Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
6006510109 นางสาวกนกอร คงพิทักษ์ (บทที่ 3 ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ (ซอฟต์แวร์…
6006510109 นางสาวกนกอร คงพิทักษ์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความหมายและคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการคำนวณหรือ
ประมวลผล และจัดการกับข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัว
อักษรจะทำงานตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ และ
ประมวลผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง และ
แม่นยำ
ส่วนประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์
ความเร็ว (Speed)
ความเชื่อถือได้ (Reliable)
ความถูกต้องแม่นยำ (Accurate)
เก็บข้อมูลได้มาก (Store massive
amounts of information)
เคลื่อนย้ายข้อมูลได้รวดเร็ว (Move
information)
ยุคของคอมพิวเตอร์
ยุคหลอดสูญญากาศ (Vacuum Tube )
ใช้หลอดสูญญากาศ และ ดรัมแม่เหล็ก เป็นส่วนสำคัญ
ดรัมแม่เหล็ก ถูกใช้เป็นหน่วยความจำหลัก
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง ที่ใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรม
อยู่ในรูปของบัตรเจาะรู
ปลายยุคใช้เทปแม่เหล็กเป็นหน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ จะอยู่ในรูปของภาษาเครื่อง
ซึ่งเป็นตัวเลขฐานสองทั้งสิ้น
ยุคทรานซิสเตอร์ (TR : Transistors)
แทนที่หลอดสูญญากาศด้วย ทรานซิสเตอร์
หน่วยความจำพื้นฐานใช้ Magnetic core
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง เป็น Magnetic disk ซึ่ง
มีความเร็วสูงขึ้น
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ถูกรวมกันไว้ใน แผ่น
วงจรพิมพ์ลาย (Printed circuit boards) ทำให้
วิเคราะห์หาข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
ภาษาที่ใช้เป็นระดับสูงเช่น FORTRAN และ
COBOL ทำให้โปรแกรมได้สะดวกกว่ายุคแรก
เนื่องจากไวยากรณ์คล้ายคลึงภาษาอังกฤษ
เริ่มมี Compiler และ Interpreter ในการแปล
ภาษาระดับสูงเป็นภาษาเครื่อง
ยุคแผงวงจรรวม (IC : Integrated Circuits)
แผงวงจรรวม (Integrated Circuits หรือ IC)
ซึ่งประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ และวงจร
ไฟฟ้าที่รวมอยู่บนแผ่นซิลิกอนเล็กๆ มาแทน
การประกอบแผ่นวงจรพิมพ์ลาย
มี มินิคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1965
คือเครื่อง PDP-8
มีการใช้งาน เทอร์มินัล (Terminal) ซึ่งเป็น
จอคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับ
คอมพิวเตอร์ได้ทางคีย์บอร์ด (keyboard)
ภาษาโปรแกรมระดับสูงเกิดขึ้นมากมายในยุค
ที่สามเช่น RPG BASIC เป็นต้น
เริ่มมี ระบบปฏิบัติการ (Operating System)
ช่วยในการบริหารทรัพยากรคอมพิวเตอร์
ระบบแบ่งเวลา (Time Sharing) ทำให้
สามารถต่อเทอร์มินัลจำนวนมากเข้าไปยัง
คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง โดยแต่ละคนสามารถ
ทำงานในส่วนของตัวเองได้พร้อมๆกัน
ยุคแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (LSI : Large
Scale Integrated Circuit)
แผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (Large –Scale
Integration- LSI) และต่อมาพัฒนาเป็น แผง
วงจรรวมขนาดใหญ่มาก (Very Large
–Scale Integration- VLSI)
เกิด Microprocessor ตัวแรก ซึ่งเป็นการใช้
แผ่นชิปแผ่นเดียวสำหรับเก็บ หน่วยควบคุม
(Control Unit) และหน่วยคำนวณตรรกะ
(Arithmetic and logic unit) ของ
คอมพิวเตอร์ทั้งหมด
สามารถเก็บทรานซิสเตอร์ได้นับล้านตัวไว้ใน
ชิปเพียงแผ่นเดียว
มีการเพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลของ
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง
ปี ค.ศ.1975 ได้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้น
มาเป็นเครื่องแรกคือเครื่อง Altair ซึ่งใช้ชิป
ของ Intel 8080
ซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนามากขึ้น ขนาดใหญ่
ขึ้นซับซ้อนมากขึ้น เช่น Visual
Programming, Object-Oriented
Programming (OOP)
การพัฒนาอื่นๆ เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ความเร็วสูง, ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local
Area Network, LAN),ระบบเครือข่ายระยะ
ไกล (Wide Area Network,WAN )
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เกิดเมื่อ
ค.ศ.1960กระทรวงกลาโหมของ USA
ใช้ในการคำนวณที่ซับซ้อน เช่น การ
