Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
4/9 เลขที่37 น.ส.เมธาพร สินปรุ การใช้ฮาร์แวร์และซอ…
4/9 เลขที่37 น.ส.เมธาพร สินปรุ การใช้ฮาร์แวร์และซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงาน
ลักษณะการใช้งานคอมพิวเตอร์
ลักษณะการใช้งานคอมพิวเตอร์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับผู้ใช้งานและลักษณะของงาน ดังนั้นผู้ใช้ควรคำนึงถึงและทำความเข้าใจก่อนจะเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มาใช้งาน เพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพ
ระดับผู้ใช้งาน แบ่งได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มผู้ใช้ในธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก (Small Business User) มักจะใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายใน (LAN) ส่วนใหญ่จะใช้ทำงานด้านเอกสาร คำนวณ ฐานข้อมูลติดต่อสื่อสาร
กลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน (Home User) หมายถึง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตามบ้าน ห้องพัก คอนโดมิเนียม หรือที่พักใดๆ ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) และใช้งานเพื่อความบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
กลุ่มผู้ใช้นอกสถานที่ (Mobile User) กลุ่มนี้เป็นผู้ใช้งานที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ต่างๆ หรือต้องเดินทางบ่อยๆ คอมพิวเตอร์ที่ใช้มักจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ค โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
4.กลุ่มผู้ใช้ในธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่(Large Business User)กลุ่มนี้เป็นองค์กรที่ใช้ในองค์กรณ์ธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร ซึ่งจะต้องใช้คอมหลายเครื่องและหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่นโน๊ตบุ๊ค
ลักษณะของการใช้งาน แบ่งได้ดังนี้
2.งานทางด้านกราฟิก ออกแบบสิ่งพิมพ์และโฆษณาต่างๆ งานนี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีคุณลัษณะที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากบางครั้งจะต้องใช้โปรแกรมต่างๆพร้อมกัน
3.งานเกมคอมพิวเตอร์ และบันเทิงเป็นหลัก สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในด้านนี้ จะต้องมีประสิทธิภาพ ความเร็ว ความจุ หรือคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ที่สูง เพื่อสามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ ไม่มีขัด
1.งานทางด้านเอกสาร รายงาน หรือสำนักงานต่างๆสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้านนี้ไม่ต้องเน้นคุณลักษณะของเครื่องที่สูงมาก
การเลือกคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงาน
งานจะสำเร็จและมีประสิทธิได้ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้งานซึ่งจะต้องมีคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์ รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วง และซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับลักษณะของงานที่นำไปใช้ ดังนี้
คุณลักษณะของฮาร์ดแวร์ ได้แก่
1.1. หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ส่วนนี้เป็นตัวกำหนดความเร็วในการประมวลผล ดังนั้นในการเลือกซื้อซีพียูต้องคำนึงถึงความเร็วของซีพียู ซึ่งมีหน่วยเป็น "เฮิรตซ์ (Hz)" ยิ่งความเร็วมากก็สามารถทำงานตอบสนองต่อการใช้โปรแกรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
1.2. หน่วยความจำหลัก (RAM) สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อก็คือ ขนาดและชนิด ยิ่งหน่วยความจำหลักมีขนาดมากเท่าไรก็จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งควรมีขนาด 128 MB เป็นอย่างต่ำ เนื่องจากปัจจุบันโปรแกรมส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และใช้หน่วยความจำมากขึ้น
1.3. ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) คอมพิวเตอร์ที่ใช้ควรมีพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลอย่างน้อย 5 GB ขึ้นไป เพราะว่าปัจจุบันโปรแกรมส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่จัดเก็บ
1.4. การ์ดแสดงผล (Display Card) หรือ การ์ดจอ (VGA Card) ควรเลือกให้เหมาะสมกับงานที่นำไปใช้ ซึ่งมี 2 รูปแบบที่ติดมาพร้อมกับเมนบอร์ด (On Board) และแบบอุปกรณ์แยกต่างหาก (Graphics Card)
1.5. การ์ดเสียง (Sound Card) ควรเลือกแบบ PCI
1.6. จอภาพ (Monitor) ควรเลือกขนาด 15-17 นิ้วเป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจเลือกใช้แบบ CRT หรือ LCD ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณ เนื่องจากจอภาพแบบ LCD จะมีราคาสูงกว่าจอภาพแบบ CRT
1.7. อุปกรณ์สำหรับอ่านเขียนซีดี/ดีวีดี (Optical Drive) ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานว่าใช้เพียงแค่อ่านแผ่น หรือจะใช้แบบบันทึกข้อมูลได้ด้วย และควรเลือกความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลตั้งแต่ 50X ขึ้นไป
1.8. ระบบการเชื่อมต่อเครือข่าย (Connection) มีให้เลือกใช้ทั้งแบบโมเด็มแบบภายนอก (External Modem) โมเด็มแบบภายใน (Internal Modem)
1.9. พอร์ต I/O เป็นช่องสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ เช่น พอร์ต USB , พอร์ต Fire-Wire (สำหรับเชื่อมต่อกับวีดิโอ) เป็นต้น
1.10. เครื่องพิมพ์ ควรเลือกให้เหมาะกับงานที่ต้องการพิมพ์ ได้แก่ เครื่องพิมพ์แบบ Dot Matrix ใช้สำหรับงานพิมพ์สำเนาเอกสาร
คุณลักษณะของซอฟต์แวร์
การเลือกใช้งานซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงานนั้น ขึ้นอยู่กับว่าต้องการทำอะไร เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ตกแต่งภาพ เล่นอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์มีให้เลือกใช้งานกันมากมาย ซึ่งแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
2.1 ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (Operating System Software)
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกว่า โอเอส (Operating System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการดังนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกัน ได้แก่
1) ดอส (DOS) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามานานแล้วการใช้งานจะใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร เช่น คำสั่ง DIR ใช้ในการเรียกดูรายการไฟล์และโฟลเดอร์ทั้งหมด , คำสั่ง DEL ใช้ในการลบไฟล์ , คำสั่ง MD ใช้สร้างโฟลเดอร์ เป็นต้น
2) วินโดวส์ (Windows) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส เน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้นด้วยการใช้เมาส์คลิกคำสั่งโดยหน้าจอถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน และสามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลายเวอร์ชัน ได้แก่ Windows 95 , Windows XP , Windows vista และ Windows 7
3) ยูนิกซ์ (Unix) เป็นระบบปฏิบัติการแบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายคน โดยผู้ใช้แต่ละคนจะต้องมีชื่อและรหัสผ่าน
4) ลีนุกซ์ (Linux) เป็นระบบปฏิบัติการประเภทฟรีแวร์ (Freeware) คือไม่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อโปรแกรม ปัจจุบันได้มีการนำระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ไปประยุกต์ใช้เป็นระบบปฏิบัติการแบบเครือข่ายสำหรับงานด้านต่างๆ เช่น งานด้านการคำนวณสถานีบริหารต่างๆ , ระบบอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร , การพัฒนาโปรแกรม เป็นต้น ปัจจุบันได้มีองค์กรต่างๆ
2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะอย่างตามที่ต้องการโดยทำงานภายใต้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ซึ่งบางโปรแกรมต้องซื้อมาใช้งาน (Software License) , บางโปรแกรมสามารถใช้งานได้ฟรี (Freeware) , บางโปรแกรมให้ทดลองใช้โดยจำกัดจำนวนวัน หรือจำกัดความสามารถบางอย่าง (Shareware) เช่น ใช้งานได้ 30 วัน ถ้าต้องการใช้งานโปรแกรมต่อจะต้องซื้อโปรแกรมเวอร์ชั่นเต็ม เป้นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์อาจแบ่งออกเป็นซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป และซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน
1) ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไปหรือซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ที่สามารถใช้งานหลายๆ อย่าง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
3 more items...