Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กสมองพิการ เด็กสมองพิการ1 (การรักษา (ภาวะสมองพิการไม่มี…
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กสมองพิการ
ความหมาย
สมองพิการ หมายถึง ความบกพร่องของสมองส่วนทีใช้ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทาง การทรงตัว การเคลื่อนไหว(motor disorder) ไม่จัดว่าเป็นโรค (การพยาบาลเด็กเล่ม 2,2561)
กลไกความผิดปกติ
เด็กที่มีความพิการอย่างถาวรของสมอง การประสานงานของการทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง ส่งผลให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและการทรงท่าที่ผิดปกติ เช่น การเกร็งของใบหน้า ลิ้น ลำตัว แขน ขา การทรงตัว การทรงท่าในขณะนั่ง ยืน เดิน
การรักษา
ภาวะสมองพิการไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ส่วนสมองที่เสียหายไม่สามารถรักษาให้ทำหน้าที่ได้ตามปกติ แพทย์จะให้การรักษาแบบประคับประคองเพื่อให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน การผ่าตัดจะช่วยแก้ไขการมีอวัยวะผิดรูปที่รุนแรงเท่านั้น เพื่อช่วยให้มีการเคลื่อนไหวดีขึ้น ซึ่งต้องใช้ทีมสหสาขาวิชาชีพต่างๆในการดูแลรักษาเช่น แพทย์พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักอาชีวบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น การดูแลรักษามีต่างๆดังนี้
1.การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ แพทย์จะให้ยาครายกล้ามเนื้อเฉพาะในรายที่เด็กมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อมาก ยาที่นิยมใช้ ได้แก่ Diazepam baclofen เป็นต้น
2.การทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขาหรือลำตัวให้เด็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการผิดรูปของอวัยวะหรือข้อติดแข็ง
3.การส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหว การทำงานของอวัยวะต่างๆ ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นเพื่อให้สมองส่วนต่างๆที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนามากที่สุด ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การพูด การสัมภาษณ์ และการรับประทาน เป็นต้น
4.การแก้ไขภาวะผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญเช่นถ้าเด็กที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นต้องส่งปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อแก้ไข ถ้ามีปัญหาการได้ยินจะทำการทดสอบการได้ยิน (hearing test)เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
5.การแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น เช่น ถ้ามีอาการชัก และพฤติกรรมที่ผิดปกติต้องดูแลให้ยาแก้ไขอาการชักหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติ
6.การให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวันและส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสมเพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นวิธีการให้ยาการให้อาหารการแต่งตัวการอาบน้ำการเล่นที่เหมาะสมกับวัยการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเป็นต้น
เด็กสมองพิการที่ไม่มีการหดเก่งของกล้ามเนื้อ การรักษาโดยการใช้ยา การผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด จะได้ผลน้อยกว่ากลุ่มเด็กสมองพิการที่มีการหดเก่งของกล้ามเนื้อ โดยปกติเด็กสมองพิการไม่จำเป็นต้องเข้านอนรักษาในโรงพยาบาลยกเว้นแต่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากสาเหตุอื่นหรืออวัยวะผิดรูป
ในต่างประเทศมีการให้ baclofen pump เพื่อรักษาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อโดยการผ่าตัดใส่เครื่อง pump เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง และใส่สายสวนเข้าไปในไขสันหลัง เพื่อให้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือการใช้ botulinum-A toxin(Botox) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อโดยตรง จากช่วยผ่อนคายไม่หดเกงและช่วยให้เด็กสามารถออกกำลังกายได้
สาเหตุ
1 ระยะก่อนคลอดเป็นสาเหตุของสมองพิการร้อยละ 10 ได้แก่การมีเลือดออกทางช่องคลอดของมารดา ช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ เดือนที่ 6-9 มารดาขณะตั้งครรภ์ขาดสารอาหาร มารดามีภาวะชัก หรือมีภาวะปัญญาอ่อน การเกิดก่อนกำหนด การเกิดน้ำหนักตัวน้อย มารดาขณะตั้งครรภ์การใช้ยาบางชนิดทำให้สมองเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ มารดาได้รับอุบัติเหตุหรือเกิดการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ เช่นหัดเยอรมัน
