Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาล (มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการแตกของฐานกะโหลกเนื่องจากมีน้ำใสไหล…
การพยาบาล
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการแตกของฐานกะโหลกเนื่องจากมีน้ำใสไหลออกมาทางจมูกด้านซ้าย
A : Pneumocephalus:
การรั่วไหลของไขสันหลังอักเสบ (CSF) มากเกินไปทำให้เกิดอาการเล็กน้อย คือความดันในกะโหลกศีรษะ เป็นผลให้อากาศถูกดึงเข้า ช่องกะโหลก นี้ได้รับการเปรียบเทียบกับรายการของอากาศ ลงในขวดน้ำคว่ำเมื่อน้ำล้น และเยื่อหุ้มสมองอักเสบมักเริ่มจากการอักเสบที่เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Arachnoid) ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อบวมและเซลล์ประสาทถูกทำลาย
ข้อมูลสนับสนุน
O : มีน้ำไหลออกมาจากจมูกซ้าย
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการแตกของฐานกะโหลกศีรษะ
Meningitis การติดเชื้อโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่งเข้าได้ 4 ทาง ได้แก่กระแสเลือด การเปิดโดยตรงระหว่างน้ำไขสันหลังกับสิ่งแวดล้อมภายนอก จากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ ไปตามเส้นประสาทสมองและเส้นประสาทส่วนปลาย
เข้าทางปากหรือจมูก ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้จากการมีฐานกะโหลกแตก
เกณฑ์การประเมินผล
Meningitis
1.GSC ลดลงมากกว่า 2 คะแนน
2.ความดันโลหิตตัวบน (Systolic blood pressure) เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 มม. ปรอทและมีความดันชีพจร (Pulse pressure) กว้าง หัวใจเต้นช้า หายใจไม่สม่ำเสมอ หรือมีการหายใจเปลี่ยนไป มีปฏิกิริยาสนองตอบต่อความเจ็บปวดลดลง
3.ไม่มีการติดเชื้อ
การพยาบาล
การพยาบาล
Pneumocephalus: การพยาบาลตามความดันในโพรงกะโหลกศีรษะสูง
Meningitis
การพยาบาล
1.ประเมินอาการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง เช่น อาการคอแข็ง (Kernig’s sign) ประคบเย็นที่หน้าอก เพื่อลดอาการปวดศีรษะ
2.ประเมินและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท ประเมินระดับความรู้สึกตัว ได้แก่ Glasgow coma scale (GSC) ขนาดรูม่านตา ปฏิกิริยาต่อแสงของรูม่านตา ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Motor power)เพื่อดูการตอบสมองทางระบบประสาท
3.สังเกตภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น อาการอาเจียนโดยไม่มีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย อาการชัก หัวใจเต้นช้า หายใจไม่สม่ำเสมอ หรือมีการหายใจเปลี่ยนไป มีปฏิกิริยาสนองตอบต่อความเจ็บปวดลดลง
4.ได้รับยาปฏิชีวะนะตามแผนการรักษา
การประเมินผล
1.ไม่มีอาการบ่งบอกถึงมีความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น ปวดศีรษะ ตามัวเป็นต้น
2.ระบบประสาททำงานได้ปกติ GCS เต็ม 15 คะแนน E4V5M6
3.ไม่มีการติดเชื้อ
มีโอกาสเกิดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะสูงเนื่องจากมีการรั่วของน้ำไขสันหลัง
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการเกิดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะสูง
เกณฑ์การประเมินผล 1.ไม่มีอาการที่บ่งบอกเป็นความดันในโพรงกะโหลกศีรษะสูง คือปวดศีรษะ มีน้ำใสไหลออกมาจากจมูก อาเจียน ตาพร่ามัว
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า “มีอาการปวดศีรษะ”
S : ผู้ป่วยบอกว่า “มีน้ำใสไหลออกมาจากจมูกและหู”
การพยาบาล
1.ประเมินระดับความรู้ตัว และการปวดของผู้ป่วยเนื่องจากจะได้ทราบระดับความปวดให้การพยาบาลได้เหมาะสม
2.จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูงประมาณ 30 องศา เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
3.สังเกตลักษณะอาการปวดและให้ยาตามแผนการรักษาคนไข้มี Paracetamol 500 mg. 2 tab. Oral prn.
4.ตรวจสัญญาณชีพและระบบประสาท และประเมินอาการและอาการแสดงของความดันกะโหลกศีรษะสูงโลหิตสูง เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่า เป็นต้น
5.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไปเพิ่มความดันในโพรงกะโหลกศีรษะคือ เบ่งอุจจาระ ไอ จามเป็นต้น
6.ให้ยาตามแผนการรักษามีให้เป็น Diamox 1x3 Oral tid ซึ่งจะไปลดความดันในกะโหลกศีรษะได้
7.บันทึกสารน้ำเข้า ออกทุกเวรป้องกันภาวะน้ำเกิน
การประเมินผลไม่มีอาการปวดศีรษะ น้ำไม่ไหวออกจากจมูก ไม่มีอาการตาพร่ามัว จากความดัน จะเป็นจากพยาธิสมองของการแตกข้างเดียวที่สมอง ไม่มีอาเจียน
A : น้ำในไขสันหลังจะไม่มีเส้นเลือดไปเลี้ยงและมีหน้าที่ในการประคองสมองและไขสันหลังไว้ เมื่อมีการบาดเจ็บมีการคั่งของก้อนเลือดในสมองทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังผ่าตัด ซึ่งเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว มีน้ำใสไหลออกมาจากจมูกซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้หลังจากที่มีฐานกะโหลกแตกทำให้มี น้ำไขสันหลังรั่วออกมากได้ และทำให้เพิ่มความดันในสมองได้จากที่การที่กระบวนการดูดกลับของไขสันหลัง ทำให้เกิดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะสูงได้
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากตาซ้ายพร่ามั่ว
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่มีแผลหรืออุบัติเหตุต่อร่างกาย
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่ชัด
A : อุบัติเหตุจากการกระทบกระแทกแรงๆที่ตาอาจทำให้เกิดภาวะจอประสาทตาลอกภายหลังได้ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจจอประสาทตาในกรณีนี้ผู้ป่วยมีปัญหาในเรื่องของ VH คือมีเลือดออกในวุ้นลูกตา ซึ่งวุ้นลูกตาเป็นส่วนประกอบที่มากที่สุดในดวงตา และไม่มีเส้นเลือดแต่พอมีเลือดมาคั่งในวุ้นตา จะทำให้การมองเห็นเป็นมัวลงและอาจจะทำให้ตาบอดถาวรได้ ซึ่งการมองเห็นที่ไม่มัวนี้จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในชีวิตประจำวันได้
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า“ตาซ้ายมองไม่ชัด”
S : ผู้ป่วยบอกว่า “ทำอะไรก็ไม่ค่อยถนัดมันไม่ดีเหมือนสองข้าง”
O : VA 6/60+1with PH 6/24
O : มีเลือดออกในวุ้นตา (vitreous hemorrhage,VH ที่ตาซ้าย
การพยาบาล
1.ประเมินการมองเห็นโดยการวัดค่าสายตาของผู้ป่วยซึ่งจะแสดงถึงความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน และความเสี่ยงมากน้อย
2.จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีสิ่งกรีดขวาง เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดล้มแล้วยิ่งจะส่งผลอื่นๆตามมา
3.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา เช่นไม่ควรขับขี่รถ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนตามมาได้
4.แนะนำญาติให้ช่วยเหลือกิจกรรมบ้างอย่างที่อันตราย เช่น การใช้ไฟ การใช้ของมีคม ช่วงแรก อาจจะใช้ตาไม่ถนัด ทำให้เกิดอันตรายได้
5.มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจการทำงานของตา พยาบาลทำการ dilate ตาผู้ป่วย
พร่องความรู้ในการดูแลตนเองหลังผ่าตัดสมองเนื่องจากไม่มีประสบการณ์การผ่าตัด
วัตถุประสงค์
1.มีความรู้ในการดูแลตนเองหลังจากกลับไปอยู่บ้านเกณฑ์การประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผล
1.ตอบได้ว่าดูแลตนเองอย่างไร อาการที่พบแพทย์เมื่อไร
การพยาบาล
1.ประเมินความรู้เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2.อธิบายให้ผู้ป่วย และญาติทราบถึงความจำเป็นที่มาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
3.ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเพื่อกลับทราบการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
ใช้หลัก D –METHOD
D : ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดที่สมองจากการที่ได้รับการกระทบกระเทือนการเกิดอุบัติเหตุ ระยะเวลาการหายของแผล ที่ 8 สัปดาห์ ผู้ป่วยผ่าตัดเลยระยะเวลามาแล้ว แต่อาการที่เป็นหรือมีน้ำไขสันหลังไหลออกมาทางจมูกซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องการที่มีฐานกะโหลกศีรษะแตกทำให้เกิดการรั่วออกมาได้ แต่อาการสามารถหายได้เองใน 1 สัปดาห์ คำแนะนำ
1.การทำกิจวัตรประจำวันสามารถทำได้ปกติ เนื่องจากเลยระยะเวลาของข้อห้ามในกิจวัตรประวันแล้ว แต่ไม่ควรทำกิจกรรมที่หนัก เช่น การวิ่ง การทำงานหนัก การยกของหนัก การไอหรือจามแรง การเบ่งถ่าย จะไปเพิ่มความดันในสมองจนส่งผลให้สมองเกิดการบวมขยายจนเกิดรูรั่วได้และ จะทำให้เกิดน้ำไหลออกมาซ้ำได้
2.อาการที่ต้องมาพบแพทย์ ปวดศีรษะรับประทานยาพาราแล้วไม่หาย มีน้ำใสไหลออกมาจากจมูกหรือหู ระดับความรู้ตัวลดลง ซึมลง ให้มาก่อนวันนัดเนื่องจากการรักษาที่เหมาะสมจะต้องใช้เครื่องมือการแพทย์มาร่วมวินิจฉัยด้วย
3.ญาติพูดคุยกับผู้ป่วย เนื่องจากผลข้างเคียงจากการผ่าตัดอาจทำให้มีการลืมเหตุการณ์ หรือคิดช้า แต่อาการก็ไม่ได้ร้ายแรง ให้เน้นการพูดคุยถึงเรื่องราวอดีตหรือปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการคิดของสมองมากขึ้น
M : Diamox 1x3 Oral tid pc. Sodamint 1x3 Oral tid pc. B-complex vitamins 1x3 Oral tid pc. ซึ่งเป็นยาลดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะ และยาลดกรดเพื่อไม่ให้เกิดความดันในช่องท้อง และยาบำรุง รับประทานให้ตรงเวลา และสม่ำเสมอถ้ามีอาการแพ้ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
T : การสังเกตอาการมีน้ำไหลออกจมูก ลักษณะแบบไหน จำนวน และอาการปวดศีรษะ
H : ไม่ทำกิจกรรมที่เพิ่มความดันในสมอง เช่น การออกกำลังกายหนัก การยกของหนักเกินตัว การไอจามแรงๆ การเบ่งถ่าย
O : มีนัดพบแพทย์ศัลกรรมชาย วันที่ 14 มกราคม 2561
D : รับประทานอาการได้ปกติ ทานอาหารหลากหลายเน้นโปรตีน ผัก ผลไม้ และทานอาหารที่บำรุงสมองเพื่ช่วยการจดจำ และฟื้นฟูระบบประสาทในสมอง
4.เปิดโอกาสให้ญาติและผู้ป่วยซักถามข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาได้
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า “อยู่บ้านไม่ค่อยทำอะไร ไม่ได้ทำงาน”
S : ผู้ป่วยบอกว่า “น้ำมันไหลมาได้หลายวันก่อนมาโรงพยาบาล ไม่ได้มา พอปวดหัวมากก็ถึงมาโรงพยาบาล”
A : การที่ผู้ป่วยสามารถมีความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อกลับบ้านได้อย่างดี ก็จะลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น ลดการมาโรงพยาบาลและมีผลดีต่อคนไข้ในการรับการรักษา และถ้ามีอาการผิดปกติก็ต้องรีบมาพบก่อนที่อาการจะแย่ลงหรือาจถึงเสียชีวิตได้ เพราะผู้ป่วยอาจคิดว่าไม่ได้เป็นอะไร