Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นวัณโรค (อาการและอาการแสดง (มีอาการไอ…
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นวัณโรค
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวค่อยๆลด ซีด
ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ตอนบ่าย
มีเหงื่อออกตอนกลางคืน
มีอาการไอ ในระยะแรกๆจะมีอาการไอแห้งๆต่อมาจึงมีเสมหะ มีลักษณะเป็นมูกปนหนอง แล้วจะไอมากเวลาเข้านอนหรือตื่นนอนตอนเ้ชา
อาการไอมักจะไอเรื้อรังนานกว่า 3 สัปดาห์
อาจรู้สึกแน่นหรือเจ็บหน้าอกโดยไม่มีอาการไอ
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
มารดา
แท้งเอง
คลอดก่อนกำหนด
ความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ (Preeclampsia)
ทารก
แรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย อาจทำให้มีปัญหาของระบบการหายใจ หายใจลำบาก
Apgar score ต่ำ
คลอดก่อนกำหนด
ทารกติดเชื้อวัณโรคตั้งแต่แรกเกิด
ตายในครรภ์ เกิดไร้ชีพ หรือตายเมื่อแรกเกิด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เน้น ปลา นม ไข่ เพิ่มอาหารที่มีวิตามินและธาตุเหล้กสูง ผลไม้ เพื่อว่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
งดเว้นสิ่งเสพติด เช่น เหล้า บุหรี่ จะทำให้อาการของโรคทรุดลง
สวมผ้าปิดจมูก ป้องกันการแพร่เชื้อสู่สมาชิกในครอบครัว
ไม่ไอจาม รดผู้อื่น
จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับทึบ เปิดหน้าต่างให้มีแสงสว่างเข้าถึง นำเครื่องนอนออกตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่นผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว
เน้นวิธีการรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด
เน้นการมาตรวจตามแพทน์นัด เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์ด้วย
ระยะคลอด
ดูแลให้ผู้คลอดพักผ่อนให้มากที่สุด ใช้แรงน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงการทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ถ้าผู้คลอดได้รับยาระงับประสาทและยาระงับความเจ็บปวด ให้ดูแลปฏิกิริยาสะท้อนในการไอของผู้คลอดด้วย เพราะปฏิกิริยานี้จะลดลง ผู้คลอดจะไม่สามารถไอเพื่อระบายเสมหะออกได้
ฟัง FHS และประเมินความก้าวหน้าของกาคลอดเป็นระยะเพื่อประเมินสภาวะของทารกในครรภ์
หลังคลอดรกแล้ว ดูและและคลีงมดลูกให้หดรัดตัวดี ป้องกันการตกเลือด
ระยะหลังคลอด
หลังคลอดควรแยกทารกจากมารดา จนกระทั่งการเพาะเชื้อจากเสมหะของมารดาได้ผลลบ
ในกรณีที่ไม่สามารถแยกทารกจากมารดาได้ แนะนำมารดาไม่ไอ จาม หรือหายใจรดหน้าทารก ควมสวมผ้าปิดจมูกเสมอป้องกันการแพร่เชื้อสู่ทารก
ทารกแรกเกิดทุกคนควรได้รับการตรวจ Tuberculin skin test เมื่อแรกเกิด พร้อมกับให้ INH และ rifampicin ทันทีหลังคลอด เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากมารดา และทำ Tuberculin skin test ซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 3 เดือน
วัคซีน BCG ที่ทารกแรกเกิดได้รับมีประโยชน์ในการป้องกันวัณโรคชนิดแพร่กระจายและวัณโรคเยื่อหุ้มสมอง แต่ไม่ช่วยป้องกันวัณโรคในผู้ใหญ่
การวินิจฉัย
การซักประวัติถึงอาการและอาการแสดง
การตรวจ Tuberculin skin test เป็นวิธีการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโดยการฉีดสารสกัดโปรตีนที่ได้จากเชื้อวัณโรค เรียกว่า purified protein derivative (PPD) ปริมาณ 5 tuberculin unit (0.1 ml) ฉีดในชั้นของผิวหนัง บริเวณแขนระหว่างข้อศอกกับข้อมือ หลังจากนั้น 48-72 ชั่วโมงจึงอ่านผลการแสดงปฏิกิริยาเฉพาะที่
คือ ผิวหนังจะนูนขึ้นคล้ายลมพิษ บวม แดง หรือเป้นตุ่มเล็กๆ
ไม่แนะนำให้ใช้ตรวจในสตรีตั้งครรภ์ หรือมารดาหลังคลอดขณะเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
การตรวจเอกซ์เรย์ปอด
การตรวจเสมหะเพื่อหาเชื้อวัณโรค
การเพาะเชื้อ (culture for mycobacterium tuberculosis)
การตรวจหาสารพันธุกรรมที่เชื้อวัณโรค (PCR หรือ polymerase chain reaction)
การตรวจย้อมหาเชื้อวัณโรค (acid fast bacilli staining)