คำนวณทางวิทยาศาสตร์ การบิน
อุตสาหกรรมน้ำมัน งานควบคุมทางอวกาศ
เป็นต้น
เมนเฟรม (Mainframe)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานได้
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รองลงมาจาก
เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไป
สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายร้อยคน
พร้อมๆ กัน
มินิคอมพิวเตอร์ (Mini computer)
ใช้ในองค์กรขนาดกลาง เพราะมีราคาถูก
กว่าเครื่องเมนเฟรมมาก
ใช้หลักการมัลติโปรแกรมมิ่ง เช่นเดียวกับ
เครื่องเมนเฟรม
เครื่องมินิจะทำงานได้ช้ากว่า เครื่องเมนเฟรม
รองรับการใช้งานได้น้อยกว่า เครื่อง
เมนเฟรม
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro computer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็น
อย่างมาก
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้าง
สูง
แท็บเล็ต (Tablet)
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
เอาไว้บันทึกแทนสมุดและกระดาษ
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว (Embedded Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ
ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก
ว่าเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
นิยมใช้งานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัว
ควบคุมบางอย่าง เช่น เตาอบไมโครเวฟ
ระบบการเติมน้ำมัน นาฬิกาข้อมูล โทรศัพท์
เคลื่อนที่
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2158 จอห์น เนเพีย (John Napier) นัก
คณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่
ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมา เรียกว่า Napier’s
Bones มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณใน
ปัจจุบัน
พ.ศ.2173 วิลเลียม ออตเทรต (William
Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์
ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule)
ซึ่ง ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้าง คอมพิวเตอร์
แบบอนาล็อก
พ.ศ.2185 เบลส์ ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้ประดิษฐ์ เครื่อง
บวกลบ โดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง และการ
ทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุน ไปครบรอบ โดยแสดง
ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้
ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิด
หนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus)
พ.ศ.2288 โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด (Joseph Marie
Jacquard) เป็นชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์ เครื่องทอผ้า
โดยใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทดผ้า ให้มีสี
และลวดลายต่างๆ
พ.ศ.2365 ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage)
นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ เครื่องหาผล
ต่าง (Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณ
พิมพ์ค่าทางตรีโกณมิติ และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
ชาร์ล แบบเบจ ได้พยายามสร้าง เครื่อง
คำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical
Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของ
เครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ
ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit)
ส่วนควบคุม (Control unit)
ส่วนคำนวณ (Arithmetic
ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงได้รับการยกย่อง
ให้ ชาร์ล แบบเบจ เป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
พ.ศ.2393 ยอร์จ บูล ( George Boole) นัก
คณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิต
ระบบใหม่เรียกว่า Boolean Algebra โดยใช้
อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้
สภาวะเพียงสองอย่าง คือ True (On) และ
False (Off) ร่วมกับเครื่องหมายในทางตรรกะ
พื้นฐาน ได้แก่ NOT, AND และ OR
ต่อมาระบบเลขฐานสอง และ Boolean
Algebra ก็ได้ถูกนำมาดัดแปลงให้เข้ากับ
วงจรไฟฟ้า ซึ่งมีสภาวะ 2 แบบ คือ เปิด , ปิด
จึงนับเป็นรากฐานของการออกแบบวงจรใน
ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
พ.ศ.2480-2481 ดร.จอห์น วินเซนต์ อตา
นาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ ค
ลิฟฟอร์ด แบรี่ ( Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์
เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้
นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่อง
คำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค ( Lady Ada Augusta
Lovelace ) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เข้าใจผลงาน
ของชาร์ล แบบเบจ ได้เขียนวิธีการใช้เครื่องคำนวณ
ของชาร์ล แบบเบจ เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
เล่มหนึ่ง
ต่อมาจึงได้รับการยกย่องให้ เอดา เป็นโปรแกรม
เมอร์คนแรกของโลก
พ.ศ.2487 ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard
Aiken) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ร่วมกับวิศวกรของ
บริษัทไอบีเอ็มได้สร้าง เครื่อง MARK I เป็นผลสำเร็จ แต่
อย่างไรก็ตามเครื่อง MARK I นี้ยังไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่แท้
จริงแต่เป็นเครื่องคิดเลขไฟฟ้าขนาดใหญ่เท่านั้น
พ.ศ.2492 ดร.จอห์น ฟอน นิวแมนน์ ( Dr.John
Von Neumann ) ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถ
เก็บคำสั่งการปฏิบัติงานทั้งหมดไว้ภายในเครื่อง ชื่อว่า
EDVAC นับเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่สามารถเก็บ
โปรแกรม ไว้ในเครื่องได้
UNIVAC (Universal Automatic Computer) เป็น
เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิง
ธุรกิจ
บทที่ 2 ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
ความหมายของ Hardware หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้างที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนสำคัญคือ หน่วยประมวลผลกลาง,หน่วยความจำหลัก, หน่วยรับข้อมูล, หน่วย
แสดงผล, หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
หน่วยประมวลผลกลาง
ซีพียู (CPU : Central Processing Unit)
เปรียบเสมือนสมองของระบบคอมพิวเตอร์ เป็นตัว
กำหนดความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ CPU
รุ่นใหม่ๆจะมีขนาดเล็กลงแต่ความเร็วเพิ่มขึ้น
วงจรภายในหน่วยประมวลผลกลางเรียกว่า
ไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor)
ประกอบด้วยหน่วยสำคัญสองส่วนคือ
หน่วยควบคุม ( CU : Control Unit)
หน่วยคำนวณและตรรกะ(ALU : Arithmetic and
Logic Unit)
หน่วยความจำหลัก
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่างๆที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์
หน่วยความจำหลักแบ่งได้สองประเภท คือ
RAM (Random Access memory) แบบเก็บข้อมูลชั่วคราว เก็บข้อมูลอยู่ได้ แต่ต้องมีไฟเลี้ยง
ROM (Read Only Memory) แบบเก็บข้อมูลถาวร เก็บข้อมูลอยู่ได้แม้ไม่มีไฟเลี้ยง
หน่วยรับข้อมูล
ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่หน่วยความจำหลัก
ปัจจุบันมีอยู่มากมาย เช่น
อุปกรณ์แบบกด = แป้นพิมพ์ (Keyboard)
อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง = เมาส์ (Mouse),, จอยสติ๊ก
(Joystick)
จอภาพระบบไวต่อการสัมผัส = จอภาพสัมผัส
(Touch Screen)
อุปกรณ์บันทึกภาพ = กล้องดิจิตอล (Digital
Camera)
ระบบกวาดข้อมูล = สแกนเนอร์ (Scanner)
อุปกรณ์รู้จำเสียง = ไมโครโฟน (Microphone)
หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลในรูปของเลข
ฐานสอง มี 0,1
ชนิดของหน่วยความจำสำรอง
เทปแม่เหล็ก (Tape)
ดิสก์แม่เหล็ก (Magnetic disk)
ออปติคัลดิสก์
หน่วยเก็บข้อมูลแบบแฟลช
หน่วยแสดงผล
หน่วยแสดงผล คือ อุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์จาก
คอมพิวเตอร์
แบ่งได้เป็นสองแบบ คือ
หน่วยแสดงผลชั่วคราว
จอภาพ (Monitor)
ลำโพง (Speaker)
โปรเจ็คเตอร์ (Projector)
หน่วยแสดงผลถาวร
เครื่องพิมพ์ (Printer)
พล็อตเตอร์ (Plotter)
บทที่ 3 ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
ซอฟต์แวร์ หมายถึง โปรแกรมหรือชุด
คำสั่งที่พัฒนาขึ้นมาและสั่งการโดยมนุษย์
เพื่อให้ฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ทำงาน
อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และได้ผลลัพธ์การ
ทำงานตามที่มนุษย์หรือผู้ใช้ต้องการ
ซอฟต์แวร์ หมายถึง ส่วนของ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือกระบวนการ
ในการทำงาน ตลอดจนเอกสารประกอบที่
เกี่ยวข้องในระบบประมวลผลข้อมูลแบบ
อิเล็กทรอนิกส์
ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือข้อมูล
การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine
Language)
ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ ใช้การส่งสัญญาณในรูปของแรง
กระตุ้นเป็นตัวเลข (Digital pulse)
แรงดันไฟฟ้าสูง (เปิด) และต่ำ (ปิด) ซึ่งใช้ 1 และ 0 แทน
ได้
ระบบจำนวนที่มีเลขนับอยู่ 2 ตัวเลข (0 และ 1) เรียกว่า
ระบบไบนารี (Binary system)หรือเลขฐานสอง
หน่วยความจุของข้อมูล
ไบต์ (byte) เป็นกลุ่มของบิตที่รวมกันเพื่อแทนสัญลักษณ์
ต่างๆ
8 บิต เป็น 1 ไบต์ (11110000 Bit = 1 Byte)
กิโลไบต์ (Kilobyte) ใช้ตัวย่อว่า KB มีค่าเท่ากับ 1,024
ไบต์ หรือประมาณ 1,000 ไบต์ เทียบเท่ากับตัวอักษร
ประมาณ 1,000 ตัว หรือประมาณ 1 หน้ากระดาษ
เมกกะไบต์ (Megabyte ตัวย่อคือ MB) จะมีค่าประมาณ
1,000 กิโลไบต์ หรือประมาณ 1 ล้านไบต์ เทียบเท่ากับ
ตัวอักษรประมาณ 1 ล้านตัว หรือประมาณหนังสือ 1
เล่ม
จิกะไบต์ (Gigabyte) หรือ ใช้ตัวย่อว่า GB โดยจะมีค่า
ประมาณ 1,000 เมกกะไบต์หรือประมาณ 1 พันล้าน
ไบต์เทียบเท่ากับตัวอักษรประมาณ 1 พันล้านตัวหรือ
ประมาณหนังสือที่ถูกบรรจุอยู่ในตู้หนังสือจำนวน 1 ตู้
วิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Language)
เครื่องคอมพิวเตอร์สื่อสารโดยใช้เลขฐานสอง
เท่านั้น (0,1)
ภาษาที่ใช้เฉพาะเลขฐานสองในคอมพิวเตอร์
เรียกว่า ภาษาเครื่อง
การเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นยากมาก
ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นภาษาสำหรับติดต่อสื่อสาร
ระหว่างคอมพิวเตอร์กับมนุษย์ เรียกว่า ภาษา
คอมพิวเตอร์
มีการกำหนดระดับของภาษาคอมพิวเตอร์
ว่าเป็นภาษาระดับสูงหรือระดับต่ำ จะขึ้นกับว่า
ภาษานั้นใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์(ใกล้เคียง
ชนิดของภาษาคอมพิวเตอร์
สามารถแบ่งภาษาคอมพิวเตอร์ได้ 5 ระดับคือ
ภาษาเครื่อง
ภาษาแอสเซมบลี (ภาษาระดับต่ำ)
ภาษาระดับสูง เช่น JAVA,COBOL,Pascal,
C,C++…
ภาษาระดับสูงมาก เช่น SQL
ภาษาธรรมชาติ
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษา Basic
ภาษา COBOL
ภาษา FORTRAN
ภาษา Pascal
ภาษา C และ C++
ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ
ประเภทของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์สามารถแบ่งตามลักษณะการใช้
งานได้ 2 ประเภท คือ
ซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์ประยุกต์
หน้าที่ของระบบปฏิบัติการ (Operating System)
จัดการส่วนประกอบต่างๆ ของระบบ
คอมพิวเตอร์ เช่น CPU หน่วยความจำ ที่
เก็บข้อมูลสำรอง
จัดการงานในส่วนของการติดต่อผู้ใช้
ให้บริการโปรแกรมประยุกต์อื่นๆ
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (Translator)
ทำหน้าที่ในการแปลง ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาต่างๆ
ให้เป็นภาษาเครื่อง
โปรแกรมที่แปลงจากโปรแกรมต้นฉบับ
แล้วจะเรียกว่าออปเจ็คโค้ด (Object code) ซึ่งประกอบไป
ด้วยรหัสคำสั่งที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ
และนำไปปฏิบัติได้ต่อไป
รูปแบบของตัวแปลภาษา (Translators)
แอสแซมเบลอ (Assembler)
เป็นตัวแปลภาษาแอสเซมบลีซึ่งเป็นภาษาระดับ
ต่ำให้เป็นภาษาเครื่อง
อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)
เป็นตัวแปลภาษาระดับสูงไปเป็นภาษาเครื่อง โดย
ใช้หลักการแปลพร้อมกับทำงานตามทำงานตาม
คำสั่งทีละบรรทัด
คอมไพเลอร์ (Compiler)
เป็นตัวแปลภาษาระดับสูงไปเป็นภาษาเครื่อง แต่
จะใช้วีธีแปลโปรแกรมทั้งโปรแกรมให้เป็นออ
บเจ๊คโค้ด ก่อนที่จะสามารถนำไปทำงานเช่น
เดียวกันกับแอสเซมเบลอ
ซอฟต์แวร์ประยุกต์
เป็นโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำ
งานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้าน
การจัดทำเอกสาร การทำบัญชี ตลอดจนด้าน
อื่นๆ
แบ่งได้ 2 ประเภทคือ
ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special
Purpose Software)
ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General
Purpose Software)
ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป
เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาสำหรับงาน
ทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานของ
องค์กรหรืองานส่วนตัวได้อย่างหลากหลาย
สามารถแบ่งตามประเภทของงานได้ดังนี้
ซอฟต์แวร์ตารางวิเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์
ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ
ซอฟต์แวร์นำเสนอ
ซอฟต์แวร์กราฟิก
ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล