส่วนของโปรโตคอลแลสถาปัตยกรรม
ฮับ (Hub)
เป็นอุปกรณ์หลักของเครือข่ายที่มีโครงสร้างแบบดาว (Star Topology) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
สวิตซ์ (Switch)
นิยมเรียกว่า อีเธอร์เนตสวิตซ์ (Ethernet Switch) จะเป็นบริดจ์แบบหลายช่องทาง (Multiport Bridge) ที่นิยมใช้ในระบบเครือข่าย LAN แบบ Ethernet เพื่อใช้เชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆ เครือข่าย (Segment) เข้าด้วยกัน
เราเตอร์ (Router)
เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่าย ซึ่งมีความสามารถในการจัดการเครือข่ายที่ซับซ้อนได้
บริการหลักของ (NOS : Network Operating System)
บริการรักษาความปลอดภัย (Security Services)
บริการดูแลและจัดการระบบ (Management Services)
บริการอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต (Internet/Intranet Services)
บริการจัดเก็บไฟล์และการพิมพ์ (File and Print Services)
บริการมัลติโพรเซสซิ่งและคลัสเตอริ่ง (Multiprocessing & Clustering Services
ประเภทของระบบเครือข่าย
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารในระยะใกล้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียงกันที่มีระยะทางไม่เกิน 1 ไมล์
ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ในระยะทางที่ไกลกว่า LAN ซึ่งอาจจะเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างเมืองกับเมืองหรือระหว่างจังหวัดกับจังหวัด
ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ในระยะทางที่ไกลมาก ในระดับประเทศ ระดับทวีป หรือทั่วทั้งโลก โดยส่วนมากแล้ว WAN นั้น จะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย LAN หลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้สามารถส่งข้อมูลและใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น
สื่อกลาง หรือ ช่องทางในการสื่อสารข้อมูล (Medium)
สื่อกลางประเภทมีสาย
สายโคแอกเชียล (coaxial)
เป็นสายเส้นกลม มีไส้กลางเป็นทองแดงหุ้มด้วยพลาสติก ชั้นถัดมาประกอบด้วยโลหะฟอยด์ที่ทอมาหุ้มเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน ชั้นนอกหุ้มพลาสติกอีกชั้น
เส้นใยนำแสง (fiber optic)
ประกอบด้วยส่วนกลางที่ทำด้วยแก้ว แท่งแก้ว หรือพลาสติก ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยเส้นใย แล้วมีพลาสติกหุ้มชั้นนอกสุดเพื่อป้องกันการสูญเสียสูญหายของสัญญาณ
สายคู่บิดเกลียว (twisted pair)
สาย STP : (shielded Twisted-Pair)
สาย UTP : (Unshielded Twisted-Pair)
สื่อกลางประเภทไร้สาย
ไมโครเวฟ (Micro Wave)
ใช้วิธีส่งสัญญาณที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นวิทยุ
ดาวเทียม (Satellite)
สถานีอบู่บนอวกาศ ห่างจากพื้นโลกประมาณ 22,000 ไมล์
เน็ตเวิร์กการ์ด (Network Interface Card)
เป็นอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมกับเคเบิ้ลในระบบเน็ตเวิร์ก ทำหน้าที่ รับและส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์กับเน็ตเวิร์กโดยผ่านสายเคเบิ้ล จะแปลงสัญญาณที่ได้รับจากเคเบิ้ลให้เป็นข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ และแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถเดินทางไปในสายเคเบิ้ลได้
โปรโตคอล (Protocol)
OSI (Open System Interconnect)
Layer7, Application Layer
-ตัวอย่างของ protocol ในชั้นนี้คือ Web Browser, HTTP, FTP, Telnet, WWW, SMTP, SNMP, NFS เป็นต้น
TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เพื่อให้สามารถสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางได้
สามารถค้นหาเส้นทางสื่อสารได้เองโดยอัตโนมัติ
คอมพิวเตอร์
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบมีศูนย์กลาง
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบกระจาย
ชนิดของสัญญาณ และทิศทาง
วิธีการถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน
ข้อดี : สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็ว เนื่องจากทำการส่งข้อมูลพร้อมกันได้ครั้งละหลายๆ บิต
ข้อเสีย : จำนวนสายส่งข้อมูลที่ใช้ต้องมีเท่ากับจำนวนบิตที่ส่ง ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย นิยมใช้กับการส่งข้อมูลในระยะใกล้ๆ
การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม
สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละบิต โดยจะส่งผ่านไปตามสายส่งเรียงลำดับตามกันไป และจะใช้สายเพียงเส้นเดียว จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งและนิยมส่งในระยะทางไกลๆ แต่ความเร็วในการส่งจะน้อยกว่าส่งแบบขนาน
การติดต่อแบบอนุกรมอาจแบ่งตามรูปแบบการรับ-ส่งได้ 3 แบบ
การสื่อสารแบบสองทางครึ่งอัตรา (Half-Duplex)
ข้อมูลสามารถส่งได้ทั้งสองทิศทาง แต่จะต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเดียวเท่านั้น
เช่น วิทยุสื่อสารของตำรวจ, กระดานสนทนา (Webboard) , การส่ง E-mail เป็นต้น
การสื่อสารแบบสองทางเต็มอัตรา (Full-Duplex)
ข้อมูลสามารถส่งได้ทั้งสองทิศทางพร้อมกัน โดยผู้ส่งและผู้รับสามารถทำหน้าที่ทั้งส่งและรับข้อมูลพร้อมกัน เช่น โทรศัพท์, การ Upload และ
Download ข้อมูลพร้อมๆ กันในอินเตอร์เน็ต, การสนทนาแบบ Chat Room เป็นต้น
การสื่อสารแบบทางเดียว (Simplex)
ส่วนผู้รับจะไม่สามารถโต้ตอบกลับมาได้
โดยผู้ส่งจะสามารถส่งข้อมูลไปให้ผู้รับได้อย่างเดียว
เช่น วิทยุ, โทรทัศน์ เป็นต้น
ข้อมูลจะถูกส่งไปในทิศทางเดียวเท่านั้น
ชนิดของสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล
การส่งสัญญาณแบบอะนาล็อก (Analog)
เป็นสัญญาณที่มีค่าต่อเนื่อง อยู่ในรูปแบบของคลื่น ซึ่งจะถูกส่งไปในรูปของสัญญาณไฟฟ้า มีการแปลงระดับสัญญาณ ขึ้น-ลง ตามขนาดของสัญญาณ (Amplitude) และมีความถี่ (Frequency) ที่เรียกว่า Hertz (Hz) เช่น การพูดทางโทรศัพท์
การส่งสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital)
เป็นสัญญาณที่มีค่าเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะถูกกำหนดค่าเป็น “0” หรือ “1” เท่านั้น และมีการกำหนดรหัสเอาไว้ เรียกว่า สัญญาณพัลส์ (Puse Signal)
การเปลี่ยนแปลงของระดับสัญญาณไม่มีความต่อเนื่อง ( สูง = 1 และ ต่ำ = 0 )