Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิเคราะห์ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา ((ตัวละคร (ขุนแผน มีสติปัญญา…
วิเคราะห์ขุนช้างขุนแผน
ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ใช้กลอนเสภา
ลักษณะคำประพันธ์กลอนเสภาเป็นกลอนสุภาพ
เสภาเป็นกลอนขั้นเล่าเรื่องอย่างเล่านิทานจึงใช้คำมากเพื่อบรรจุข้อความให้ชัดเจนแก่ผู้ฟังและมุ่งเอาการขับได้ ไพเราะเป็นสำคัญ สัมผัสของคำประพันธ์คือคำสุดท้ายของวรรคต้น สัมผัสไปยังคำใดคำหนึ่งใน5 คำแรกของวรรคหลังสัมผัสวรรคอื่นและสัมผัสระหว่างบทเหมือนกลอนสุภาพ
เรื่องขุนช้างขุนแผน
เป็นนิยายพื้นบ้านแต่งขึ้นจากเรื่องจริง
เกิดขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีซึ่งมีหลักฐาน
เป็นคำให้การชาวกรุงเก่าโดนแต่งเป็นบทกลอน
สำหรับขับเสภาเมื่อมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ตัวละคร
ขุนแผน
มีสติปัญญา เฉลียวฉลาดมีความกล้าหาญ เสียสละ รักนางวันทองมากแต่เจ้าชู้ มีวิชาคมด้านไสยศาสตร์ ดังบทประพันธ์
ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย์ ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัด
(หน้าที่35)
กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนาง ละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์
เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครัน จะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ
(หน้าที่31)
ขุนช้าง
มีลักษณะนิสัยรักเดียวใจเดียว ถึงมีฐานะร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยมีหญิงอื่น
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำหนักหนาหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตน
(หน้าที่38)
วันทอง
ลักษณะนิสัย สองใจ ไม่เลือกเด็ดขาดว่าจะอยุ่กับใคร
จนถูกประหารเพราะตัวของนางทำตัวเอง
ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำหนักหนาหาได้ว่าเคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตน
(หน้าที่38)
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันหาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปราณี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
(หน้าที่39)
จมื่นไวย
มีลักษณะนิสัย รักแม่มาก ถนัดด้ายไสยศาตร์เหมือนกับพ่อ
ดังบทประพันธ์
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ เบิกบานกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
(หน้าที่24)
พระพันวษา
ลักษณะนิสัย ตัดสินใจเด็ดขาด โกรธง่าย แต่มีความยุติธรรม เมื่อมีการฟ้องร้อง พระพันวษาก็จะไต่สวนหาความจริงดังบทประพันธ์
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
อ้ายหมื่นไวยทำใจอหังการ์ ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย
จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย
ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู
(หน้าที่37)
วิเคราะห์ด้านสังคม
ค่านิยมในเรื่องไสยศาสตร์ แม้จะนับถือพุทธศาสนาแต่ก็ยังเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจคาถาอาคม เรื่องโชคชะตาดวงของคน การพึ่งพาไสยศาสตร์ การใช้เครื่องรางมีวิชาอาคมบทประพันธ์ต่อไปนี้
•ครานั้นวันทองเจ้าพรายงาม ได้ฟังความคร้ำท่านหวั่นไหว
ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกเวทมนต์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย์ ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน
น้ำมันพลายน้ำมันจันทร์สรรเสกปน เคยคุมขังบางตนแต่ไรมาแล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คุณเห็นคุณทักรักทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป. (หน้าที่35)
ค่านิยมความเชื่อในจารีตประเพณี ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เช่น หญิงต้องมีสามีคนเดียว หญิงที่มีสามีหลายคนหรือมีสามีแล้วไปเป็นชู้กับชายอื่น ก็จะถูกตราหน้าว่า เป็นหญิงแพศยาหรือกาลกิณี ไม่มีความเจริญดังที่พระพันวษาได้กล่าวดังบทประพันธ์ดังนี้
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันหาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปราณี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
(หน้าที่39)
วิเคราะห์ด้านวรรณศิลป์
สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้น(พิโรธวาทัง)
ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
(หน้าที่39)
การบรรยายโวหาร (เสาวรจนีย์)
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
(หน้าที่23)
เปรียบเทียบ (อุปมาโวหาร)
อีวันทองตัวมันเหมือนแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
(หน้าที่38)
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันคือควรรักเดียวใจเดียวไม่รักทีละหลายๆคน
ซื่อสัตย์ต่อคนรัก ไม่โกหก จะทำให้ชีวิตของเราเป็นสุข
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา
กลวิธีในการแต่ง
โครงเรื่อง