Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
6006810005 นิศมา บุญรักษ์ (บทที่2 ฮารดแวรคอมพิวเตอร์ (หนวยแสดงผล…
6006810005 นิศมา บุญรักษ์
บทที่3ซอฟตแวรคอมพิวเตอร
คอมพิวเตอรซอฟตแวร
ซอฟตแวรหมายถึง โปรแกรมหรือชุด คําสั่งที่พัฒนาขึ้นมาและสั่งการโดยมนุษย
เพื่อใหฮารดแวรหรืออุปกรณตางๆ ทํางาน อยางเปนขั้นเปนตอน และไดผลลัพธการ
ทํางานตามที่มนุษยหรือผูใชตองการ
ซอฟตแวรหมายถึง สวนของ
โปรแกรมคอมพิวเตอรหรือกระบวนการ
ในการทํางาน ตลอดจนเอกสารประกอบที่
เกี่ยวของในระบบประมวลผลขอมูลแบบ
อิเล็กทรอนิกส
ซอฟตแวรคือ โปรแกรมหรือขอมูล
การทํางานของระบบ
คอมพิวเตอร
คอมพิวเตอรทํางานดวยภาษาเครื่อง (Machine
Language)
■ ดิจิตอลคอมพิวเตอรใชการสงสัญญาณในรูปของแรง
กระตุนเปนตัวเลข (Digital pulse)
■ แรงดันไฟฟาสูง (เปด) และตํ่า (ปด) ซึ่งใช 1 และ 0 แทน
ได
■ ระบบจํานวนที่มีเลขนับอยู 2 ตัวเลข (0 และ 1) เรียกวา
ระบบไบนารี (Binary system)หรือเลขฐานสอง
หน่วยความจุของข้อมูล
บิต (bit) เปนหนวยที่เล็กที่สุดของคอมพิวเตอร เปนคาตัว
เลขตัวหนึ่ง ไดแก 0 หรือ 1
■ ไบต (byte) เปนกลุมของบิตที่รวมกันเพื่อแทนสัญลักษณ
ตางๆ
■ 8 บิต เปน 1 ไบต(11110000 Bit = 1 Byte)
■ กิโลไบต (Kilobyte) ใชตัวยอวา KB มีคาเทากับ 1,024
ไบตหรือประมาณ 1,000 ไบต์เทียบเท่ากับตัวอักษร
ประมาณ 1,000 ตัว หรือประมาณ 1 หน้ากระดาษ
เชน ถาพูดวา คอมพิวเตอรมีหนวยความจํา 64 กิโลไบต
หมายความวา มีเนื้อที่ในหนวยความจํา 65,536 ไบต
สามารถเก็บตัวอักขระได 65,536 ตัวอักขระ
วิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร
(Computer Language)
เครื่องคอมพิวเตอรสื่อสารโดยใชเลขฐานสอง เทานั้น (0,1)
■ ภาษาที่ใชเฉพาะเลขฐานสองในคอมพิวเตอร
เรียกวา ภาษาเครื่อง
■ การเรียนรูภาษาคอมพิวเตอรนั้นยากมาก
ดังนั้นจึงมีผูคิดคนภาษาสําหรับติดตอสื่อสาร
ระหวางคอมพิวเตอรกับมนุษยเรียกวา ภาษา
คอมพิวเตอร
■ มีการกําหนดระดับของภาษาคอมพิวเตอร
วาเปนภาษาระดับสูงหรือระดับตํ่า จะขึ้นกับวา ภาษานั้นใกลเคียงกับคอมพิวเตอร(ใกลเคียง
ชนิดของภาษาคอมพิวเตอร
สามารถแบงภาษาคอมพิวเตอรได 5 ระดับคือ
■ ภาษาเครื่อง
■ ภาษาแอสเซมบลี (ภาษาระดับตํ่า)
■ ภาษาระดับสูง เชน JAVA,COBOL,Pascal,
C,C++…
■ ภาษาระดับสูงมาก เชน SQL
■ ภาษาธรรมชาต
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษา Basic
■ ภาษา COBOL
■ ภาษา FORTRAN
■ ภาษา Pascal
■ ภาษา C และ C++
■ ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถ
ซอฟตแวรระบบ (System
Software)
โปรแกรมทุกโปรแกรมที่ทําหนาที่ติดตอกับ
สวนประกอบตางๆ ของฮารดแวรและอํานวย เครื่องมือสําหรับทํางานพื้นฐานตางๆ ที่
เกี่ยวของกับฮารดแวรเชน การแสดงรายชื่อ
แฟมที่เก็บในหนวยเก็บขอมูลสํารอง, การ
แสดงผลออกทางจอภาพ เปนตน
ซอฟตแวรระบบการประกอบดวยซอฟตแวร
2 ประเภทคือ
ระบบปฏิบัติการ (Operating System)
ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร (Translator)
บทที่2 ฮารดแวรคอมพิวเตอร์
ความหมายของ Hardware
ตัวเครื่องคอมพิวเตอรและอุปกรณรอบ
ขางที่เกี่ยวของตางๆ ซึ่งประกอบไปดวย
สวนสําคัญคือ หนวยประมวลผลกลาง,
หนวยความจําหลัก, หนวยรับขอมูล, หนวย
แสดงผล, หนวยเก็บขอมูล
หนวยประมวลผลกลาง
ซีพียู (CPU : Central Processing Unit)
เปรียบเสมือนสมองของระบบคอมพิวเตอรเปนตัว
กําหนดความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร CPU
รุนใหมๆจะมีขนาดเล็กลงแตความเร็วเพิ่มขึ้น
■ วงจรภายในหนวยประมวลผลกลางเรียกวา
ไมโครโปรเซสเซอร (Microprocessor)
ประกอบดวยหนวยสําคัญสองสวนคือ
■ หนวยควบคุม ( CU : Control Unit)
■ หนวยคํานวณและตรรกะ(ALU : Arithmetic and
Logic Unit)
หน่วยความจําหลัก
เปนอุปกรณที่ใชในการจดจําขอมูล และ
โปรแกรมตางๆที่อยูระหวางการประมวลผลของ
คอมพิวเตอร
■ หนวยความจําหลักแบงไดสองประเภท คือ
■ RAM (Random Access memory)
แบบเก็บขอมูลชั่วคราว เก็บขอมูลอยูไดแต
ตองมีไฟเลี้ยง
■ ROM (Read Only Memory)
แบบเก็บขอมูลถาวร เก็บขอมูลอยูไดแมไมมี
ไฟเลี้ยง
หนวยรับขอมูล
ทําหนาที่รับขอมูลจากผูใชเขาสูหนวยความจําหลัก
ปจจุบันมีอยูมากมาย เชน
■ อุปกรณแบบกด = แปนพิมพ (Keyboard)
■ อุปกรณชี้ตําแหนง = เมาส (Mouse),, จอยสติ๊ก
(Joystick)
■ จอภาพระบบไวตอการสัมผัส = จอภาพสัมผัส
(Touch Screen)
■ อุปกรณบันทึกภาพ = กลองดิจิตอล (Digital
Camera)
■ ระบบกวาดขอมูล = สแกนเนอร (Scanner)
■ อุปกรณรูจําเสียง = ไมโครโฟน (Microphone)
หนวยแสดงผล
หนวยแสดงผล คือ อุปกรณที่แสดงผลลัพธจาก
คอมพิวเตอร
■ แบงไดเปนสองแบบ คือ
■ หนวยแสดงผลชั่วคราว
■ จอภาพ (Monitor)
■ ลําโพง (Speaker)
■ โปรเจ็คเตอร (Projector)
■ หนวยแสดงผลถาวร
■ เครื่องพิมพ (Printer)
■ พล็อตเตอร (Plotter)
■ ประเภทของจอภาพ
■ จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube)
เปนจอภาพที่ใชกับคอมพิวเตอรตั้งโตะ มี
หลักการทํางานแบบเดียวกับจอโทรทัศนทํางาน
โดยใชกระแสไฟฟาแรงสูง (high voltage)
คอยกระตุนใหอิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตก
ตัวอิเล็กตรอนดังกลาวจะทําใหเกิดลําแสง
อิเล็กตรอนไปกระตุนผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยูบน
หลอดภาพ เมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุนจาก
อิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฏเปนจุด
สีตางๆ (RGB Color) ซึ่งรวมเปนภาพบนจอ
จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display)
จอภาพผลึกเหลวสวนใหญ มี 2 ประเภท ไดแก
■ Active Matrix
จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากใหความสวาง
มาก และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อวา TFT – Thin
Film Transistor และราคาของจอประเภทนี้สูง
■ Passive Matrix
จอภาพสีคอนขางแหง เนื่องจากมีความสวางนอย ทําใหไม
สามารถมองจากมุมมองอื่นไดนอกจากมองจากมุมตรง เรียก
อีกชื่อหนึ่งวา DSTN (Double Super Twisted Nematic)
จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display)
จอ LCD เริ่มจากการพัฒนามาใชกับนาฬิกาและ
เครื่องคิดเลข เปนจอแสดงผลตัวเลขขนาดเล็ก ใช
หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว เพื่อปดกั้น
แสงเมื่อมีสนามไฟฟาเหนี่ยวนํา LCD จึงใชกําลังไฟฟา
ตํ่า มีการสรางทรานซิสเตอรเปนลานตัวเพื่อควบคุมจุด
สีบนแผนฟลมบาง ๆ ใหจุดสีเปนตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
การแสดงผลจึงเปนการแสดงจุดสีเล็ก ๆ ที่ผสมกันเปนสี
ตาง ๆ ไดมากมาย การวางตัวของจุดสีดําเล็ก ๆ เรียกวา
แมทริกซ (matrix) จอภาพ LCD จึงเปนจอแสดงผล
แบบตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีจุดสีจํานวนมาก
Resolution
คือความละเอียดของการแสดงภาพ หรือการสแกนภาพ
ออกมาไดความละเอียดมากเทาไร ความสามารถในการ แสดงภาพไดละเอียดมากขนาดไหนนั้นขึ้นอยูกับประเภท
ของจอภาพ
เชน จอ VGA จะแสดงภาพไดละเอียดนอยกวาจอ
SVGA ยิ่งกําหนดความละเอียดในการแสดงสีมากเทาไร ภาพจะละเอียดมากขึ้น
อยางเชน 1024 x 768
เลขตัวแรกคือ Vertical คือจํานวนเสนในแนวตั้ง
เทากับ 1024 เสน
เลขตัวตอมาคือ Horizontal คือจํานวนเสนในแนว
นอนเทากับ 768 เส
หนวยเก็บขอมูลสํารอง
คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลในรูปของเลข
ฐานสอง มี 0,1
ชนิดของหน่วยความจําสํารอง
■ เทปแมเหล็ก (Tape)
■ ดิสกแมเหล็ก (Magnetic disk)
■ ออปติคัลดิสก
■ หนวยเก็บขอมูลแบบแฟลช
เทปแมเหล็ก (Tape)
■ เปนหนวยเก็บขอมูลที่ใชกันมานานตั้งแต
คอมพิวเตอรยุคที่หนึ่งและยุคที่สอง ปจจุบัน
ไดรับความนิยมนอยลง เทปแมเหล็กมี
หลักการทํางานคลายเทปบันทึกเสียง แต
เปลี่ยนจากการเลน (Play) และบันทึก
(Record) เปนการอาน (Read) และเขียน
(Write) แทน
ขอดี
■ เก็บขอมูลไดมาก เคลื่อนยายสะดวก
■ สามารถบันทึกขอมูลซํ้าไดทําใหประหยัด
■ ความเร็วในการถายเทขอมูล (Transfer Rate)
สูงขอเสีย
ข้อเสีย
■ ตองเริ่มอานขอมูลตั้งแตตนมวน (Sequential
Access)
■ ตองระวังในการจับถือ (สิ่งสกปรก รอยนิ้วมือ
และการชํารุดแตกหัก)
■ สถานที่เก็บตองเหมาะสม ระวังเรื่องฝุน อุณหภูมิ
และสนามแมเหล็ก
■ อานขอมูลไดชา
ดิสกแมเหล็ก (Magnetic disk)
จานแมเหล็กสามารถเก็บขอมูลไดเปนจํานวน
มาก และมีคุณสมบัติใน
การ เขาถึงขอมูลโดยตรง ไมจําเปนตองอานไป
ตามลําดับเหมือนเทป
■ ชวยลดความผิดพลาดทางการผลิต
■ มีความเที่ยงตรงในการทํางานมากขึ้น
■ มีความทนทานตอแรงสั่นสะเทือน และรอขูดขีด
ด
อุปกรณสื่อสารขอมูล
เปนอุปกรณที่ใชเชื่อมตอคอมพิวเตอรจํานวน
ตั้งแตสองเครื่อง
เขาหากัน MODEM
(Modulation-demodulation) มีหนาที่ในการ
เปลี่ยนสัญญาณดิจิตอลเปนอนาลอกแลวสงไปตาม
สายโทรศัพทจากนั้นเมื่อไดรับสัญญาณอนาลอกก็
จะทําการเปลี่ยนใหเปนสัญญาณดิจิตอลเพื่อทําการ
ประมวลผลตอไป
เครื่องสํารองไฟฟา
UPS (Uninterruptible Power Supply) เปน
อุปกรณสําหรับจายกระแสไฟฟาสํารองจากแบตเตอรี่
เพื่อเปนแหลงพลังงานฉุกเฉิน ในกรณีเกิดปญหากับ
ระบบไฟฟาหลัก เชน ไฟดับ ไฟตก
มี UPS สองแบบ คือ
• Standby power systems จายไฟ เมื่อไฟ
ตก,ราคาตํ่า,อาจะมีผลกระทบ
ตออุปกรณที่มีค
วามไวสูง
• On-line UPS systems จายไฟ ตลอด
เวลา แตราคาแพง
บทที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก – ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานได้สารพัด แต่ผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบว่า งานที่เหมาะกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างยิ่งคือการสร้าง สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศเหล่านั้นสามารถนำมาพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ ส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจัดเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ได้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ คือ
1.ความเร็ว (speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้ถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที
2.ความเชื่อถือ (reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาด และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
3.ความถูกต้องแม่นยำ (accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอหากผลของการคำนวณผิดจากที่ควรจะเป็น มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกรม
4.เก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้ (store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ ตัวอักษร
5.ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (move information) โดยใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถส่งพจนานุกรมหนึ่งเล่มในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที ทำให้มีการเรียกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกันทั่วโลกในปัจจุบันว่า ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)
การทำงานของคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำงานที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ 4 ขั้นตอน
การรับข้อมูลและคำสั่ง (Input) คอมพิวเตอร์รับข้อมูลและคำสั่งผ่านอุปกรณ์นำเข้าข้อมูล Mouse, Keyboard, Scanner, Microphone
การประมวลผลหรือคิดคำนวณ(Processing) ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์รับเข้ามา จะถูกประมวลผลโดยการทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central Processing Unit) ตามคำสั่งของโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ CPU
การแสดงผลลัพธ์(Output) คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลที่ป้อน หรือแสดงผลจากการประมวลผล ทางอุปกรณ์แสดงผล Monitor, Printer, Speaker
การเก็บข้อมูล(Storage) ผลลัพธ์จากการประมวลผลสามารถเก็บไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล hard disk, floppy disk, CD-ROM
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์(PC)
1.จอภาพ (Monitor)
2.เคส (Case)
3.พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)
4.คีย์บอร์ด (Keyboard
5.เมาส์ (Mouse)
6.เมนบอร์ด (Main board)
7.ซีพียู (CPU)
9.แรม (RAM)
10.ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)
11.CD-ROM / CD-RW /DVD / DVD-RW
12.ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk)
เน็ตเวิร์คการ์ด (Lan card)
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)
หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุด โดยทั่วไปสร้างขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่องานด้านวิทยาศาสตร์ที่ต้องการการประมวลผลซับซ้อน และต้องการความเร็วสูง เช่น งานวิจัยขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานสื่อสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นต้น
มนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีส่วนความจำและความเร็วน้อยลง สามารถใช้ข้อมูลและคำสั่งของเครื่องรุ่นอื่นในตระกูล (Family) เดียวกันได้ โดยไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากนั้นยังสามารถทำงานในระบบเครือข่าย (Network) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องปลายทาง (Terminal) จำนวนมากได้ สามารถทำงานได้พร้อมกันหลายงาน (Multi Tasking) และใช้งานได้พร้อมกันหลายคน (Multi User) ปกติเครื่องชนิดนี้นิยมใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ มีราคาตั้งแต่สิบล้านบาทไปจนถึงหลายร้อยล้านบาท ตัวอย่างของเครื่องเมนเฟรมที่ใช้กันแพร่หลายก็คือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารที่เชื่อมต่อไปยังตู้ ATM และสาขาของธนาคารทั่วประเทศนั่นเอง
มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer)
ธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซึ่งมีราคาแพง ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จึงพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กและมีราคาถูกลง เรียกว่า เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะพิเศษในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างที่มีความเร็วสูงได้ มีการใช้แผ่นจานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง (Harddisk) ในการเก็บรักษาข้อมูล สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานและบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ได้แก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)
หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลขนาดเล็ก มีส่วนของหน่วยความจำและความเร็วในการประมวลผลน้อยที่สุด สามารถใช้งานได้ด้วยคนเดียว จึงมักถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC)
ปัจจุบัน ไมโครคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงกว่าในสมัยก่อนมาก อาจเท่ากับหรือมากกว่าเครื่องเมนเฟรมในยุคก่อน นอกจากนั้นยังราคาถูกลงมาก ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมใช้มาก ทั้งตามหน่วยงานและบริษัทห้างร้าน ตลอดจนตามโรงเรียน สถานศึกษา และบ้านเรือน บริษัทที่ผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ออกจำหน่ายจนประสบความสำเร็จเป็นบริษัทแรก คือ บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ จำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
แบบติดตั้งใช้งานอยู่กับที่บนโต๊ะทำงาน (Desktop Computer)
แบบเคลื่อนย้ายได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตัว อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จากภายนอก ส่วนใหญ่มักเรียกตามลักษณะของการใช้งานว่า Laptop Computer หรือ Notebook Computer