มารดา G1P0A0L0 GA 37+4 weeks
Chief complaint
G1P0A0L0 GA 37+4 weeks เจ็บครรภ์ มีท้องปั้น ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน ก่อนมาโรงพยาบาล 2 ชั่วโมง
Present illness
11 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มารดาให้ประวัติว่า เริ่มมีอาการเจ็บท้อง ท้องปั้น ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน แต่ยังไม่ไปพบแพทย์เนื่องจากรอดูอาการว่าเป็นเจ็บครรภ์จริงหรือเจ็บครรภ์เตือน
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการเจ็บครรภ์มากขึ้นจึงไปตรวจที่ คลินิกแพทย์สุจิตรา
ผลการตรวจ น้ำหนัก 68 กิโลกรัม การตรวจปัสสาวะ Ng/Ng ความดันโลหิต 130/74 mmHg ขนาดของมดลูก 34 cms. ท่าของเด็ก Vertex อายุครรภ์ GA 37+4 weeks PV=3cms MI station -1
แพทย์จึงพิจารณาให้ Admit
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการในการฝากครรภ์
16 ม.ค. 2561
Blood group/Rh :B Rh+
DCIP: positive
MCV: 79.6
ไวรัสตับอักเสบ บี: Negative
Hct: 35.5%
ซิฟิลิส VDRL: Non Reactive
ตรวจหาเชื้อHIV : Negative
สรุปอาการก่อนรับไว้ในความดูแล
มารดา G1P0A0L0 GA 37+4 weeks by U/S Last Menstrual Period : LMP 27 ตุลาคม 2560 (5วัน) , Estimated Date of Confinement : EDC 3 สิงหาคม 2561 ฝากครรภ์ที่ คลินิก
แพทย์สุจิตา จำนวน 10 ครั้ง
ได้รับ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก Diphtheria tetanus vaccine (dT) = กระตุ้น 1 เข็ม (5 เมษายน 2561) น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 53 กิโลกรัม น้ำหนักก่อนคลอด 68 กิโลกรัม ส่วนสูง 160 เซนติเมตร Total weight gain= 15 กิโลกรัม BMI= 26.56 kg/m2
การตรวจหน้าท้อง Height of fundus ¾ >Umbilical 34 cms. FHS 140 b/min Position: ROA (Right Occiput anterior) HE (Head Engagement), EFW (Estimated fetal weight) = 3,200 grams. Per Vaginal examination พบ Dilatation of cervix 3 cms. Effacement 50%, station -1, MI (Membrane Intact), ส่วนนำของทารก Vertex Presentation, Contraction: Interval = 3 นาที , Duration = 45 วินาที, Intensity = moderate (++) ผลการตรวจหาโปรตีนปัสสาวะ (Urine Albumin) =Negative ผลการตรวจหาน้ำตาลปัสสาวะ (Urine Sugar) =Negative
ปัญหาและการพยาบาลระยะที่ 1 ของการคลอด
มารดาอยู่ในระยะ Latent phase
เมื่อเข้าสู่ระยะ Active phase เวลา 11.25 น.
แพทย์ได้พิจารณาทำการชักนำการคลอดด้วยการเจาะน้ำคร่ำ Paravaginal cervix Dilatation = 4 cm Effacement= 50% Membranes= MR Station= -1 contraction Interval= 2’25” Duration= 50” ต่อมาเวลา 13.30 น. Off syntocinon IV แพทย์วินิจฉัยมารดามีภาวะ Prolong Active phase จึงให้ Set OR for C/S Due to CPD
Bishop Scoring system: กรณีเคสนี้ได้ 8 คะแนน จะชักนำการคลอดได้สำเร็จร้อยละ 95.2
Paravaginal cervix Dilatation= 3 cm ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก 5%DN/2 1000ml+syntocinon 10 unit vein drip rate 8cc/hr. เวลา 07.45 น.
ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ของการคลอด
ระยะที่ 2 ของการคลอด ด้านมารดา
ระยะที่ 2 ของการคลอด ด้านทารก
เมื่อวันที่ 18 กรกาคม 2561 ชนิดการคลอดผ่าตัดคลอด C/S เข้าห้องผ่าตัดเวลา 14.04 น. เริ่มผ่าตัดเวลา 14.15 น. ทารกคลอดเวลา 14.18 น. Technique GA with ETT Tube size 6.5 mm ID Depth 20 cm.
ทารกเพศชาย เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 เมื่อเวลา 14.18 น. น้ำหนัก 2680 กรัม ยาว 49 cms รอบหัว 33 cms รอบอก 30 cms
ดูด OG tube ได้สีขาวขุ่น จำนวน 6 cc
สัญญาณชีพทารก T:36.6 °C HR: 154/min RR: 46/min SpO2 95%
APGAR scor: นาทีแรก 9
ระยะที่ 3 ของการคลอดด้านมารดา
Blood loss 300 น้ำหนักรก 500 กรัม ชิดริม 5 cm ห่างริม 5 cm
ระยะที่ 3 ของการคลอด ด้านทารก
อัตราการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ
มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นดีการหายสม่ำเสมอ ไม่มีหายใจเหนื่อยหอบ ไม่มีหายใจจมูกบาน ไม่มีอกไก่ อกบุ๋ม อกถังเบียร์ ทารกไม่มีความผิดปกติ ร่างกายทารกแรกเกิดให้ยา Vitamin K 0.5 ml. ฉีดทางหน้าขาด้านขวา
APGAR scor: นาที 9,10,10
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลก่อนการผ่าตัด
- วิตกกังวลกลัวเนื่องจากขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด
- ขาดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผ่าตัดและการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องภายหลังผ่าตัด
- ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยากระตุ้นมดลูก
- ผู้คลอดขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัติตัวขณะชักนำการคลอด
- ความรู้สึกด้อยคุณค่าในตนเองเนื่องจากไม่สามารถคลอดทางช่องคลอด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลขณะผ่าตัด
ด้านมารดา
เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดขณะคลอด เนื่องจากมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อบริเวณแผลผ่าตัด
ด้านทารก
- มีโอกาสเกิดภาวะพร่องออกซิเจนได้เนื่องจากทางเดินลมเข้าปอดไม่สะดวก
- มีโอกาสเกิดภาวะอุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่าปกติเนื่องจากการสูญเสียความร้อนของร่างกาย
- มีแนวโน้มเกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย เนื่องจากมีสารที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดต่ำ (vitamin K dependent factors)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลหลังผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลหลังผ่าตัดทันที หรือระยะพักฟื้น
- เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดจากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
- เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังได้รับยาระงับความความรู้สึก
- ปวดแผลผ่าตัดมาก เนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บจากการผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลหลังผ่าตัดระยะต่อมา
1.มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในร่างกายจากแผลผ่าตัด เนื่องจากมีแผลผ่าตัดและแผลในโพรงมดลูก
- ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัดคลอดบริเวณหน้าท้อง และมีไข้หลังผ่าตัด
- เสี่ยงต่อภาวะท้องอืดเนื่องจากการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง จากการเคลื่อนไหวของร่างกายลดลง
- มีโอกาสสร้างสัมพันธภาพกับบุตรไม่เหมาะสมหรือล่าช้า
- มีโอกาสเกิดภาวะคัดตึงเต้านม
- ส่งเสริมการให้ความรู้ในการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลและการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดเมื่อกลับบ้าน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลติดตามเยี่ยมหลังคลอด
ด้านมารดา
- มีโอกาสเกิดภาวะตกเลือดหลังผ่าตัดคลอด
- ไม่สุขสบาย เนื่องจากปวดแผลผ่าตัด
- มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในร่างกาย จากแผลผ่าตัด
- ส่งเสริม Breast Feeding และสายสัมพันธ์แม่และลูก
- วิตกกังวลและขาดความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
- ขาดความรู้เรื่องการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดคลอดและการดูแลทารกเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ด้านทารก
- มีโอกาสเกิดการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายเนื่องจากภูมิต้านทานโรคต่ำ
- ทารกเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำหรือสูง เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายยังไม่
- ส่งเสริมให้ทารกได้รับการดูแลอย่างถูกต้องจากมารดาเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ชื่อผู้รับบริการ เพศหญิง อายุ 21 ปี 5 เดือน สถานภาพ สมรส
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล : 17 กรกฎาคม 2561 เวลา 18.40 น.
การวินิจฉัยโรคเบื้องต้น : G1P0A0L0 GA 37+4 weeks with Labour pain
วันที่คลอด : 18 กรกฎาคม 2561 เวลา 14.18 น.
การคลอด : Cesarean Section : C/S
การวินิจฉัยโรคครั้งสุดท้าย G1P0A0L0 GA 37+4 weeks with Cephalo-Pelvic Disproportion: CPD
วันที่นักศึกษารับไว้ในการดูแล : กรกฎาคม 2561 เวลา 18.40 น.
ผลตรวจเลือดสามีวันที่ 13 มี.ค. 2561
DCP: negative
MCV: 85.1
Hct: 42.7%