Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิเคราะห์เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา (คุณค่าด้านวรรณศิลป์,…
วิเคราะห์เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน
ตอนขุนช้างถวายฎีกา
คุณค่าด้านเนื้อหา
โครงเรื่อง
ฝ่ายพลายงาม เมื่อชนะความขุนช้างแล้ว ก็อยู่มาด้วยความสุข แต่มาคิดว่ายังขาดแต่มารดา เห็นว่าไม่ควรคู่กับขุนช้าง แล้วคิดว่าจะรับแม่กลับมาอยู่กับขุนแผน พอตกค่ำจึงออกเดินทางไปบ้านขุนช้าง สะกดผู้คน ภูตพราย และแก้อาถรรพณ์ แล้วสะเดาะกลอน เข้าไปถึงชั้นสามห้องนอน ถอนสะกดนางวันทอง แล้วเจรจากัน พระไวยแจ้งว่าจะมารับนางวันทองกลับไปบ้าน นางวันทองแนะนำให้นำเรื่องขึ้นกราบทูลพระพันวษา
พลายงามไม่เห็นด้วยและจะพาไปให้ได้ นางวันทองจนใจจึงยอมไปกับพระไวย ขุนช้างตื่นขึ้นไม่พบนางวันทอง ให้บ่าวไพร่ค้นหาไม่พบ ฝ่ายพลายงามได้คิดว่า ถ้าขุนช้างรู้ว่าลักนางวันทองมา ก็คงจะนำความขึ้นกราบทูลสมเด็จพระพันวษา มารดาก็จะต้องโทษ คิดแล้วจึงให้หมื่นวิเศษผล ไปหาขุนช้างที่บ้าน ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องราว อย่าให้ขุนช้างโกรธ ด้วยเป็นคนที่เคยชอบพอกัน โดยให้บอกขุนช้างว่า ตนจับไข้อยู่หลายวัน เกรงว่าแม่ไม่ทันจะเห็นหน้า จึงให้คนไปพาแม่มา พอให้ตนหายไข้แล้ว จะส่งมารดาคืนกลับไป หมื่นวิเศษรับคำแล้วก็รีบไปบ้านขุนช้าง แจ้งเรื่องตามที่พระไวยสั่งมาทุกประการ ขุนช้างได้ฟังก็ทั้งโกรธและแค้น เมื่อข่มความโกรธแล้วก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไรเรื่องการเจ็บไข้ ถ้าขัดสนสิ่งไรก็ขอให้มาเอาที่ตนได้ ว่าแล้วก็ปิดหน้าต่างใส่ ด้วยความเดือดดาลและแค้นใจ
ตัวละคร
นางวันทอง
นางวันทองมีลักษณะสาวชาวบ้านจึงเป็นคนซื่อ ไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก เป็นคนที่ไม่กล้าที่จะตัดสินใจดังบทประพันธ์
ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์ สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
(หน้า 38 บรรทัดที่ 23 )
ขุนแผน
มีรูปร่างหน้าตางดงามคมสัน สติปัญญาเฉลียวฉลาด นิสัยเป็นคนเจ้าชู้และมีคารมคมคาย
จึงง่ายต่อการพิชิตใจหญิงสาวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ดังบทประพันธ์
จึงแกล้งเพทุบายทำนายไป ฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ
เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็น เนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์
พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝัน แล้วทำมิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข
มิให้เกิดราศีกลียุค อย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ
(หน้า 34 บรรทัดที่ 11 )
ขุนช้าง
ขุนช้าง มีลักษณะนิสัยรักเดียวใจเดียวกับนางวันทอง มีลักษณะรูปชั่วตัวดำ หัวล้านมาแต่กำเนิด นิสัยเจ้าเล่ย์เพทุบาย ดังบทประพันธ์
ครานั้นขุนช้างฟังบ่าวบอก เหงื่อออกโซมล้านกระบาลใส
คิดคิดให้แค้นแสนเจ็บใจ ช่างทำได้ต่างต่างทุกอย่างจริง
สองหนสามหนก่นแต่หนี พลั้งทีลงไม่รอดนางยอดหญิง
คราวนั้นอ้ายขุนแผนมันแง้นชิง นี่คราวนี้หนีวิ่งไปตามใคร
(หน้า 34 บรรทัดที่ 11 )
จมื่นไวย
มีความสามารถเช่นเดียวกับขุนแผนคือวิชาอาคม และเป็นคนรักแม่มาก
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ เบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
( หน้า24บรรทัดที่ 13 )
พระพันวษา
มีนิสัยโกรธง่าย จะเห็นได้จากตอนที่ ให้นางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใคร นางมีความลังเล เลือกไม่ได้ว่าจะอยู่กับใคร
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย
(หน้า 39 บรรทัดที่ 19 )
คุณค่าด้านสังคม
ค่านิยมสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคม ในสมัยก่อนในบ้านของคนมีฐานะร่ำรวย จะต้องจัดสรรให้มีห้องต่างๆ ดังบทประพันธ์
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลับวันแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
ม่านมูลี่มีฉากประจำกั้น อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา
ชมพลางย่างเยื่องชำเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง ( หน้า24 บรรทัดที่15 )
ค่านิยมความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์ จากตอนที่พลายงามที่จะขึ้นเรือนขุนช้างเพื่อพานางวันทองมาอยู่ด้วย พลายงามต้องดูฤกษ์ยาม เช่น เสกขมิ้นืลงยันต์ เป่ามนต์ ดังบทประพันธ์
คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
ลงยันต์ราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใส่หัว
เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัว พรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา (หน้า 23 บรรทัดที่20 )
ด้านจริยธรรมของคนในสังคม ไม่นิยมผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเหมือนนางวันทองคือ มีสามีสองคนในเวลาเดียวกันแม้จะไม่ได้เกิดจากความปราถนา ดังบทประพันธ์
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย.
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้ (หน้า 39 บรรทัดที่15 )
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
การใช้คำให้เกิดอารมณ์โกรธแค้น (พิโรธวาธัง) ดังบทประพันธ์
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคลั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก
(หน้า 39 บรรทัดที่3 )
การเปรียบเทียบโดยใช้โวหารภาพพจน์ (สัจพจน์) ดังบทประพันธ์
ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน
พระพายโชยเสาวรสขจายขจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง
ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง
วันทองน้องนอนสนิทรวง จิตง่วงระงับสู่ภวังค์
(หน้า 33 บรรทัดที่19 )
การใช้คำบรรยายที่เกิดการเปรียบเทียบ ดังบทประพันธ์
เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมมานำผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร
รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
(หน้า 23 บรรทัดที่5 )
มีการพรรณณาถึงเรื่องฝันร้ายดังบทประพันธ์
ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น
(หน้า 34 บรรทัดที่8 )
กวีแทรกอารมณ์ขันในการแต่ง (หาสยรส) ดังบทประพันธ์
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว
ยายจันงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
(หน้า 27 บรรทัดที่23 )
การพรรณนาโวหาร (นารีปราโมทย์) ดังบทประพันธ์
จะเป็นตายง่ายยากไม่จากรัก จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน
ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อนเสน่หาจงอาลัย
(หน้า 33 บรรทัดที่1 )