Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของมารดาหลังคลอด (ทางสรีรวิทยา (ระบบสืบพันธุ์ (labia majora…
การเปลี่ยนแปลงของมารดาหลังคลอด
ทางสรีรวิทยา
ระบบหายใจ
ขนาดของทรวงอกและช่องท้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณอากาศที่ค้างอยู่ในปอดเพิ่มขึ้น
ความจุอากาศขณะหายใจเข้าลดลง
ระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย
มารดาหลังคลอดจะเริ่มหิวและกระหายน้ำทันทีให้ดื่มน้ำหวานหรือโอวัลตินอุ่นๆ
อาจมีอาการท้องผูกเกิดจากการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
ระบบไหลเวียนเลือด
หลังคลอดทันทีการไหลเวียนเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระหว่างการคลอดชีพจรช้าจะเหลือประมาณ 60-70 bpmหรืออาจเหลือเพียง 40-50 bpm
มีเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติถึงร้อยละ 20
ระบบสืบพันธุ์
ฝีเย็บ
ฝีเย็บจะบวมช้ำหลังคลอด
กรณีตัดฝีเย็บจะเกิดการดึงรั้งของแผลทำให้มารดาไม่สุขสบาย
กล้ามเนื้อเชิงกราน
ความแข็งแรงจะค่อยๆกลับคืนแต่อาจจะไม่เหมือนเดิม
เยื่อพรหมจรรย์จารีย์
มีการฉีกขาดกระรุ่งกระริ่ง
เรียกว่า caruncalae myiforms
labia majora & labia minora
อ่อนนุ่มเหี่ยวเล็กลง
เกิดจากการลดระดับของ estrogen และ progesterone
ทำให้การคลั่งของน้ำในเซลล์ลดลง
ช่องคลอด
การเปลี่ยนแปลงของช่องคลอดจะค่อยๆ ลดขนาดลงแต่ไม่กลับสู่สภาพเดิม
เนื่องจากมีการยืดขยายและมีการหย่อนของผนังช่องคลอด
ช่องคลอดยังคงนิ่มและผนังช่องคลอดจะเรียบจนสัปดาห์ที่ 3
ปากมดลูก
ภายหลังคลอด 1 สัปดาห์ปากมดลูกจะหดตัวตีบลงเหลือ 1-2 cm
ก่อนตั้งครรภ์รูปากมดลูกจะเป็นรูกลม
เมื่อผ่านการคลอดแล้วรูปากมดลูกจะเป็นรูปรี
เนื้อเยื่อบุและผนังช่องท้อง
จะกลับคืนสู่สภาพเดิมในระยะ 6 สัปดาห์
รอยแตกของผิวหนังถ้ากล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนจะทำให้เกิดปัญหาในการตั้งครรภ์หรือการคลอด
เยื่อบุโพรงมดลูก
ระยะที่1
ระยะ 2-3 วันหลังคลอดสารคัดหลั่งที่ถูกขับออกจากแผลมีสีแดงสด
เรียกว่า lochia rubra
ระยะที่ 2
ระยะภายหลังคลอด 2-3วันหลังคลอดน้ำคาวปลาจะเป็นสีจางหรือคล้ำ
เรียกว่า lochia serosa
ระยะที่ 3
ระยะ 7-10 วันหลังคลอดน้ำคาวปลามีมูกสีเหลืองปน
เรียกว่า lochia alba
การตกไข่และประจำเดือน
ไม่ได้เลี้ยงทารกด้วยนมมารดาจะมีประจำเดือนใหม่ใน 7-9 สัปดาห์หลังคลอด
เลี้ยงลูกด้วยนมมารดาประจำเดือนจะมาใหม่เดือนที่ 9 หลังคลอด
เต้านม
ในระยะให้นมบุตรจะมีขนาดของเต้านมใหญ่เกิดจากระดับฮอร์โมน estrogen และ progesterone
ใน 1-2 วันแรกหลังคลอดเต้านมจะขับน้ำเหลืองใสๆเรียกว่า หัวน้ำนม colostrum
มดลูก
ลดระดับลงวันละ 1/2 - 1 นิ้วและเล็กลงเรื่อยๆ
เรียกว่ามดลูกเข้าอู่
สาเหตุของมดลูกเข้าอู่
การย่อยสลายตัวเอง
การขาดเลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อมดลูก
การบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
ภายหลัง 24 ชมไปแล้วมดลูกจะลอยขึ้นมาอยู่เหนือสะดือและเฉียงไปทางขวา
ระบบทางเดินปัสสาวะ
จะพบโปรตีนในปัสสาวะอาจทำให้ทางเดินปัสสาวะมีการติดเชื้อได้ง่าย
ระบบผิวหนัง
หลังคลอดฝ้าบริเวณใบหน้าจะค่อยจางลง
สีของลานนม เส้นกลางหน้าท้องและรอยแตกมีสีจางลง
ร่างกายจะขับน้ำออกทางผิวหนังเพิ่มขึ้น
น้ำหนักตัว
หลังคลอดทันทีน้ำหนักจะลดลง 4-8 kg
การลดลงของน้ำหนักขึ้นอยู่กับพฤติกรรมสุขภาพด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย
ทางจิตสังคม
การปรับตัวกับบทบาทมารดา
ระยะที่ 1 taking in phase
ระยะพึ่งพา เกิดในระยะ 1-2 วันแรกหลังคลอด
ระยะที่ 2 taking hold phase
ระยะมารดาช่วยเหลือตัวเองได้ช่วง 3-10 วันหลังคลอด
ระยะที่ 3 letting go phase
ระยะที่สามีและภรรยาต้องพึ่งพากันภายหลัง10วันหลังคลอด
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดา ทารกและครอบครัว
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก
การสัมผัส
ใช้นิ้วสัมผัสแขน ขา ฝ่าเท้า
ตอบสนองโดยการจับมือ
การประสานสายตา
จะเกิดความผูกพันธ์ใกล้ชิด
การใช้เสียง
เป็นการตอบสนองทันทีที่ทารกเกิด
มารดาจะรอฟังเสียงทารกร้องครั้งแรกเพื่อยืนยันว่าทารกมีสุขภาพดี
การเคลื่อนไหวตามเสียงพูด
ทารกเริ่มมีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
เช่นยิ้ม หัวเราะ ยกศีรษะ
จังหวะชีวภาพ
ภายหลังคลอดทารกมีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม
การรับกลิ่น
มารดาจะแยกกลิ่นทารกจากทารกอื่นภายใน 3-4 วันหลังคลอด
ทารกแยกกลิ่นน้ำนมของมารดาได้ภายใใน 6-10วันหลังคลอด
การให้ความอบอุ่น
การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม
การสร้างสัมพันธภาพ
ระยะสร้างความคุ้นเคย
เกิดในช่วง 2-3 วันแรก
มีการเรียนรู้ลักษณะ อุปนิสัยรวมถึงการที่มารดาให้นมทารกได้
ระยะควบคุมซึ่งกันและกัน
เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันหลังคลอด
เช่นการให้นม การอาบน้ำ
ระยะแนะนำตัว
เป็นระยะที่มารดาและทารกมีปฎิสัมพันธ์กัน
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบ่อย
การใช้นิ้วเขี่ยที่ฝ่ามือทารก
การลูบศีรษะทารก
ระยะแลกเปลี่ยนปฎิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
มารดายิ้มแสดงความพอใจทารกจะยิ้มรับ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสัมพันธภาพ
ด้านมารดา
การขาดประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตร
การขาดระบบช่วยเหลือ
การโศกเศร้าจากการสูญเสียบุคคลสำคัญ
การไม่ได้เตรียมตัวการมีบุตร
ด้านบิดา
เกิดการเข้าใจผิดเกี่ยวกับหน้าที่การเลี้ยงดูบุตร
เกิดความขัดแย้งในครอบครัว
ด้านทารก
สภาวะสุขภาพของทารก
พฤติกรรมการตอบสนองของทารก
ด้านเศรษฐกิจ
การตั้งครรภ์ทำให้ครอบครัวต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย
ปัจจัยด้านสังคม
ความเชื่อ
ความพร้อมและการวางแผนมีบุตร
เจตคติต่อบทบาททางเพศและการยอมรับความเท่าเทียม
อายุและวุฒิภาวะ
บิดามารดาในวัยผู้ใหญ่จะมีวุฒิทางอารมณ์และความพร้อมที่ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมสัมพันธภาพ
กระตุ้นให้มพันธ์มารดามีปฎิสัมพันธ์ที่ดีต่อบุตร
เป็นตัวแบบ
โดยการพูดคุย
โดยการสัมผัส
ตอบสนองความต้องการด้านร่างกาย จิตใจ
เปิดโอกาสให้มารดาบิดา ทารกอยู่ร่วมกัน
ให้กำลังใจและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลบุตร
ติดตามสัมพันธภาพอย่างต่อเนื่อง
จัดให้มารดาหลังคลอดได้อยู่กับทารกโดยเร็ว
ส่งเสริมให้มารดาได้สัมผัสทารก
โดยการโอบกอดใน ชมแรกหลังคลอด
ความผูกพันธ์และสัมพันธภาพ
พฤติกรรมระหว่างมารดากับทารก
การสัมผัส
ประสานสายตา
การรับรู้กลิ่นกาย
พฤติกรรมระหว่างทารกกับมารดา
การประสานสายตา
การร้อง
การเคลื่อนไหวของเสียงพูด
สนับสนุนให้มารดาโอบกอดลูกภายใน 30 นาทีหลังคลอด