Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
6006510099 YuSSaRA (บทที่5 ไวรัสคอมพิวเตอร์ (ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์,…
6006510099 YuSSaRA
บทที่5 ไวรัสคอมพิวเตอร์
ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์
คือโปรแกรมชนิด
หนึ่งซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่
สร้างผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ ให้กับ
ระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียกใช้งาน
โปรแกรมนี้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้
กับระบบในรูปแบบต่าง
อาการของเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อมีไวรัส
1.การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้ากว่าปกติ
2.คอมพิวเตอร์หยุดทำงานโดยไม่ทราบ
สาเหตุ
3.ข้อมูลหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
4.ไฟล์ในแผ่นดิสก์ หรือฮาร์ดดิสก์ถูกเปลี่ยน
เป็นขยะหรือตัวอักษรประหลาดๆ
5.เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วบูตเครื่องจาก
ฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
ช่องทางในการแพร่กระจายของ
ไวรัสคอมพิวเตอร์
1.หน่วยความจำสำรอง โดยผ่านการใช้
งานจาก Handy Drive หรือ Flash Drive , แผ่น
ฟลอปปีดิสก์, ม้วนเทป, แผ่นซีดี ที่มี
โปรแกรมไวรัสอยู่
2.ระบบเครือข่าย โดยการรับหรือคัดลอก
แฟ้มผ่านระบบเครือข่าย รวมทั้งการรับ
จดหมายอีเมล์ที่มีแฟ้มไวรัสแนบมาด้วย
ประเภทของไวรัสคอม
พิวเตอร์
1.ไฟล์ไวรัส
เป็นไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในแฟ้ม
ข้อมูล ได้แก่ไฟล์ประเภท
2.บูตเซกเตอร์ไวรัส
เป็นไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่
ในบูตเซกเตอร์ของดิสก์ และจะฝังตัวเข้าแทน
ที่ระบบปฏิบัติการ
3.หนอนคอมพิวเตอร์
เป็นไวรัสที่ทำงานอยู่บน
หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์และจะทำการ
สร้างตัวเองส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่อง
อื่นๆที่เชื่อมต่อกันอยู่บนระบบเครือข่าย
4.มาโครไวรัส
ไวรัสที่เขียนด้วยภาษามา
โครของซอฟต์แวร์ประยุกต์ตัวใดตัวหนึ่ง
และจะแทรกตัวเองอยู่ในแฟ้มข้อมูลของ
ซอฟต์แวร์ตัวนั้น
5.ม้าโทรจัน
เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้น
มา ให้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรม
ธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมา
แล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมได้
วิธีการป้องกันไวรัสคอม
พิวเตอร์
1.ให้ทำการสำรองข้อมูล ที่สำคัญไว้
2.ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส และตรวจ
สอบเป็นประจำ
3.ปรับปรุง หรืออัปเดทโปรแกรมกำจัด
ไวรัส *
4.ตรวจสอบแผ่นดิสก์จากการใช้งาน
ร่วมกับผู้อื่น
5.สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละ
วัน
6.หลีกเลี่ยงการ ก๊อปปี้โปรแกรม
การแก้ปัญหาเมื่อเครื่อง
คอมพิวเตอร์มีไวรัส
1.หาโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบ และกำจัดไวรัสได้
2.ตรวจสอบโดยการสแกนไวรัสจากอุปกรณ์สำรองข้อมูล
ทุกครั้งก่อนใช้งาน
3.ปิดเครื่อง เมื่อพบไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์และให้ทำ
การบันทึกข้อมูลที่กำลังทำงานอยู่ แล้วออกจากระบบ
งาน
4.ทำการถ่ายเทข้อมูล หรือกู้ข้อมูลเท่าที่จะกู้ได้
เทคนิคการใช้งานอินเทอร์เน็ต
ลบไฟล์ขยะ หลังจากเลิกเล่นเน็ต
ช่วยลดปัญหาไวรัสได้
วิธีกำหนดให้ลบไฟล์ขยะจากอิน
เตอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ
1.คลิกเมนู Tools
2.เลือกคำสั่ง Internet Options
3.คลิกเลือกแท็ป Advanced
4.เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Security
5.จากนั้น คลิกหัวข้อ Empty Temporaly Internet Files
Folder when browser is closed
6.กดปุ่ม Apply อีกครั้งเพื่อยืนยัน
7.แล้วนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
บทที่6 การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
ความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่าย (network
system)หมายถึง ระบบที่มีการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่มีความ สามารถในการรับ-ส่งข้อมูลตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปเข้าด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์ระหว่างกัน
องค์ประกอบของการสื่อสาร
ข้อมูล
1.ผู้ส่ง (Sender)
2.ผู้รับ (Receiver)
3.ข่าวสารหรือข้อมูล
(Message)
4.สื่อกลาง (Media)
5.โปรโตคอล
(Protocol)
ชนิดของสัญญาณ
และทิศทาง
การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน
การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม
สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละบิต โดยจะส่งผ่านไปตามสายส่งเรียงลำดับตามกันไป และจะใช้สายส่งเพียงเส้นเดียว จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่ง และนิยมส่งในระยะทางไกลๆ แต่ความเร็วในการส่งจะน้อยกว่าการส่งแบบขนาน
การติดต่อแบบอนุกรมอาจแบ่งตามรูปแบบการรับ-ส่ง
1.การสื่อสารแบบทางเดียว (Simplex)
2.การสื่อสารแบบสองทางครึ่งอัตรา
(Half-Duplex)
3.การสื่อสารแบบสองทางเต็มอัตรา
(Full-Duplex
อุปกรณ์เครือข่าย
1.เกตเวย์
(Gateway)
2.รีพีตเตอร์
(Repeater)
3.บริดจ์
(Bridge)
4.ฮับ
(Hub)
5.สวิตซ์
(Switch)
6.เราเตอร์
(Router)
ประเภทของ
ระบบเครือข่าย
1.ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area
Network : LAN)
2.ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan
Area Network : MAN)
3.ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide
Area Network : WAN)
บทที่7 เทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
สารสนเทศ
(Information) หมายถึง ข่าวสาร
ที่ได้จากการนำ ข้อมูลดิบ (Raw data) มา
คำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่าง
หนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่
สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายถึง
กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้
ได้สารสนเทศที่ต้องการ
กระบวนการของระบบ
สารสนเทศ
1.ขั้นเก็บข้อมูล
2.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
3.ขั้นรายงาน
4.ขั้นเผยแพร่
5.ขั้นนำไปใช้
ผลกระทบของเทคโนโลยี
สารสนเทศ
ผลกระทบทางบวก
1.ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
2.ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
3.ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวก
4.ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
5.ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
6.เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญ
รุ่งเรือง
7.ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
ผลกระทบทางลบ
1.ทำให้เกิดอาชญากรรม
2.ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
3.ทำให้เกิดความวิตกกังวล
4.ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
5.ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
6.ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้
บทที่8 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
เป็นอาชญากรรมรูปแบบใหม่ซึ่งกฎหมายที่มีอยู่เดิมไม่เพียงพอ
ที่จะปรับใช้และดำเนินคดีได้ต้องใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้แก่
∙ การเจาะระบบคอมพิวเตอร์ (การบุกรุก)
∙ การดักรับข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
∙ การขโมย เพิ่ม แก้ไข เปลี่ยนแปลงทำลายข้อมูล
สาเหตุการกระทำความผิด
1.ความคึกคะนอง
2.เพราะอยากแก้แค้น
3.เพื่อการทำโจรกรรม
4.ส่งไวรัส โปรแกรมหนอน โทรจัน และ
สปายแวร์
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ชื่อกฎหมาย : พระราชบัญญัติว่าด้วย
การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550
วันบังคับใช้กฎหมาย : 18 กรกฎาคม
2550
ผู้รักษาการ : รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ไอซีที)
การเข้าถึงระบบ
คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ
มาตรา ๕
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบ
คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับ
ตน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ
มาตรา ๖
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกัน
การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำ
ขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านำมาตรการดัง
กล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่า
จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ต้องระวาง
โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับ
ตน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิ
ชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการ
ส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์
นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้
บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้
ต้องระวางโทษจำ
คุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย
แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่า
ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่
เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐
ผู้ใดกระทำด้วยประการใด
โดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ
ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงาน
ตามปกติได้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น
โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของ
การส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวน
การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดย
ปกติสุข
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่ง
แสนบาท
มาตรา ๑๒
ถ้าการกระทำความผิดตาม
มาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ไม่
ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือใน
ภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่
เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิด
ความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบ
คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง
ปลอดภัยของประเทศ
ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ
การบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้
เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้
องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่น
บาทถึงสามแสนบาท
มาตรา ๑๓
ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุด
คำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็น
เครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕
มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙
มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑
ต้องระวางโทษจำ
คุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้
ดังต่อไปนี้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ
เสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
ที่มีลักษณะอันลามก
มาตรา ๑๕
ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุน
หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖
ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่
ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่
เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วย
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดย
ประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ
(ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูล
คอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด)