Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
6006510018 นางสาว ซูไฮลา วาแปะ (บทที่ 8 เรื่องพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท…
6006510018 นางสาว ซูไฮลา วาแปะ
บทที่ 5 เรื่องไวรัสคอมพิวเตอร์
ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
คือโปรแกรมชนิด
หนึ่งซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่
สร้างผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ ให้กับ
ระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียกใช้งาน
ช่องทางในการแพร่กระจายของไวรัสคอม
พิวเตอร์
-หน่วยความจำสำรอง โดยผ่านการใช้
งานจาก Handy Drive หรือ Flash Drive , แผ่น
-ระบบเครือข่าย โดยการรับหรือคัดลอก
แฟ้มผ่านระบบเครือข่าย รวมทั้งการรับ
จดหมายอีเมล์ที่มีแฟ้มไวรัสแนบมาด้วย
ประเภทของไวรัสคอม
พิวเตอร์
-ไฟล์ไวรัส เป็นไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในแฟ้ม
ข้อมูล ได้แก่ไฟล์ประเภท .EXE .COM .DLL
เป็นต้น
-บูตเซกเตอร์ไวรัส เป็นไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่
ในบูตเซกเตอร์ของดิสก์ และจะฝังตัวเข้าแทน
-ที่ระบบปฏิบัติการ
-หนอนคอมพิวเตอร์ เป็นไวรัสที่ทำงานอยู่บน
หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์และจะทำการ
สร้างตัวเองส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่อง
อื่นๆที่เชื่อมต่อกันอยู่บนระบบเครือข่าย
-มาโครไวรัส ไวรัสที่เขียนด้วยภาษามา
โครของซอฟต์แวร์ประยุกต์ตัวใดตัวหนึ่ง
และจะแทรกตัวเองอยู่ในแฟ้มข้อมูลของ
ซอฟต์แวร์ตัวนั้น
-ม้าโทรจัน เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้น
มา ให้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรม
ธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมา
แล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมได้
กำหนดไว้ ซึ่งโปรแกรมตรวจสอบไวรัสธร
วิธีการป้องกันไวรัสคอม
พิวเตอร์
-ให้ทำการสำรองข้อมูล ที่สำคัญไว้
-ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส และตรวจ
สอบเป็นประจำ
-ปรับปรุง หรืออัปเดทโปรแกรมกำจัด
ไวรัส *
-ตรวจสอบแผ่นดิสก์จากการใช้งาน
ร่วมกับผู้อื่น
-สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละ
วัน
-หลีกเลี่ยงการ ก๊อปปี้โปรแกรมจาก
การแก้ปัญหาเมื่อเครื่อง
คอมพิวเตอร์มีไวรัส
หาโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบ และกำจัดไวรัสได้
ตรวจสอบโดยการสแกนไวรัสจากอุปกรณ์สำรองข้อมูล
ทุกครั้งก่อนใช้งาน
เช่น แผ่น Floppy Disk, Flash Drive, แผ่น CD เป็นต้น
ปิดเครื่อง เมื่อพบไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์และให้ทำ
การบันทึกข้อมูลที่กำลังทำงานอยู่ แล้วออกจากระบบ
งาน เพราะไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่หน่วยความจำและ
โปรแกรมต่างๆได้
ทำการถ่ายเทข้อมูล หรือกู้ข้อมูลเท่าที่จะกู้ได้
บทที่ 6 เรื่องการสื่อสารข้อมูล
และระบบเครือ
ข่าย
การสื่อสารข้อมูล
เริ่มต้นของยุคสื่อสาร
เมื่อประมาณ พ.ศ. 2513 –
2515 การติดต่อสื่อสาร
ข้อมูลสมัยใหม่นี้ ใช้การเชื่อมต่อระหว่าง
คอมพิวเตอร์ กับคอมพิวเตอร์
และความต้องการในการติดต่อระหว่าง เครื่อง
คอมพิวเตอร์หลาย
ระบบเครือข่าย (network
system)หมายถึง ระบบที่
มีการเชื่อมต่อเครื่อง
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่
มีความ สามารถในการรับ-
ส่งข้อมูลตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป
เข้าด้วยกัน เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อมูลทาง
อิเลคทรอนิกส์ระหว่างกัน
ยุคสมัยของไมโครคอม
พิวเตอร์ ลักษณะของ
เครือข่ายจึงเริ่มจากจุด
เล็กๆ อาจจะอยู่บนแผง
วงจรอิเล็กทรอนิกส์
เดียวกัน ขยายตัวใหญ่
ขึ้นเป็นทั้งระบบที่ทำ
งานร่วมกันในห้องทำ
งาน ในตึก ระหว่างตึก
บทบาทที่สำคัญอีก
บทบาทหนึ่ง คือการให้
บริการข้อมูล เช่น ฐาน
ข้อมูลงานวิจัย ใน
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ก็มี
ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือและ
ตำราวิชาการ หากผู้ใช้
ต้องการข้อมูลใดก็
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
สามารถแบ่งได้เป็น 5องค์ประกอบ
ผู้ส่ง (Sender)
ผู้รับ (Receiver)
ข่าวสารหรือข้อมูล
(Message)
สื่อกลาง (Media)
โปรโตคอล(Protocol)
ชนิดของสัญญาณและทิศทาง
วิธีการถ่ายโอนข้อมูล
-การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน
-การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม
การติดต่อแบบอนุกรมอาจแบ่งตามรูปแบบการ
รับ-ส่งได้ 3 แบบ
การสื่อสารแบบทางเดียว (Simplex)
