Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ :recycle: (จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์ :tada:…
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ :recycle:
จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์
:tada:
[ (William Oughtred) พ.ศ.2173 ] วิลเลียม ออตเทรตนักคณิต
ศาสตร์ชาวอังกฤ พษได้ประดิษฐ์ ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule) ซึ่ง ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้าง คอมพิวเตอร์แบบอนาล็อก
[ พ.ศ.2185 ] เบลส์ ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส [ ได้ประดิษฐ์ เครื่องบวกลบ โดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุน ไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกปัดที่หน้า
[ พ.ศ.2365 ] ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ เครื่องหาผลต่าง (Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณ พิมพ์ค่าทางตรีโกณมิติ และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
ชาร์ล แบบเบจ ได้พยายามสร้าง เครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วน คือ
แนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วน :black_flag:
ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit)
ส่วนควบคุม (Control unit)
ส่วนคำนวณ (Arithmetic unit)
แนวคิดของชาร์ล แบบเบจ ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงได้มีการยกย่องให้ ชาร์ล แบบเบจ เป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค ( Lady Ada Augusta Lovelace ) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เข้าใจผลงานของชาร์ล แบบเบจ ได้เขียนวิธีการใช้เครื่องคำนวณของชาร์ล แบบเบจ เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ต่อมาจึงได้มีการยกย่องให้ เอดา เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
[พ.ศ.2393 ] ยอร์จ บูล ( George Boole) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิตระบบใหม่เรียกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะเพียงสองอย่าง คือ True (On) และ False (Off) ร่วมกับเครื่องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT, AND และ OR
ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์[ พ.ศ.2480-2481 ] ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ ( Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน
[ พ.ศ.2485-2495 ] มหาวิทยาลัยเพนซิลเลเนียได้สร้าง เครื่อง ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Calculator) นับได้ว่าเป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกที่ใช้หลอดสูญญากาศ และควบคุมการทำงานโดยวิธีเจาะชุดคำสั่งลงในบัตรเจาะรู
และควบคุมการทำงานโดยวิธีเจาะชุดคำสั่งลงในบัตรเจาะรู
ยุคของคอมพิวเตอร์
:star:
ยุคที่ 1 (1951-1958)
ข้อเสีย :red_cross:
หลอดสูญญากาศ มีความไม่น่าเชื่อสูง เป็นเหตุให้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการให้เครื่องทำงานได้
ภาษาที่ใช้โปรแกรม เป็นภาษเครื่องที่เป็นเลขฐานสอง ทำใหู้ที่สามารถโปรแกรมได้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น :forbidden:
ใช้หลอดสุญญากาศและดรัมแม่เหล็กเป็นส่วนสำคัญ
ดรัมแม่เหล็กถูกใช้เป็นหน่วยความจำหลัก
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรองที่ใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรม อยู่ในรูปของบัตรเจาะรู
ปลายยุคใช้เทปแม่เหล็กเป็นหน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะอยู่มในรูปของภาษาเครื่อง ซึ่งเป็นตัวเลขฐานสองทั้งสิ้น
ยุคที่ 2 (1959-1964)
ข้อเสีย
อุปกรณ์รับข้อมูล และแสดงผลทำงานได้ช้ามาก
คอมพิวเตอร์ต้องรอรับข้อมูล หรือการแสดงผลบ่อยๆ
ต่อมาได้มีการนำเอา การประมวลผลแบบขนาน (Parallel Processing) มาใช้ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับข้อมูล แสดงผลและประมวลผลได้พร้อมๆ กัน
ยุคที่ 3 (1965-1970)
Integrated Circuits หรือ IC ซึ่งประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ และวงจรไฟฟ้าที่รวมอยู่บนแผ่นซิลิกอนเล็กๆ มาแทนการประกอบแผ่นวงจรพิมพ์ลาย
มีมินิคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1965 คือเครื่อง PDP-8
มีการใช้งาน เทอร์มินัล (Terminal) ซึ่งเป็นจอคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทางคีย์บอร์ด (keyboard)
ภาษาโปรแกรมระดับสูงเกิดขึ้นมากมายในยุคที่สามเช่น RPG BASIC เป็นต้น
เริ่มมี ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ช่วยในการบริหารทรัพยากรคอมพิวเตอร์
ระบบแบ่งเวลา (Time Sharing) ทำให้สามารถต่อเทอร์มินัลจำนวนมากเข้าไปยังคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง โดยแต่ละคนสามารถทำงานในส่วนของตัวเองได้พร้อมๆกัน
ระบบคอมพิวเตอร์ :lock:
คอมพิวเตอร์
หมายถึง อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการคำนวณหรือประมวลผล และจัดการกับข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร จะทำงานตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ และประมวลผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ 5 ประการ
ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic machine)
การทำงานด้วยความเร็วสูง (Speed)
ความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (Accuracy and Reliability)
การเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก (Storage)
การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูล
ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว (Super Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เกิดเมื่อ ค.ศ.1960กระทรวงกลาโหมของ USA ใช้ในการคำนวณที่ซับซ้อน เช่น การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ การบิน อุตสาหรรมน้ำมัน งานควบคุมทางอวกาศ เป็นต้น
ข้อดี
:check: :
ทำงานได้รวดเร็ว /มีประสิทธิภาพสูง (ความเร็วในการประมวลผลคิดจะเป็นนาโนวินาที คือ 1 / พันล้านวินาที หรือ Giga Flop)
Multiprocessing คือ จะมีหน่วยประมวลผลได้หลายตัว
สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายร้อยคนพร้อมๆ กัน
ข้อเสีย
:green_cross:
ราคาแพง
ต้องอยู่ในห้องที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และปราศจากฝุ่น
เมนเฟรม (Mainframe)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รองลงมาจากเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไป สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายร้อยคนพร้อมๆ กัน
ข้อเสีย
:
ต้องอยู่ในห้องที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และปราศจากฝุ่น เหมือนเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ได้รับความนิยมน้อยลงเนื่องจาก คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมีประสิทธิภาพ และความสามารถดีขึ้น ราคาถูกลง
มินิคอมพิวเตอร์ (Mini computer)
ใช้ในองค์กรขนาดกลาง เพราะมีราคาถูกกว่าเครื่องเมนเฟรมมาก ใช้หลักการมัลติโปรแกรมมิ่ง เช่นเดียวกับเครื่องเมนเฟรม เครื่องมินิจะทำงานได้ช้ากว่า เครื่องเมนเฟรม รองรับการใช้งานได้น้อยกว่า เครื่องเมนเฟรม
เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (Server computer)
:
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์เครือข่าย ซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูลโปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro computer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้าง
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว (Embedded Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นิยมใช้งานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมบางอย่าง เช่น เตาอบไมโครเวฟ ระบบการเติมน้ำมัน นาฬิกาข้อมือดิจิตอลโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
องค์ประกอบของ
ระบบคอมพิวเตอร์
:checkered_flag:
ซอฟต์แวร์ (Software)
หมายถึง คำสั่งหรือโปรแกรมจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ และมีโปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียน
ซอฟต์แวร์สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
มีหน้าที่ ติดต่อ และควบคุม ส่วนประกอบของ ฮาร์ดแวร์ทั้งหมด เช่น
การนำข้อมูลมาแสดงทางจอภาพ เช่น จากฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
การเก็บข้อมูลลง ในแผ่น Diskette หรือ ในฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
และมีหน้าที่ แปลข้อมูลต่างๆ ให้เป็นภาษาเครื่อง Machine Language
บุคลากร (People ware / User
)
ซอฟต์แวร์ (Software)
หมายถึง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งได้หลายระดับ
User ผู้ใช้งานพื้นฐานทั่วไป
Power user ผู้ใช้งานที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ
Programmer ผู้สร้างโปรแกรมหรือ ผู้เขียนโปรแกรม
Computer Professional นักวิเคราะห์ระบบ หรือผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้งานได้สูงขึ้นไปอีก