Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Left epidural hematoma ภาวะเลือดออกบริเวณเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก…
Left epidural hematoma
ภาวะเลือดออกบริเวณเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก
ความหมาย
ภาวะที่มีเลือดออกระหว่างกะโหลกศีรษะและเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก คือชั้นที่เรียกว่า ดูรา (Dura) โดยเกิดจากการฉีกขาดของหลอดเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมอง หรือหลอดเลือดระหว่างกะโหลกศีรษะและเยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา ส่งผลให้เนื้อสมองมีการถูกกดเบียด
สาเหตุ
อุบัติเหตุที่ศีรษะ ทั้งอุบัติเหตุทางการจราจร ตกจากที่สูง การกระแทกที่ศีรษะ หรือจากการเล่นกีฬา
ผู้ป่วย: ถูกตีบริเวณศรีษาะด้านซ้าย
อาการและอาการแสดง
ภาวะสับสน วิงเวียนศีรษะ ซึมลง ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนพุ่ง ชัก
แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก พูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก รอยฟกช้ำบริเวณเบ้าตา หลังหู (จากล้มแล้วมีเลือดออก) น้ำใสๆไหลออกจากหู และ/หรือจากจมูก (CSF rhinorrhea, น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง, ที่เกิดจากมีรอยฉีกขาดของเยื่อหุ้มสมอง) หมดสติ โคม่า
ผู้ป่วย: ภาวะสับสน ปวดศีรษะ pain score 3/10 คะแนน ขาอ่อนแรง motor power grade 4 มึนศีรษะ
การวินิจฉัยโรค
ผู้ป่วย : (18/7/61)ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (Computed tomography scan; CT scan) พบ Linear skull fracture at left Linear skull fracture at left temporal Bone epidural hematoma along left temporal convexity, measured about 1.5 cm in sickness Small amount of pneumocephalus. hemorrhagic Brain contusion at right temporal lobe sized up to 1.3 x 2.0 cm about 0.5 cm left to right middle shifting hemorrhage in left sphenoid sinus.
(พบกะโหลกศีรษะด้านซ้ายร้าว ก้อนเลือดในเยื่อหุ้มสมอง หนา 1.5 cm มีลมในกะโหลกศีรษะเล็กน้อย สมอง มีเลือดออกบริเวณด้านขวาของศีรษะขนาด1.3 x 2.0 cm มีการเคลื่อนย้ายของสมองจากซ้ายไปขวา พบเลือดออกจมูกด้านซ้าย )
(23/7/61)พบ newly seen evidence of left parietal craniotomy with decreased thickness of adjacent epidural hematoma (now about 3 mm ) but increased thickness of epidural hematoma at left middle cranial fossa/left temporoshenoidal convexity (up to 2.1 cm in thickness) and left posterior parietal convexity (0.5 cm in thickness) increased degree of left cerebral swelling a 7-mm hemorrhage focus at cortical/gray-white junction at left parietal lobe thin subdural hemorrhage along posterior falx cerebri and tentorial cerebelli further defined hemorrhagic brain contusion at right temporal lobe again seen liner fracture at left sphenotemporal bones about 5-mm midline shift to the right no hydrocephalus or brain herniation (ผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะพบ ก้อนเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองมีความหนาลดลงเหลือ 3 mm แต่พบก้อนเลือดที่มีความหนาเพิ่มมากขึ้นบริเวณกลางเนื้อสมองด้านซ้ายขนาด 2.1 cm พบสมองมีการบวมเพิ่มมากขึ้นสมองช้ำบริเวณข้างขวาของโลกพบสมองถูกกดเบียดจากด้านซ้ายไปด้านขวาไม่พบภาวะโพรงสมองข้างน้ำและหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท)
ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (Computed tomography scan; CT scan) อาจพบว่ามีสมองฟกช้ำหรือสมองฉีกขาด หรือมีเลือดออกในสมอง ตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก (Magnetic resonance imaging; MRI ) จะพบตำแหน่งที่มีเลือดออกในสมองได้ ฉีดสีเข้าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง (Cerebral angiography) เพื่อดูตำแหน่งเลือดออกในสมอง และภาวะสมองชอกช้ำจากการกระแทก ดูได้ทั้งด้านข้าง ด้านหน้า และด้านหลังกะโหลกศีรษะ
