Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ :!!: (ยุคของคอมพิวเตอร์ (ยุคที่2 (1959-1964)…
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ :!!:
จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์
จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์
[ ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ] ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus)
[ พ.ศ. 2158 ] จอห์น เนเพีย (John Napier) นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมา เรียกว่า Napier’s Bones มีลักษณะคล้ายกับตาราง
[ พ.ศ.2173 ] วิลเลียม ออตเทรต (William Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule) ซึ่ง ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้าง คอมพิวเตอร์แบบอนาล็อก
[ พ.ศ.2185 ] เบลส์ ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้ประดิษฐ์ เครื่องบวกลบ โดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุน ไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกที่หน้าปัด
[ พ.ศ.2288 ] โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด (Joseph Marie Jacquard) เป็นชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์ เครื่องทอผ้า โดยใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทอผ้าให้มีสี และลวดลายต่างๆ
[ พ.ศ.2365 ] ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ เครื่องหาผลต่าง (Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณ พิมพ์ค่าทางตรีโกณมิติ และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
itชาร์ล แบบเบจ ได้พยายามสร้าง เครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ
1.ส่วนเก็บข้อมูล
2.ส่วนควบคุม
3.ส่วนคำนวณ
แนวคิดของชาร์ล แบบเบจ ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงได้มีการยกย่องให้ ชาร์ล แบบเบจ เป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค ( Lady Ada Augusta Lovelace ) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เข้าใจผลงานของชาร์ล แบบเบจ ได้เขียนวิธีการใช้เครื่องคำนวณของชาร์ล แบบเบจ เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ต่อมาจึงได้มีการยกย่องให้ เอดา เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
[พ.ศ.2393 ] ยอร์จ บูล ( George Boole) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิตระบบใหม่เรียกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะเพียงสองอย่าง คือ True (On) และ False (Off) ร่วมกับเครื่องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT, AND และ OR
[พ.ศ.2393 ] ยอร์จ บูล ( George Boole) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิตระบบใหม่เร
[ พ.ศ.2480-2481 ] ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ ( Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
[ พ.ศ.2487 ] ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard Aiken) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ร่วมกับวิศวกรของบริษัทไอบีเอ็มได้สร้าง เครื่อง MARK I เป็นผลสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง MARK I นี้ยังไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่แท้จริงแต่เป็นเครื่องคิดเลขไฟฟ้าขนาดใหญ่เท่านั้น
[ พ.ศ.2485-2495 ] มหาวิทยาลัยเพนซิลเลเนียได้สร้าง เครื่อง ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Calculator) นับได้ว่าเป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกที่ใช้หลอดสูญญากาศ และควบคุมการทำงานโดยวิธีเจาะชุดคำสั่งลงในบัตรเจาะรู
[ พ.ศ.2492 ] ที่สามารถเก็บคำสั่งการปฏิบัติงานทั้งหมดไว้ภายในเครื่อง ชื่อว่า EDVAC นับเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่สามารถเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่องได้ดร.จอห์น ฟอน นิวแมนน์ ( Dr.John Von Neumann ) ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์
UNIVAC (Universal Automatic Computer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ
ระบบคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
หมายถึง อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการคำนวณหรือประมวลผล และจัดการกับข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร จะทำงานตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ และประมวลผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
การทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic machine)
การทำงานด้วยความเร็วสูง (Speed)
ความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (Accuracy and Reliability)
การเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก (Storage)
การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูล (Communication)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เกิดเมื่อ ค.ศ.1960กระทรวงกลาโหมของ USA ใช้ในการคำนวณที่ซับซ้อน เช่น การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ การบิน อุตสาหรรมน้ำมัน งานควบคุมทางอวกาศ เป็นต้น
ข้อดี/ข้อเสีย
ข้อดี
ทำงานได้รวดเร็ว /มีประสิทธิภาพสูง (ความเร็วในการประมวลผลคิดจะเป็นนาโนวินาที คือ 1 / พันล้านวินาที หรือ Giga Flop)
Multiprocessing คือ จะมีหน่วยประมวลผลได้หลายตัว
สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายร้อยคนพร้อมๆ กัน
ข้อเสีย
ราคาแพง
ต้องอยู่ในห้องที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และปราศจากฝุ่น
เมนเฟรม (Mainframe)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รองลงมาจากเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไป สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายร้อยคนพร้อมๆ กัน
เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (Server computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์เครือข่าย ซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูลโปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro computer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้าง
คอมพิวเตอร์แบบฝังตัว (Embedded Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นิยมใช้งานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมบางอย่าง เช่น เตาอบไมโครเวฟ ระบบการเติมน้ำมัน นาฬิกาข้อมือดิจิตอลโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
มินิคอมพิวเตอร์
ใช้ในองค์กรขนาดกลาง เพราะมีราคาถูกกว่าเครื่องเมนเฟรมมาก ใช้หลักการมัลติโปรแกรมมิ่ง เช่นเดียวกับเครื่องเมนเฟรม เครื่องมินิจะทำงานได้ช้ากว่า เครื่องเมนเฟรม รองรับการใช้งานได้น้อยกว่า เครื่องเมนเฟรม
องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
ซอฟต์แวร์
หมายถึง คำสั่งหรือโปรแกรมจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ และมีโปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียน
ซอฟต์แวร์สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
เป็นโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดทำเอกสาร การทำบัญชี ตลอดจนด้านอื่นๆ
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น Express, Easy เป็นต้น
ซอฟต์แวร์สำหรับงาน
บุคลากร
หมายถึง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งได้หลายระดับ
User ผู้ใช้งานพื้นฐานทั่วไป
Power user ผู้ใช้งานที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ
Programmer ผู้สร้างโปรแกรมหรือ ผู้เขียนโปรแกรม
Computer Professional นักวิเคราะห์ระบบ หรือผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้งานได้สูงขึ้นไปอีก
ข้อมูลสารสนเทศ
ในการทำงานต่างๆ จะมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ระบบคอมพิวเตอร์สามารถแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลดิบที่ได้จากแหล่งต่างๆ
สารสนเทศ หมายถึง สิ่งที่ได้จากการนำเอาข้อมูลไปผ่านกระบวนการหนึ่งก่อนแล้ว
กระบวนการทำงาน
หมายถึง ขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ผู้ใช้งานต้องรู้กระบวนการทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ศึกษาขั้นตอนการใช้งานได้จากคู่มือการใช้งาน หรือเอกสารประกอบการใช้งาน (Operation Manual, User Manual) ตัวอย่างเช่น
ขั้นตอนการใช้งาน ATM,
ขั้นตอนการตั้งค่านาฬิกาดิจิตัล
เป็นต้น
ยุคของคอมพิวเตอร์
ยุคที่1(1951-1958)
ใช้หลอดสูญญากาศ และ ดรัมแม่เหล็ก เป็นส่วนสำคัญ
ดรัมแม่เหล็ก ถูกใช้เป็นหน่วยความจำหลัก
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง ที่ใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรม อยู่ในรูปของบัตรเจาะรู
ปลายยุคใช้เทปแม่เหล็กเป็นหน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ จะอยู่ในรูปของภาษาเครื่อง ซึ่งเป็นตัวเลขฐานสองทั้งสิ้น
ยุคที่1 (1951-1958)
ข้อเสีย
หลอดสูญญากาศ มีความไม่น่าเชื่อสูง เป็นเหตุให้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการให้เครื่องทำงานได้
ภาษาที่ใช้โปรแกรม เป็นภาษาเครื่องที่เป็นเลขฐานสอง ทำให้ผู้ที่สามารถโปรแกรมได้ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ยุคที่2 (1959-1964)
แทนที่หลอดสูญญากาศด้วย ทรานซิสเตอร์
หน่วยความจำพื้นฐานใช้ Magnetic core
หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง เป็น Magnetic disk ซึ่งมีความเร็วสูงขึ้น
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ถูกรวมกันไว้ใน แผ่นวงจรพิมพ์ลาย (Printed circuit boards) ทำให้วิเคราะห์หาข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
ภาษาที่ใช้เป็นระดับสูงเช่น FORTRAN และ COBOL ทำให้โปรแกรมได้สะดวกกว่ายุคแรกเนื่องจากไวยากรณ์คล้ายคลึงภาษาอังกฤษ
เริ่มมี Compiler และ Interpreter
ในการแปลงภาษาระดับสูงเป็นภาษาเครื่อง
ยุคที่2 (1959-1964)
ข้อเสีย
อุปกรณ์รับข้อมูล และแสดงผลทำงานได้ช้ามาก
คอมพิวเตอร์ต้องรอรับข้อมูล หรือการแสดงผลบ่อยๆ
ต่อมาได้มีการนำเอา การประมวลผลแบบขนาน (Parallel Processing) มาใช้ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับข้อมูล แสดงผลและประมวลผลได้พร้อมๆ กัน
ยุคที่3 (1965-1970)
Integrated Circuits หรือ IC ซึ่งประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ และวงจรไฟฟ้าที่รวมอยู่บนแผ่นซิลิกอนเล็กๆ มาแทนการประกอบแผ่นวงจรพิมพ์ลาย
มี มินิคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1965 คือเครื่อง PDP-8
มีการใช้งาน เทอร์มินัล (Terminal) ซึ่งเป็นจอคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทางคีย์บอร์ด (keyboard)
ยุคที่3 (1965-1970)
ภาษาโปรแกรมระดับสูงเกิดขึ้นมากมายในยุคที่สามเช่น RPG BASIC เป็นต้น
เริ่มมี ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ช่วยในการบริหารทรัพยากรคอมพิวเตอร์
ระบบแบ่งเวลา (Time Sharing) ทำให้สามารถต่อเทอร์มินัลจำนวนมากเข้าไปยังคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง โดยแต่ละคนสามารถทำงานในส่วนของตัวเองได้พร้อมๆกัน
ยุคที่4 (1970-1975)
แผงวงจรรวม (Large –Scale Integration : LSI)
เกิด Microprocessor ตัวแรก ซึ่งเป็นการใช้แผ่นชิปแผ่นเดียวสำหรับเก็บ หน่วยควบคุม (Control Unit) และหน่วยคำนวณตรรกะ (Arithmetic and logic unit) ของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
สามารถเก็บทรานซิสเตอร์ได้นับล้านตัวไว้ในชิปเพียงแผ่นเดียว
มีการเพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลของ หน่วยบันทึกข้อมูลสำรอง
ยุคที่5 (1975-ปัจจุบัน)
แผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (Very Large –Scale Integration : VLSI)
ปี ค.ศ.1975 ได้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเป็นเครื่องแรกคือเครื่อง Altair ซึ่งใช้ชิปของ Intel 8080
ซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนามากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้นซับซ้อนมากขึ้น เช่น Visual Programming, Object-Oriented Programming (OOP)
การพัฒนาอื่นๆ เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง, ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network, LAN),ระบบเครือข่ายระยะไกล (Wide Area Network,WAN )