การสื่อสารแบบสองทางครึ่งอัตรา
(Half-Duplex)
การสื่อสารแบบสองทางเต็มอัตรา
(Full-Duplex)
ประเภทของโมเด็ม แบ่งออกได้เป็น
2 ประเภท คือ
โมเด็มชนิดภายนอก (ExternalModem)
โมเด็มชนิดภายใน (InternalModem)
การประมวลผลกับการสื่อสารข้อมูล
องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่าย
คอมพิวเตอร์
เน็ตเวิร์กการ์ด (Network Interface
Card)
สื่อกลาง หรือ ช่องทางในการสื่อสาร
ข้อมูล (Medium)
โปรโตคอล (Protocol)
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network)
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบมีศูนย์กลาง
การประมวลผลข้อมูลทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่เครื่องหลักเพียง
เครื่องเดียว
การประมวลผลทางไกล (Teleprocessing)
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบไคลเอนต์-
เซิร์ฟเวอร์
แบ่งการประมวลผลมาทำงานที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วน
บุคคล (PC)
PC ติดต่อและรับข้อมูลจาก Server มาแสดงผล
รับหน้าที่ในส่วนของการโต้ตอบและรับข้อมูลจากผู้ใช้ด้วย
ระบบการประมวลผลข้อมูลแบบกระจาย
มีกระจายภาระการประมวลผลไปยังเครื่องต่างๆที่เชื่อมต่อ
กันอยู่เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และนำผลลัพธ์ที่ได้มา
เน็ตเวิร์กการ์ดหรือ NIC(Network InterfaceCard)
เป็นอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อม
กับเคเบิ้ลในระบบเน็ตเวิร์ก ทำหน้าที่ รับและส่งข้อมูล
จากคอมพิวเตอร์กับเน็ตเวิร์กโดยผ่านสายเคเบิ้ล จะ
แปลงสัญญาณที่ได้รับจากเคเบิ้ลให้เป็นข้อมูลที่
คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ และแปลงสัญญาณจาก
คอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถเดินทางไปใน
สายเคเบิ้ลได้
สื่อกลาง หรือช่องทางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางประเภทมีสาย
สายคู่บิดเกลียว (twistedpair)
สายโคแอกเชียล (coaxial)
เส้นใยนำแสง (fiber optic)
สื่อกลางประเภทไร้สาย
ไมโครเวฟ (micro wave)
ดาวเทียม (satellite)
สื่อกลางประเภทมีสายสายคู่บิดเกลียว
สาย UTP : (Unshielded Twisted-Pair)
มีราคาถูกที่สุด ประกอบด้วยลวดทองแดงที่มีฉนวน
พลาสติกหุ้ม 2 เส้นนำมาพันเป็นเกลียว ทำให้สามารถ
ลดเสียงรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ และ
ส่งสัญญาณได้ไม่เกิน 100 เมตร เช่น สายโทรศัพท์ ,
สาย LAN
เป็นสายคู่ตีเกลียวที่มีฉนวนโลหะลักษณะเป็นโลหะบาง
ๆ ซึ่งช่วยป้องกันการรบกวนสัญญาณจากภายนอกได้ดี
กว่าสาย UTP ในระยะทางประมาณ 100 เมตรเหมือน
กัน แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่นในการใช้สายเนื่องจากมีขนาด
ใหญ่ ติดตั้งยากพอสมควร และราคาแพงกว่าแบบ UTP
จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
โปรโตคอล
มาตรฐานของโปรโตคอล
TCP/IP (Transmission Control
Protocol/Internet Protocol)
TCP/IP (Transmission Control
Protocol/Internet Protocol)
เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเต
อร์เน็ต
เพื่อให้สามารถสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางได้
สามารถค้นหาเส้นทางสื่อสารได้เองโดยอัตโนมัติ
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย
บริการหลักของ (NOS : Network Operating
System)
บริการจัดเก็บไฟล์และการพิมพ์ (File and
Print Services)
บริการดูแลและจัดการระบบ
(Management Services)
บริการรักษาความปลอดภัย (Security
Services)
บริการอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต
(Internet/Intranet Services)
ประเภทของระบบเครือข่าย
สามารถแบงออกได้ เป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area
Network : LAN)
ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan
Area Network : MAN)
ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area
Network : LAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารในระยะใกล้ ซึ่ง
ครอบคลุมพื้นที่บริเวณเดียวกันหรือใกล้
เคียงกันที่มีระยะทางไม่เกิน 1 ไมล์
โดยอาจการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรือ
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในสำนักงานที่อยู่ในตึก
เดียวกันหรือระหว่างตึกที่ใกล้เคียงกันเข้า
เป็นเครือข่าย
เช่น การแชร์ไฟล์ข้อมูล , การแชร์ฐาน
ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan
Area Network : MAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ใน
ระยะทางที่ไกลกว่า LAN ซึ่งอาจจะเป็นการ
เชื่อมต่อกันระหว่างเมืองกับเมืองหรือระหว่าง