พยาธิสรีรภาพ
เลือดออกบริเวณเหนือเยื่อหุ้มสมองดูรา ส่วนใหญ่เกิดจากแขนงของหลอดเลือด middle meningeal artery ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่เลี้ยงเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เลือดมักออกบริเวณที่ถูกกระทบโดยตรง (coup injury) และสัมพันธ์กับการแตกของกะโหลกศีรษะ ผู้ป่วยอาจมีอาการแสดงที่เป็น classic manifestation คือ สลบไปชั่วครู่หลัง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเนื่องจากมี cerebral concussion หลังจากนั้นตื่นมาปกติ ซึ่งช่วงนี้เรียกว่า “lucid interval” แล้วซึมลงอีก ครั้งหลายชั่วโมงถัดมา เนื่องจาก increased ICP อย่างไรก็ตาม lucid interval นี้พบได้เพียง 20% เท่านั้น ผู้ป่วยที่มี EDH ถ้า ได้รับการผ่าตัดโดยรวดเร็วผู้ป่วยมักมีการพยากรณ์โรคที่ดี สามารถกลับมาปกติได้ เนื่องจาก primary brain injury ไม่มาก ซึ่ง ต่างกับเลือดออกในสมองชนิดอื่น ๆ แต่ถ้าได้รับการผ่าตัดช้า อาจเกิดสมองขาดเลือดจาก ICP ที่สูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้ เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้
จากการได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะด้านซ้ายส่งผลให้หนังศีรษะ ที่ทำหน้าที่ปกป้องและลดอันตรายแก่กะโหลกศีรษะช้ำบวม และมีการหลุดของผิวหนังและมีการฉีกขาดเป็นบาดแผลขอบไม่เรียบกะโหลกศีรษะด้าน temporal Bone แตกร้าว และ มีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มดูรา ส่งผลให้เนื้อสมองช้ำและมีเลือดออกบริเวณชั้น epidural การเกิดหลอดเลือดฉีกขาดจนทำให้เกิดก้อนเลือดมี ทำให้หลอดเลือดที่แตกแขนงไปเลี้ยงกะโหลกศีรษะถูกดึงรั้งจนฉีกขาด การที่เลือดออกจากหลอดเลือดจะทำให้มีก้อนเลือดขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยแรงดันในหลอดเลือดแดงและก้อนเลือดจะเซาะหลอดเลือดออกจากกะโหลกศีรษะ จึงทำให้มีการฉีกขาดของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกะโหลกศีรษะเพิ่มเกิดจุดเลือดออกมากขึ้นและเกิดเป็นก้อนเลือดที่รวมตัวจากการมีเลือดออกจากหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ middlemeningeal หลอดเลือดดำ superior sagittal sinus และ diploic ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการเลวลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาต่อมา ซึ่งเลือดออกเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดเป็นก้อนเลือดในชั้น epidural ส่งผลให้ก้อนเนื้อกดดันสมองฝั่งซ้าย เคลื่อนไปทางด้านขวา เกิดภาวะ IICP Temporal lobe ทำหน้าที่ควบคุมการได้ยิน การดมกลิ่น และ Parietal lobe ทำหน้าที่ควมคุมความรู้สึกด้านการสัมผัส การพูด การรับรส
การรักษา
ได้รับการผ่าตัดCraniotomy with clot remove left epidural (การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะนำก้อนเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองด้านซ้ายออก)
Beradual 1 NB q 6 hr
Dilantin 2 tab oral bid pc
Embol (400) 1 tab oral tid pc
Vitamin B1-6-12 1 tab oral pc
Sennolax 2 tab oral bid.pc
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.มีไข้เนื่องจากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
2.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่สมองจากการผ่าตัดเอาก้อนเลือดออก
เสี่ยงต่อการเกิดแผลผ่าตัดติดเชื้อเนื่องจากมีแผลเปิดสู่ภายนอก
4.เสี่ยงพร่องออกซิเจนเนื่องจากการระบายอากาศลดลงจากการมีเสมหะ
5.เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกซ้ำจากสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากการผ่าตัด
6.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะชักเนื่องจากมีพยาธิสภาพที่สมอง
7.พร่องกิจวัตรประจำวันเนื่องจากมีภาวะสับสนและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
8.เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะสับสนจากการมีพยาธิสภาพที่สมองและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้