2.ระยะคลอด เป็นสาเหตุของสมองพิการ ร้อยละ 30 ได้แก่ สมองขาดออกซิเจนได้รับอันตรายจากการคลอด คลอดยากรกพันคอคลอดท่าก้นการใช้คีมดึงเด็กเป็นต้น
3 ระยะหลังคลอดเป็นสาเหตุของสมองพิการร้อยละ 5 ได้แก่การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะตัวเหลืองเมื่อแรกเกิดเส้นเลือดที่สมองมีความผิดปกติการขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ การติดเชื้อบริเวณสมองเช่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบซีที่สมองเป็นต้นการได้รับสารพิษเช่นสารตะกั่วยาฆ่าแมลงเป็นต้น
พยาธิสภาพ
ส่วนใหญ่สมองมีขนาดเล็กสมองฝ่อจะดูใหญ่ขึ้นเนื่องจากเนื้อสมองน้อย อาจมีหินปูนจากที่สมองในเด็กที่มีการติดเชื้อ ขณะอยู่ในครรภ์ เช่นการติดเชื้อ เป็นต้น
-
อาการและอาการแสดง
1 ชนิดกล้ามเนื้อหดเกร็ง(spastic) พบได้ประมาณร้อยละ 75 เกิดจากสมองบริเวณmoter cortex ได้รับความเสียหายไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดเกร็ง กลุ่มนี้พบมากที่สุด
1.1 spastic quadriplegic เป็นชนิดรุนแรงและพบมากที่สุด มีอาการอ่อนแรงและมีความตึงตัวของกล้ามเนื้อแขนขา เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งสองข้างการทรงตัวของคอและลำตัวอ่อนผิดปกติ สีสามารถมีขนาดเล็ก และกลืนผิดปกติทำให้น้ำลายไหลตลอดเวลา
1.2 spastic diplegia มีอาการอ่อนแรง และความตึงตัวของแขนขาทั้งสองข้างโดยเป็นที่ขามากกว่าแขนเมื่ออมเด็กในท่ายืนขึ้นขาลอยเหนือพื้น ขาทั้งสองข้างมักจะเหยียดและค่อยกัน เมื่อเด็กโตขึ้น อาจมีสะโพกและเข่างอ ขา 2 ข้างบิดเข้ามาตรงกลาง และปลายเท้าเขย่งแขนอาจมีความผิดปกติน้อยกว่าขา การใช้มือจะไม่คล่องแคล่วเด็กไม่มีภาวะปัญญาอ่อนอย่างชัดเจน
1.3 spastic hemiplegia มีความผิดปกติที่แขนขาซีกใดซีกหนึ่ง โดยมีการอ่อนแรงและมีความตึงตัว ของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แขนขาข้างที่เคลื่อนไหวได้น้อย จะมีขนาดเล็ก และอาจเกิดข้อติดแข็ง ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง โดยปกติเด็กสามารถเดินได้
- Extrapyramidal cerebral palsy (athetoidsis) พบได้ร้อยละ 10-15 เกิดจากสมองบริเวณ basal ganglia ได้รับความเสียหาย ทำให้มีการเคลื่อนไหวผิดปกติตลอดเวลา ขณะตื่นเด็กจะบังคับส่วนต่างๆของร่างกายให้ไปตามทิศทางที่ต้องการไม่ได้ การเคลื่อนไหวที่ควบคุมไม่ได้อาจจะเป็นเฉพาะส่วนปลายมือและเท้าช้าๆหรือส่วนต้นแขนขาที่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงกว่าและรวดเร็ว หรืออาจมีการเกร็งและบิดแขนขาเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กันหันออกไปในทิศทางต่างๆเป็นต้น ทำให้การทรงตัวไม่ดีเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ง่ายอาการสั่นจะมากขึ้นว่าตื่นเต้นหรือพยายามจะทำกิจกรรมให้ได้ส่วนใหญ่จะมีสติปัญญาปกติ
- Ataxia cerebral palsy กลุ่มที่มีการทรงตัวผิดปกติ พบได้ประมาณร้อยละห้าถึง 10 เกิดจากความผิดปกติของ cerebellum ทำให้สูญเสียการทรงตัวเด็กจะเดินเซล้มง่ายกล้ามเนื้อมีความตึงตัวน้อยการทรงตัวควบคุมได้ไม่ดีเมื่อเริ่มนั่งหรือยืนจะทำได้ลำบากอาการจะคงที่ส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้จะมีสติปัญญาปกติอาการจะปรากฏเมื่อเด็กอายุ1-2ปี
- Mixed Type กลุ่มผสม เป็นกลุ่มที่มีอาการหลายๆอย่างร่วมกัน เช่นเดินเซชักเกรง มักมีปัญญาอ่อนเด็กสมองพิการทุกประเภทจะมีลักษณะการแสดงออกที่แสดงถึงความผิดปกติของความตึงตัวของกล้ามเนื้อนั่งตัวงอ มีความผิดปกติของรีเฟล็กซ์ มีพัฒนาการของกล้ามเนื้อและการประสานล่าช้า เช่นคอแข็ง พลิกคว่ำช้า
ทารกที่มีความพิการของสมองรุนแรงจะมีการทรงตัวที่ผิดปกติตัวอาจอ่อนปวกเปียกหรือแข็งเกร็งมีความพิการของโครงร่างนรายที่เดินได้จะเดินในลักษณะขาบิดเข้าหากันคล้ายกรรไกรและเดินแบบปลายเท้าเขย่ง มักพบความบกพร่องทางสติปัญญามากที่สุดร้อยละ60-70
โดยระดับความรุนแรงของสติปัญญามักสัมพันธ์กับความรุนแรงของความพิการความบกพร่องของการมองเห็นเช่น ตาเข สายตาผิดปกติและความบทบกพร่องของการสื่อสารทางภาษาพูดและภาษากาย
การพยากรณ์โรค
ผิดปกติการเคลื่อนไหวแขน ขา 2 ข้างมาก ปัญญาอ่อน+ชักร่วมบ่อยๆ จะมีการพยากรณ์โรคไม่ดี เกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ
ผิดปกติทางการเคลื่อนไหวอย่างเดียวและส่วนต่างๆได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่มีอาการใหม่ๆ จะมีการพยากรณ์โรคดี
-
-
-