Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Twin Pregnancy (ภาวะแทรกซ้อนของหญิงตั้งครรภ์ (อาการแพ้ท้องรุนแรงกว่าปกติ…

- - - - เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่น ๆ กับมารดาและทารกในครรภ์
- - - - จากปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นและขนาดมดลูก
    - - มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสิบห้าถึงยี่สิบห้าปอนด์
      - ซึ่งตั้งครรภ์ปกติมักมีน้ำหนักขึ้นสิบถึงยี่สิบปอนด์
- - - - เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดได้มากขึ้น
  - - - ทางฝ่ายคุณแม่มากกว่าทางฝ่ายคุณพ่อ
      - เสี่ยงต่อการแท้งบุตรและเสียบุตรในครรภ์
- - - - เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงมดลูกและบริเวณรกมากขึ้น
        
        เพื่อป้องกันทารกในครรภ์เกิดภาวะขาดออกซิเจน
  - - - เช่น การหดรัดตัวของมดลูก การสูญเสียเลือด สัญญาณชีพ
  - - - ประเมินภาวะ fetal distress
- - - - การประเมินรกและถุงน้ำคร่ำ (Chorionicity and amnionicity)
        
        หากพบว่าการตั้งครรภ์เป็นชนิด Monochorion monoamnion จะต้องมีการติดตามเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิด
        
        แม่นยำที่สุดหากตรวจในไตรมาสแรกหรือต้นไตรมาสที่ 2
      - การประเมินอายุครรภ์
        
        ระยะหลังของการตั้งครรภ์
        
        หลังจาก 28-30 สัปดาห์ Biparietal diameter (BPD) และ Abdominal circumference (AC) จะเจริญช้ากว่าในครรภ์เดี่ยว
        
        Femur length (FL) จะเจริญได้ใกล้เคียงครรภ์เดี่ยว
        
        ระยะแรกของการตั้งครรภ์
        
        คำนวณได้จากค่าเฉลี่ยของ Crown-rump length (CRL)
        
        มีความแม่นยำเหมือนครรภ์เดี่ยว
      - การตรวจติดตามการเจริญเติบโตของทารก
        
        Dizygotic twins อาจมีขนาดต่างกันเล็กน้อย
        
        เนื่องจากสารพันธุกรรมที่ต่างกัน
        
        Monozygotic twins ควรมีขนาดใกล้เคียงกัน
        
        เนื่องจากมีสารพันธุกรรมเหมือนกัน
        
        การติดตามการเจริญของทารกจะใช้ค่ามาตรฐานของ FL และ AC ของทารกในครรภ์แฝดมาเปรียบเทียบ
        
        โดยประเมินเป็นอัตราส่วน FL:AC เนื่องจากจะเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าครรภ์เดี่ยวไปเรื่อยๆ จนครบกำหนดคลอด
  - - - FHS ห่างกันอย่างน้อย 20 bpm
- - - - จากการที่ทารกไม่ใช่ท่าศีรษะ หรือ ส่วนนำของทารกขัดกันทำให้ลงสู่อุ้งเชิงกรานไม่ได้
  - - - เกิดจากการมีการเชื่อมต่อและถ่ายเทเลือดที่ไม่สมดุลระหว่างทารกทั้งสอง ทารกที่เสียเลือดให้อีกคน จะเกิดภาวะโลหิตจาง โตช้าในครรภ์ น้ำคร่ำน้อย ส่วนทารกที่ได้รับเลือดจะเกิด ภาวะหัวใจล้มเหลว บวมน้ำ น้ำคร่ำมาก
        
        จากบทความวิจัย เรื่อง ผลที่ตามมาหลังคลอดของทารกฝาแฝดที่อีกคนเสียชีวิตในครรภ์
        
        เปรมศักดิ์ เหล่าอยู่คง พ.บ , สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี