Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Electroconvulsive Therapy (การเตรียมผู้ป่วย (งดอาหารและน้ำทางปากอย่างน้อย…
Electroconvulsive Therapy
ชนิด
1.Bilateral ECT คือการช็อคด้วยไฟฟ้าโดยการวางขั้วไฟฟ้า (electrode) ไว้ที่ขมับ ทั้ง ๒ ข้าง ให้กระแสผ่านสมองทั้ง ๒ ซีก
2.Unilateral ECT คือการช็อคด้วยไฟฟ้า โดยให้กระแสผ่านสมองซีกเดียว ซึ่งเป็นซีกที่ nondominant เพื่อลดอาการสับสน (confusion) และอาการลืมหลังทำ วิธีทำคือ วางขั้วไฟฟ้าอันหนึ่งไว้ที่ตำแหน่ง ๓ เซนติเมตร เหนือจุดกึ่งกลางของเส้นที่ต่อระหว่าง lateral angle of the orbit กับ external auditory meatus ขั้วไฟฟ้าอีกอันวางที่ตำแหน่ง ๖ เซนติเมตรเหนือขั้วไฟฟ้าอันแรก และทำมุม ๗๐ องศากับเส้นตรง
ความถี่ในการทำ
ทำ ๓ ครั้งต่อสัปดาห์จนอาการดีขึ้น ซึ่งขึ้นกับชนิดของโรค อย่างน้อยที่สุดไม่ควรทำต่ำกว่า ๖ ครั้ง และมากที่สุดไม่เกิน ๒๕ ครั้ง เฉลี่ยประมาณ ๙ ครั้ง
ข้อบ่งชี้ในการทำ
สภาวะซึมเศร้าจากสาเหตุภายใน (endogenous depression) จะให้ผลดีจากการรักษาด้วยการช็อคไฟฟ้ามากกว่าสภาวะอื่นๆ ที่ใช้บ่อยคือโรคจิตทางอารมณ์แบบเศร้า
โรคจิตทางอารมณ์แบบคลั่ง ที่มีอาการอย่างเฉียบพลัน
โรคจิตเภทแบบ catatonic (การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ)และแบบเฉียบพลันที่มีอาการทางอารมณ์เป็นอาการสำคัญ
เป็น maintenance treatment ในโรคจิตเภทที่เป็นอย่างเรื้อรัง
ข้อห้าม
โรคของหลอดเลือดและหัวใจ เพราะอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ (arrhythmia) ในขณะชัก และอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายมากขึ้น แต่ถ้าคลื่นหัวใจ (ekg) และระดับเอนไซม์ของหัวใจคงที่แล้วอาจ ทำ ECT ได้ แต่ต้องทำโดยความระมัดระวัง
โรคของกระดูก โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง
ห้ามเด็ดขาดในโรคเนื้องอกของสมอง เพราะการชักจะเพิ่มความดันภายในกระโหลกศีรษะ
การเตรียมผู้ป่วย
งดอาหารและน้ำทางปากอย่างน้อย ๒ ชั่วโมงก่อนทำ ให้ปัสสาวะก่อน และถอดฟันปลอมออก
ฉีด atropine sulphate ๐.๖-๑ มิลลิกรัมเข้าใต้ผิวหนัง ๓๐ นาทีก่อนทำเพื่อลดน้ำลายและน้ำเมือกในหลอดลม รวมทั้งลดปัญหาแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ให้ thiopentone ๐.๒๕-๐.๕ กรัมฉีดเข้าหลอดเลือดดำให้ผู้ป่วยหลับ เมื่อผู้ป่วยหลับแล้ว ฉีด succinyl choline ๒๐-๓๐ มิลลิกรัมเข้าหลอดเลือดดำก่อนปล่อยกระแสไฟฟ้า เพื่อป้องกันการกระตุกอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อ ควรจะใส่ไม้กดลิ้น หรือ mouth gag เพื่อป้องกันการกัดลิ้น วางขั้วไฟฟ้าที่ขมับแต่ละข้าง จัดกระแสไฟฟ้าและเวลาตามต้องการ เตรียมเครื่องดูดเสมหะ ออกซิเจน และ oxygen mask
งดยาที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำก่อนทำช็อค จิตแพทย์บางคนแนะนำให้หยุดยาแก้อารมณ์เศร้าด้วย เพราะอาจเสริมฤทธิ์กันทำให้เป็นอันตรายแก่หัวใจ
หลังการชักผู้ป่วยจะหยุดหายใจชั่วขณะ อันเป็นผลจากการชักและจากยาซึ่งทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่หายใจเป็นอัมพาต เพราะฉะนั้นต้องให้อ๊อกซิเจนช่วย หลังจากฟื้นผู้ป่วยอาจสับสนหรือไม่ค่อยรู้สึกตัวอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จึงต้องมีผู้ดูแลจนกว่าจะรู้ตัวดี
การตรวจร่างกายแล้ว ควรจะต้องวัดความดันโลหิต ถ่ายภาพรังสีของทรวงอกและกระดูกสันหลัง ตรวจคลื่นหัวใจ และคลื่นสมอง
บอกผู้ป่วยและญาติว่าแพทย์จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีนี้ อธิบายวิธีการทำให้ฟัง และให้ลงชื่อยินยอม