รูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โดยการมีส่วน่วมของชุมชน
ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
จังหวัดร้อยเอ็ด

บทนำ

ปัญหาความยากจน

ไม่มีงานทำ

ประชากรเพิ่มขึ้น

มีหนี้

ความเกียจค้าน ความเฉือยชา

การเจริญเติบทางเศรษฐกิจต่ำ

ขาดการกระจายรายได้

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นแนวทางการดำรงอยู่โดยมีพื้นฐาน
มาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคม

ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางสายกลาง

การพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤต

คำนึงถึงความพอประมาณ

มองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ความมีเหตุผล

สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว

ใช้ความรู้ความรอบคอบ คุณธรรม ในการวางแผน
การตัดสินใจและการกระทำ

คำถามการวิจัย

2.รูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสมมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

3.ผลการใช้รูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เป็นอย่างไร

1.สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ประสบผลสำเร็จมีลักษณะอย่างไร

วัตถุประสงค์

2.เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาจ.ร้อยเอ็ด

3.เพื่อศึกษาผลการใช้รูแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาจ.ร้อยเอ็ด

1.เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาจ.ร้อยเอ็ด

ขอบเขตการวิจัย

พื้นที่การวิจัย

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

โรงเรียนขยายโอกาสและหมู่บ้านในจังหวัดร้อยเอ็ด

ประชากร

กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนม.ต้นและประชาชนในจังหวัดร้อยเอ็ด

นักเรียน ม.ต้น 40 คน ประชาชน 42 คน

ประโยชน์ของการวิจัย

1.ได้รูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้

2.นักเรียนและประชาชนสามารถพึ่งตนเอง และดำเนินชีวิตบนพื้นฐาน ตามหลักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

3.นักเรียนและประชาชนได้เกิแนวคิดใหม่ๆ และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำไปพัฒนาอาชีพของตน

วิธีดำเนินการ

ระยะที่ 3 นำรูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติและปรับปรุงแก้ไข

ระยะที่ 2 สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้

ระยะที่ 1ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ

5.นำผลการวิจัยไปพิจารณาวิเคราะห์ร่วมกับแนวทางการเก็บข้อมูลด้านอื่นๆ

4.วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค

3.จัดสนทนากลุ่ม ประกอบด้วยนักเรียน ปราชญ์ชาวบ้านและผู้นำชุมชน

2.สอบถามสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการโดยใช้แบบสอบถาม

1.ประสานงาน โดยขอความร่วมมือจากปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และองค์การบริหารส่วนตำบล

ผลการวิจัย

สภาพและความต้องการในการประกอบอาชีพ

SWOT analysis

ผลการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของชุมชน

รายได้เฉลี่ยต่อคน/ปี เท่ากับ 36,250 บาท รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/ปี เท่ากับ 124,775 บาท

สภาพปัญหาด้านเศรษฐกิจ

ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา อาชีพเสริมคือ เลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก ทำไร่มันสำปะหลัง ทำไร่อ้อย ทอผ้า

ขาดอาชีพเสริม

ผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ และต้นทุนการผลิตสูง

การอพยพแรงงานหลังฤดูทำนา

ขาดเงินทุนสนับสนุนการผลิต

ความต้องการด้านเศรษฐกิจ

ตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตร

ส่งเสริม สนับสนุนระบบสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน

การสนับสนุนเงินทุนตามโครงการเศรษฐกิจชุมชน

พัฒนาแหล่งน้ำและชลประทาน

ได้รับการพัฒนาการผลิตและจำหน่วยข้าวหอมมะลิ

ขาดตลาดในการจำหน่วยสินค้าการเกษตร

ค่าครองชีพสูงกว่ารายได้

ลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

การส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มอาชีพ

อาชีพเสริมรายได้และศูนย์ฝึกอาชีพ

อาชีพเสริมที่สนใจ

อาชีพที่ควรส่งเสริม

ปลูกผัก

ทำไร่

เลี้ยงโค-กระบือ

เลี้ยงปลา

เลี้ยงกบ

เลี้ยงหมูและทอผ้า

เพาะเห็ด

องค์ประกอบในการประกอบอาชีพ

จักสาน

เลี้ยงปลาไหล

เลี้ยงจิ้งหรีด

ภายในหรือการตระหนักในตนเอง (ความสนใจ ค่านิยม และทักษะ)

ภายนอกหรือตระหนักในโอกาส (ข้อมูลข่าวสาร แหล่งอบรม และสถาบันศึกษา)

เลี้ยงเป็ด-ไก่

จุดแข็ง

จุดอ่อน

โอกาส

อุปสรรค

เกษตรกรมีความขยัน ประหยัด มีพื้นที่ในการประกอบอาชีพในชุมชน มีระบบกลุ่ม มีการผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพในชุมชน

เกษตรกรขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดการประสานภายในกลุ่ม ระบบกลุ่มยังไม่เข้มแข็ง ดินเป็นดินทรายขาดความสมบูรณ์ แหล่งน้ำไม่เพียงพอ ไม่กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ

มีภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนที่หลากหลาย ผู้ปกครองให้การสนับสนุน มีแรงงานจำนวนมาก มีหน่วยงานสนับสนุน มีเทคโนโลยีในการแสวงหาความรู้

ผู้ปกครองฐานะยากจน มีแหล่งอบายมุขในชุมชน นโยบายรัฐไม่ส่งเสริมการตลาด ขาดแหล่งทุน แหล่งเรียนรู้มีน้อย

วิมลรัตน์ วันดี หลักสูตรและการสอน (60207106)