Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 การช่วยเหลือในการทำสูติศาสตร์หัตถการ (การดูแลมารดาและทารกที่ได้รับ…
บทที่ 7 การช่วยเหลือในการทำสูติศาสตร์หัตถการ
การดูแลมารดาและทารกที่ได้รับการชักนำการคลอด (Induction of labor)
การชักนำการคลอดโดยใช่หัตถการ
การเจาะถุงน้ำ (Stripping of the membrane)
กระตุ้นการหลั่ง Oxytocin
เกิดการหลั่ง Prostaglandin บริเวณที่เจาะถุงน้ำ
กระตุ้นการเจ็บครรภ์
การใช่นิ่วเลาะถุงน้ำคร่ำให้แยกตัวออกจากปากมดลูก และผนังมดลูกส่วนล่าง
ภาวะแทรกซ้อน
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
เสี่ยงต่อการตกเลือดในรายที่รกเกาะต่ำ
การแตกของถุงน้ำคร่ำก่อนกำหนด
เป็นวิธีการที่ค่อนข้างปลอดภัย
การเจาะถุงน้ำ (Amniotomy rupture of the mambrane : ARM)
ข้อห้าม
ปากมดลูกยังไม่เปิด
ส่วนนำไม่ใช่ศีรษะ
ส่วนนำไม่ใช่อุ้มเชิงกราน
การป้องกันภาวะแทรกซ้อน
เจาะระหว่างมดลูกคลายตัว
หลังจากให้คานิ้วมือไว้ ให้น้ำคร่ำไหลออกช้าๆ
ฟัง FHS ก่อนและหลังเจาะ
ภาวะแทรกซ้อน
สายสะดือพลัดต่ำ
การติดเชื้อในมารดาและทารก
รกลอดตัวก่อนกำหนด
Amniotic Fluid embolism
ทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อมดลูกสั้นลง
ทำให้มดลูกมีการหดรัดตัว
ความแรงเพิ่มขึ้น หดรัดตัวเร็วขึ้น
มีประสิทธิภาพในการชักนำการคลอด
การใช่ยา
Oxytocin
ข้อดี
เข้าสู่ระยะคลอดเร็วขึ้น
ผลข้างเคียงมีน้อย
วางแผนการดูแลผู้คลอดได้ดีขึ้น
ภาวะแทรกซ้อน
รกลอกตัวก่อนกำหนด 5.Amniotic fluid embolism
6.ตกเลือดหลังคลอด 7. ภาวะน้ำเป็นพิษ
ทารกขาด O2 2.มดลูกแตก 3. คลอดเร็วผิดปกติ
ตัวเหลืองในทารกแรกเกิด 9.คลอดก่อนกำหนด
ปฏิกิริยาของมดลูก
การหดรัดตัวอ่อนกำลัง
การหดรัดตัวถี่เกินจากให้ยาเร็ว
การหดรัดตัวรุงแรงมากเกินไป
กล้ามเนื้อมดลูกหดไม่เท่ากัน
การหดตัวขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของยา
Prostaglandin PGs
วิธีใช่ PGE2
สอดเข้าไปในช่องคลอดบริเวณ posterior fomix
ใส่ยาเข้าไปแบบ Extra amniotic infusion
วิธีใช่/ข้อควรระวัง
ใช่ใน Pt ที่นอนโรงพยาบาลเท่านั้น ,พร้อมรักษาการตกเลือด
เตรียมยาคลายมดลูก ,ติดตาม V/S , FHS
ประเมินปากมดลูกหลังให้ยา 4 hr
ห้ามใน สตรีเคยผ่ามดลูก ,ครรภ์แฝด ,ถึงครรภ์ที่ 5
ชนิด
PGE1
Misoprostol Cytotec ใช่เตรียมปากมดลูกให้พร้อม
PGE2
Dinoprostone Prostia E2 .ใช่เหน็บช่องคลอด กระตุ้นเจ้บครรภ์
Sulprostone Nalador ใช่ฉีดเข้าเลือดดำ เพื่อให้การตั้งครรภ์สิ้นสุด
PGE2 Alpha
Dino prot ใช่กระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอด และทำให้ตั้งครรภ์สิ้นสุด
หัตถการหมุนเปลี่ยนท่าทารก
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายน (internal podalic version)
ข้อห้าม
ส่วนนำของทารกเคลื่อนต่ำลงมาต่ำมาก
ตกเลือดก่อนคลอดหรือมีภาวะรกเกาะต่ำ
เคยผ่าตัดบริเวณมดลูก
มีอาการและอาการแสดงของภาวะมดลูกแตกคุกคาม
การพยาบาล
ก่อนทำ
ทำเหมือนกับการหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายนอก
หลังทำ
ประเมิน FHS และ VIS ของผู้คลอดเป็นระยะ
ประเมินภาวะแทรกซ้อนหรือการบาดเจ็บที่อาจเกิดกลับผู้คลอดและท่ารก
ขณะทำ
อยู่เป็นเพื่อนสตรีมีครรภ์เพื่อลดความวิตกกังวล
ประเมิน FHS และอาการเจ็บขณะทำการหมุนเปลี่ยนท่า
ข้อบ่งชี้
การคลอดแฝดคนที่ 2 และมีปัญหาต้องให้คลอดด่วน
ทารกท่าขวางที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกจากภายนอก (external cephalic version :ECV)
ข้อห้าม
ครรภ์แฝด
มารดาอ้วนมาก
มีแผลผ่าตัดที่มดลูก
คลื่นหัวใจทารกผิดปกติ
ทารกตัวโต
มารดามีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมและสูติกรรม
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ
จำนวนการครั้งการคลอด
อายุครรภ์
ปริมาณน้ำคร่ำ
ตำแหน่งของรก
การหดรัดตัวของมดลูก
ข้องบ่งชี้
อายุครรภ์ตั้งแต่ 37 wk ขี้นไป
ครรภ์เดี่ยวที่ทารกอยู่ในท่าก้น หรือท่าขวาง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์
หลักการทำและวิธีการหมุน
ให้สตรีมีครรภ์ถ่ายปัสสาวะออกให้หมด
ตรวจ U/S เพื่อยืนยันท่าทารก ส่วนนำ ตำแหน่งส่วนนำ
ทำ NST ดพื่อประเมินสภาพครรภ์
ให้ Rh immunoglobulin ในสตรีมีครรภ์รายที่มี Rh negative เสมอเพื่อป้องกัน Rh isoimmunization
ทำการหมุนเปลี่ยนท่าทารกด้วยความนุ่มนวล โดยทั่วไปมักจะเริ่มด้วยการหมุนไปข้างหน้า (forward roll)
การพยาบาล
ก่อนทำ
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา
NPO
ตรวจเพื่อยืนยันท่าทารกและส่วนนำด้วย U/S ,ประเมินสุภาพทารกด้วย NST
ดูแลให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
ขณะทำ
ประเมินเสียงหัวใจทารก ถ้า FHS < 120 ครั้ง/นาที ต้องแจ้งผู้ทำเพื่อหยุดการหมุนเปลี่ยนท่าทารกทันที
อยู่เป็นเพื่อนสตรีมีครรภ์เพื่อลดความวิตกกังวล
หลังทำ
ประเมิน FHS อย่างน้อย 30 นาที
ตรวจเพื่อยืนยันท่าทารกและส่วนนำด้วย U/S ,ประเมินสุภาพทารกด้วย NST
ประเมินและแนะนำให้สตรีมีครรภ์สังเกตอาการผิดปกติ
V/S มารดาเป็นระยะ
แจ้งผลการทำให้สตรีมีครรภ์ทราบ