จังหวัดกับจังหวัด
มักเกิดจากการเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ใน
บริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน
เช่น เครือข่ายของบริษัทที่มีสาขาต่างๆ อยู่
ในแต่ละจังหวัด และ การแพร่ภาพข้อมูลด้วย
ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide
Area Network : WAN)
เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่
ในระยะทางที่ไกลมาก ในระดับประเทศ
ระดับทวีป หรือทั่วทั้งโลก โดยส่วนมาก
แล้ว WAN นั้น จะเป็นการเชื่อมต่อ
ระหว่างเครือข่าย LAN หลายๆ เครือ
ข่ายเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้สามารถส่ง
ข้อมูลและใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ใน
ระยะทางที่ไกลขึ้น
สำหรับการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย
บทที่ 7 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข่าวสาร
ที่ได้จากการนำ ข้อมูลดิบ (Raw data) มา
คำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่าง
หนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่
สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง
กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้
ได้สารสนเทศที่ต้องการ โดยจะรวมถึง
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น
คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม
กระบวนการ (ในการนำเครื่องมือ ใช้งาน
คุณสมบัติของสารสนเทศที่ดี
-มีความถูกต้องชัดเจน
-ตรงกับความต้องการ
-มีความกะทัดรัด ปริมาณพอเพียง
-เป็นปัจจุบัน ทันสมัย
-สะดวก รวดเร็ว ทันต่อการใช้งานเชื่อถือได้
-เป็นระบบต่อเนื่องในการนำมาใช้งาน
กระบวนการของระบบสารสนเทศ
-ขั้นเก็บข้อมูล
-ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
-ขั้นรายงาน
-ขั้นเผยแพร่
-ขั้นนำไปใช้
ระบบสารสนเทศในปัจจุบัน
2.4 สูง (EIS :Executive Information
Systems)
-จุดเด่นของระบบคือการใช้งานไม่จำเป็นต้องมีค
วามรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
-นำข้อมูลจากภายในองค์กร และจากภายนอก มา
จัดทำข้อสรุป
-เรียกใช้ได้ง่าย รวดเร็ว ดูเข้าใจง่าย
-ตัวอย่างของรายงาน เช่น รายงานเกี่ยวกับการเงิน
และสถานภาพทางธุรกิจ ของบริษัท
2.5 ระบบผู้เชี่ยวชาญ
(Expert Systems)
-เกี่ยวข้องกับการจัดการ ความรู้ (Knowledge)
มากกว่าสารสนเทศ
-ใช้หลักการทำงานด้วย ระบบปัญญาประดิษฐ์
(Artificial Intelligence) เช่น Neural
Network
-ช่วยลดการพึ่งพาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ตัวอย่างของ (Expert Systems)
ที่นำไปใช้ในงานด้านต่างๆ
1) ด้านการแพทย์ : การให้คำแนะนำแก่หมอ
ในการสั่งยาปฏิชีวนะให้คนไข้ซึ่งต้องคำนึงถึง
ปัจจัยต่างๆ หลายประการ เช่น ประวัติการ
เจ็บป่วยของคนไข้ แหล่งติดเชื้อ ราคาของยา
2) ด้านการผลิต : การให้คำแนะนำแก่โรงงาน
ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชิ้นส่วน
เครื่องบิน
3) ด้านธรณีวิทยา : ให้คำแนะนำแก่นัก
ธรณีวิทยาในการวิเคราะห์ดินและน้ำมัน เพื่อ
พิจารณาในการขุดเจาะน้ำมัน
เทคโนโลยีสารสนเทศ
4) ด้านกระบวนการผลิต : ให้คำแนะนำในการ
กำหนดตารางเวลาในกระบวนการผลิต
(Expert Systems Scheduling) ซึ่งทำให้
บริษัทสามารถปรับตารางเวลาการการผลิต ให้
สอดคล้องกับความต้องการในการเปลี่ยนแปลง
การผลิตหรือเงื่อนไขของโรงงานที่เปลี่ยนไป
อย่างรวดเร็ว
5) ด้านกระบวนการทำงานของบริษัทบัตร
เครดิต : ใช้ ES ช่วยในกระบวนการทำงาน
ตั้งแต่การประมวลการสมัครของลูกค้า การ
อนุมัติเครดิต การรวมบัญชีที่ค้างชำระเกิน
2.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
(DSS :Decision Support
Systems)
-ช่วยให้การตัดสินใจของผู้บริหารเป็นไปได้
อย่างสะดวก และง่ายต่อการเรียนรู้ และการใช้
งาน
-สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและมี
ประสิทธิภาพ
-มีข้อมูลและแบบจำลองสำหรับสนับสนุนการ
ตัดสินใจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะ
ของปัญหา
-มีความยืดหยุ่นที่จะสนองความต้องการที่
เปลี่ยนแปลงไปเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดทิศทาง
2.6 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
และขบวนการทางธุรกิจ
-ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้าน
การเงิน
-ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการ
ผลิต
-ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการ
ตลาด
-ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้าน
ทรัพยากรมนุษย์
-ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการ
บัญชี
2.2ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
(MIS:Management Information
System)
สร้างสารสนเทศสำหรับผู้บริหารทั้งระดับกลาง
และระดับสูง ช่วยในการควบคุม/ตรวจสอบการดำเนินงาน
วางแผนตัดสินใจ
ข้อมูลอาจมาจากฐานข้อมูลของระบบประมวลผล
ธุรกรรม มาสรุป เปรียบเทียบ ทำสถิติ
วิเคราะห์ เป็นต้น
ผู้บริหารเรียกใช้สารสนเทศประกอบการตัดสินใจ
ผลกระทบของเทคโนโลยี
สารสนเทศ
ผลกระทบในทางลบ
-ทำให้เกิดอาชญากรรม
-ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
-ทำให้เกิดความวิตกกังวล
-ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
-ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
-ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้
ผลกระทบในทางบวก
-ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
-ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
-ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวก
-ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
-ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
-เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญ
รุ่งเรืองวยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
2.1 ระบบประมวลผลรายการ
(TPS : Transaction Processing
Systems)
-จะให้สารสนเทศสำหรับระดับปฏิบัติการ
เท่านั้น
-มีการใช้งานแยกจากกันในแต่ละฝ่าย
-ไม่มีความยืดหยุ่น
-ไม่ตอบสนองทันทีทันใด ต้องรอให้ถึงเวลา
สรุป
เช่น เจ้าหน้าที่ทำการป้อนข้อมูลในระบบการ
จองตั๋วเครื่องบิน
แบบโครงสร้างโมเดลของ
องค์กรตามลำดับชั้น
-ระดับวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
จะเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด จะเน้นในเรื่อง
เป้าประสงค์ขององค์กร และการวิเคราะห์
แนวโน้มในอนาคต (Trend Analysis)
-ระดับวางแผนการบริหาร
จะเป็นผู้บริหารระดับกลาง มีหน้าที่ในการ
วางแผนให้บรรลุเป้าหมายต่างๆ ตามที่ผู้
บริหารระดับสูงกำหนดมา
-ระดับวางแผนปฏิบัติการ
จะเป็นผู้บริหารขั้นต้นมีหน้าที่ควบคุมการ
ปฏิบัติงานประจำวัน และวางแผนบริหารงานที่
มีระยะเวลาสั้นๆ
บุคลากรในแต่ละระดับชั้นมีหน้าที่ดังนี้
-ระดับปฏิบัติการ
จะเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศในฐานะเป็น
ผู้จัดหาข้อมูลเข้าสู่ระบบ
บทที่ 8 เรื่องพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ลักษณะการกระทำความผิด
ที่พบในประเทศไทย
หมิ่นประมาทบนกระดานข่าว, เว็บบอร์ด ,
เว็บไซต์
ประชาชนทั่วไป
สถาบันพระมหากษัตริย์ : เว็บไซต์,
กระดานข่าว, รูปภาพ
ความมั่นคงฯ (การเมือง?)
ก่อความเดือดร้อนรำคาญ/หมิ่นประมาท
โดยใส่เบอร์โทรศัพท์
ของผู้อื่นลงบนกระดานข่าว ทำนอง
ต้องการเพื่อนแก้เหงา หรือ
ขายบริการทางเพศ
ลักษณะทั่วไปของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
ความเสียหายกระทบถึงคนจำนวนมากและรวดเร็ว
ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการกระทำความผิด
ผู้กระทำความผิดอยู่ตรงไหนก็ได้ในโลก
ยากต่อการตรวจพบร่องรอยการกระทำความผิด
ยากต่อการจับกุมและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
สาเหตุการกระทำความผิด
เพื่อการทำโจรกรรม
ส่งไวรัส โปรแกรมหนอน โทรจัน และสปายแวร์
เพราะอยากแก้แค้น
ความคึกคะนอง
การกระทำความผิดตามมาตรา
ต่างๆ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า
ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง
หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบ
คอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบ
คอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้
และให้หมายความรวมถึงข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วย
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความ
ว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของ
ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด
ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่
ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรือ
อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของ
ระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความ
ว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของ
คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงาน
เข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนด
คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด
และแนวทางปฏิบัติงานให้
อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำ
หน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดย
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
วันบังคับใช้กฎหมาย : 18 กรกฎาคม
2550
ผู้รักษาการ : รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ไอซีที)
ชื่อกฎหมาย : พระราชบัญญัติว่าด้วย
การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550
สรุปการกระทำความผิดบน
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มาก
Carding การขโมยบัตรเครดิต ซึ่ง
เป็นการทดสอบบัตรว่าใช้ได้หรือไม่ และ
มีการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตด้วย
Malware / Virus ซอฟต์แวร์ที่หวังร้าย
Phishing การหลอกล่อข้อมูลผ่านหน้า
เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่พยายามทำให้เหมือน
Spam mail Attack อีเมล์ไม่พึ่งประสงค์
การเข้าถึงระบบ
คอมพิวเตอร์โดยมิชอบ
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบ
คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับ
ตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับ
ตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกัน
การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำ
ขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านำมาตรการดัง
กล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่า
จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวาง
โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิ
ชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการ
ส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์
นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้
บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจำ
คุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
“มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใด
โดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ
ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงาน
ตามปกติได้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย
แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่า
ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่
เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตาม
มาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่
ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือใน
ภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่
เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิด
ความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบ
คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง
ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ
การบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้
เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่น
บาทถึงสามแสนบาท
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุด
คำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็น
เครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕
มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙
มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำ
คุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้
ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย
ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับ
ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิด
เกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อ
มูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุน
หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตาม
มาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความ
ควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้
กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น
โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของ
การส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวน
การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดย
ปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่
ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่
เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วย
วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดย
ประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูล
คอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความ