Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน (fetal distress) (อาการและอาการแสดง…
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน (fetal distress)
หมายถึง
ทารกในครรภ์ที่อยู่ในภาวะอันตรายซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ทันเวลาอาจมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้สาเหตุทารกในครรภ์อยู่ในภาวะอันตราย
สาเหตุ
1. Umbitical cord compression
คือ ภาวะที่สายสะดือถูกกดขณะมดลูกมีการหดรัดตัวทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะ fetal distress ที่พบบ่อยที่สุดพบในรายที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือสายสะดือพลัดต่ำ
2. Uteroplacental insufficiency (UPI)
คือ ภาวะที่การไหลเวียนเลือดไปสู่รกไม่เพียงพอทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนโดยสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ uteroplacental insufficiency ได้แก่
1 Uterine hyperactivity เช่นภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกเป็นต้น
2 Maternal hypotension เช่นภาวะตกเลือด supine position, sympathetic paralysis ที่เกิดจากการได้รับยาระงับความรู้สึก (anesthesia) เป็นต้น
3 Placental dysfunction เช่นในสตรีครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงการตั้งครรภ์เกินกำหนดการสูบบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์เป็นต้น
สาเหตุของกรณีศึกษา
มีสายสะดือพันคอทารก 1 รอบ
ได้รับยา Syntocinon กระตุ้นการบีบตัวของมดลูกขณะรอคลอด เพื่อเร่งและกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งอาจทำให้เส้นเลือดมดลูกหดตัวส่งผลให้ขาดเลือดไปเลี้ยงรกและทารกในครรภ์
อาการและอาการแสดง
อัตราการเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ (abnormal FHR pattern) เช่น น้อยกว่า 110 ครั้ง/นาที หรือมากกว่า 160 ครั้ง/นาทีร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆหรือมีรูปแบบการเต้นของหัวใจแบบ late deceleration หรือ variable deceleration เป็นต้น
มีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ (meconium stained of amniotic fluid) ลักษณะขี้เทาปนในน้ำคร่ำแบ่งตามความรุนแรงได้ 3 ลักษณะคือ
1 ขี้เทาปนในน้ำคร่ำเล็กน้อย (thin หรือ mild meconium stained) น้ำคร่ำจะมีสีเหลือง
2 ขี้เทาปนในน้ำคร่ำปานกลาง (moderate meconium stained) น้ำคร่ำจะมีสีเขียวปนเหลือง
3 ขี้เทาปนในน้ำคร่ำมาก (thick meconium stained) น้ำคร่ำจะมีสีเขียวคล้ำและข้น
ทารกดิ้นน้อยลง
ทารกมีภาวะเลือดเป็นกรด
อาการและอาการแสดงของกรณีศึกษา
ขณะรอคลอดได้รับการตรวจ EFM ลักษณะผลการตรวจ การเต้นของหัวใจทารกบ่งบอกว่าการเต้นผิดปกติ คือ ช้ากว่าปกติอย่างชัดเจน FHS 90 – 110 ครั้ง/นาที ขณะที่มดลูกหดรัดตัว และ FHS จะอยู่ในอัตราปกติเมื่อมดลูกคลายตัว ลักษณะกราฟที่บันทึกได้จากการตรวจ EFM มีลักษณะเป็น early deceleration ซึ่งบอกได้ว่าทารกผิดปกติ อยู่ในกลุ่มที่ 3 (Category III) (Non-reassuring pattern)
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของ
สตรีมีครรภ์และทารกในครรภ์
ผลต่อสตรี
พบว่าไม่มีผลต่อร่างกายโดยตรงแต่มีผลทางด้านจิตใจโดยทำให้สตรีมีครรภ์เกิดความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์เป็นต้น
ผลต่อทารก
อาจทำให้ทารกเกิดภาวะทุพพลภาพอย่างถาวรหรือรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
การประเมินและการวินิจฉัย
1. การซักประวัติ
ได้แก่ การดิ้นของทารกในครรภ์ การแตกของถุงน้ำคร่ำ ลักษณะสีและปริมาณของน้ำคร่ำ
3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การเจาะเลือดทารก (scalp blood sampling) เพื่อวินิจฉัยภาวะเลือดเป็นกรด การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรือการประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกด้วยเครื่อง EFM ซึ่งสามารถจำแนกความเสี่ยงตาม FHR pattern ได้ดังนี้
• Normal FHR pattern
• Fetal stress
• Fetal distress
• Reassuring variable deceleration
• Non-reassuring variable deceleration
2. การตรวจร่างกาย
โดยการตรวจครรภ์ อาจพบเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ผิดปกติ เช่น FHS ของทารกช้าหรือเร็วกว่าปกติและถ้าหากบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกด้วย EFM จะพบรูปแบบการเต้นของหัวใจทารกแบบ late deceleration หรือ variable deceleration ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะขาดออกซิเจน
การประเมินและการวินิจฉัยที่กรณีศึกษาได้รับ
ขณะรอคลอดได้รับการตรวจ Electronic fetal heart rate monitoring ลักษณะผลการตรวจ การเต้นของหัวใจทารกบ่งบอกว่าการเต้นผิดปกติ คือ ช้ากว่าปกติอย่างชัดเจน FHS 90 – 110 ครั้ง/นาที ซึ่งบอกได้ว่าทารกผิดปกติ อยู่ในกลุ่มที่ 3 (Category III) (Non-reassuring pattern)